ไนกี้ นิธิดล เคลียร์กระแสวิจารณ์ไม่เปรี้ยง อยากหวนบ้านเก่า ลั่นไม่น้อยใจ ยินดีหากผู้ใหญ่ให้โอกาส
ล่าสุดเหมือนเราอยากกลับมาร่วมงานกับทางคุณบอย ถกลเกียรติ ?
ไนกี้ : พอดีว่าผมได้ไปโปรโมตหนังที่ตึก แล้วพี่ ๆ ทุกคนเข้ามาเราก็รู้สึกนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ แล้วเราก็คิดถึงนายอยู่แล้วว่า พี่บอย พี่ป้อน (นิพนธ์) ให้โอกาสเรา เราได้กลับไปบ้านเรา ทุกคนทักทาย เรารู้สึกตื้นตันนะครับ (ไม่มีละครกับช่องวันนานขนาดไหนแล้ว ?) น่าจะเกือบปีแล้วนะครับ
หลายคนมองว่า พอเราเป็นอิสระไม่เปรี้ยง เราอยากจะกลับมาคืนรัง ?
ไนกี้ : แล้วแต่คนจะมองเลยครับ ผมออกมาทำงานผมทำงานตลอด ทำงาน 7 วันตลอดเลย (ส่วนตัวเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไปไม่รอดแล้ว ?) ผมมองว่าถ้านายมีเรื่องไหนที่มันตรงคาแรกเตอร์เรา ผมก็พร้อมกลับไปรับใช้นาย แต่เมื่อเราออกมา มันก็แล้วแต่คนที่มองนะครับ มันเหมือนกับว่าเราได้ออกมาหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ผมก็จะได้เห็นงานที่ไนกี้ไม่เคยทำ
งานดูไม่ค่อยเปรี้ยงเหมือนตอนอยู่ช่องวันไหม ?
ไนกี้ : สำหรับผมมันมาเรื่อย ๆ อยู่แล้วครับ โดยที่ผมไม่ได้เอาตัวเองไปแข่งกับใครว่าเราดังขนาดไหน ผมมองว่าผมมาเรื่อย ๆ ของผมนะ มันเหมือนกับกราฟนะครับ สำหรับตัวผมและพ่อแม่ที่อยู่ข้างเราตลอด เราจะอยู่อย่างนี้ ไม่ได้มาแบบหวือหวา แต่เราค่อย ๆ ไปมากกว่า ผมรู้สึกว่ามันก็ภูมิใจสำหรับตัวเราเอง ผมไม่ได้เป็นคนหน้าตาดีหรืออะไร ผมเป็นคนตั้งใจกับการทำงานเฉย ๆ
ไนกี้ : ถ้าผู้ใหญ่เรียกตัวผมก็กลับไปทำให้อย่างเต็มใจอยู่แล้ว แล้วต้องขอบคุณพี่บอย พี่ป้อนและผู้ใหญ่ทุก ๆ คน ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าเราเกิดจากอะไร เกิดจากไหน เราเกิดจากเอ็กแซกท์ เราเกิดจากช่องวัน เป็นพระเอก หลาย ๆ คนอาจจะเรียกผมว่าลูกหม้อก็จริงนะครับ ผมก็ยอมรับ เพราะผมเกิดจากตรงนั้นจริง ๆ นายเป็นคนดี ผมรู้สึกอย่างนั้น
แล้วเมื่อวานได้ขึ้นไปสวัสดีกับผู้ใหญ่ในช่องไหม ?
ไนกี้ : ไม่ได้ขึ้นไปนะ ผมไปทางด้านหลังตึก เพราะว่าไปโปรโมตหนัง
กลับมาทบทวนแล้วคิดว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจออกมา ?
ไนกี้ : ไม่อยากจะพูดว่าถูกหรือผิดนะครับ มันเป็นช่วงของวุฒิภาวะมากกว่าในตอนนั้น แล้วเราไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว มันมีหลาย ๆ อย่างและหลาย ๆ ส่วนที่ตัดสินใจแทนเราด้วย แต่เราอยู่ในขั้นตอนที่พูดไม่ออก เราไม่รู้จะพูดอย่างไรจริง ๆ นะ บางอย่างเราไม่สามารถจะพูดได้ มันเป็นเรื่องของความจุกที่เราพูดไม่ออก เราดันปล่อยให้มันเลยตามเลย มันเลยลามมาถึงตอนนี้ มันยังอยู่ข้างในใจยังไม่ได้พูด กะว่าถ้ามีเวลาจะเข้าไปพูด
ช่วงที่อึดอัดแบบนั้นเรามีเสียน้ำตาออกมาบ้างไหม ?
ไนกี้ : จะว่าแปลกไหม ผมฝันถึงคุณบอยบ่อยมาก ไม่รู้แปลกหรือเปล่า (ยิ้ม) อันนี้เรื่องจริงนะครับ ผมอาจจะมีความฝังใจ ผมรับรู้ถึงสิ่งดี ๆ เสมอ โอกาสดี ๆ ที่เข้ามาเนี่ย ผมได้มาเป็นนักแสดง ผมได้งานตลอด ไม่เคยมีวันว่างเลยนะครับ ไม่เคยที่จะเข้ามาแล้วต้องรองาน พี่บอยหรือว่าผู้ใหญ่ให้งานเราตลอด เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันออกมาแบบนี้แล้วมันจะถูกหรือผิด มองว่าถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสที่จะแก้ไขได้ก็พร้อมที่จะพูด
มีโอกาสบอกเล่าเรื่องนี้ให้คุณบอยฟังหรือยัง ?
ไนกี้ : ยังเลย ผมไม่มีโอกาสที่จะเล่าให้ใครฟังเลย เหมือนกับว่าเราเก็บไว้คนเดียว เก็บไว้ตลอด เคยเป็นไหมครับว่าเวลาที่เราจะพูดออกไป เราจะร้องไห้ พูดไม่ออก มันอัดแน่น เรารู้สึกว่าเรารอวันหนึ่งแล้วกัน ที่เราพร้อมแล้วเราจะพูดมันออกไป
ไนกี้ : ผมว่าช่วงเวลาต่าง ๆ ทำให้เราโตขึ้นนะครับ คือสถานการณ์เวลาในวันนั้นทำให้มีไนกี้ในวันนี้ เสียดายมันก็ย้อนกลับไปไม่ได้อยู่ดี
วันที่เดินออกมาจากช่องวัน เราน้อยใจอะไรหรือเปล่า ?
ไนกี้ : ไม่มีเลย ที่ผมขอออกมาเพราะต้องทำงานบางอย่างเท่านั้นเอง ผมมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่แค่นั้น เพราะว่ามันมีเหตุปัจจัยบางเหตุที่ทำให้เลยเถิด แล้วเราไม่ได้พูดอะไรตรงนั้น ผมเองไม่อยากที่จะโทษใคร
ไนกี้ : ใช่ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเท่าไรเลยในวันนั้น เหมือนกับว่าไม่ได้เตรียมพร้อม แล้วมันก็จบลงไปแล้ว โดยที่เราไม่ได้พูด มันเป็นความค้างคาใจโดยที่เราไม่ได้พูด เราดันเก็บความรู้สึกมาโดยตลอด เราไม่รู้หรอกว่ามันถูกหรือไม่ถูก แต่มันมาถึงขนาดนี้แล้ว
ภาพจาก Instagram nike_nitidon
ภาพจาก Instagram boytakonkiet
ภาพจาก INN
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก INN
ภาพจาก Instagram nike_nitidon
ไนกี้ นิธิดล ถูกมองว่าพอออกจากสังกัดเก่า ไปอยู่กับบ้านหลังใหม่ แต่กระแสและผลงานไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร ล่าสุด (29 สิงหาคม 2561) ในงานแถลงข่าวเปิดโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อนการท่องเที่ยว OTOP VILLAGE 8 เส้นทาง หนุ่มไนกี้ก็ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมเผยไม่เคยลืมต้นกำเนิด และยังคิดถึงบ้านหลังเก่า คุณบอย ถกลเกียรติ และทุก ๆ คนเสมอล่าสุดเหมือนเราอยากกลับมาร่วมงานกับทางคุณบอย ถกลเกียรติ ?
หลายคนมองว่า พอเราเป็นอิสระไม่เปรี้ยง เราอยากจะกลับมาคืนรัง ?
ไนกี้ : แล้วแต่คนจะมองเลยครับ ผมออกมาทำงานผมทำงานตลอด ทำงาน 7 วันตลอดเลย (ส่วนตัวเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไปไม่รอดแล้ว ?) ผมมองว่าถ้านายมีเรื่องไหนที่มันตรงคาแรกเตอร์เรา ผมก็พร้อมกลับไปรับใช้นาย แต่เมื่อเราออกมา มันก็แล้วแต่คนที่มองนะครับ มันเหมือนกับว่าเราได้ออกมาหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ผมก็จะได้เห็นงานที่ไนกี้ไม่เคยทำ
งานดูไม่ค่อยเปรี้ยงเหมือนตอนอยู่ช่องวันไหม ?
ไนกี้ : สำหรับผมมันมาเรื่อย ๆ อยู่แล้วครับ โดยที่ผมไม่ได้เอาตัวเองไปแข่งกับใครว่าเราดังขนาดไหน ผมมองว่าผมมาเรื่อย ๆ ของผมนะ มันเหมือนกับกราฟนะครับ สำหรับตัวผมและพ่อแม่ที่อยู่ข้างเราตลอด เราจะอยู่อย่างนี้ ไม่ได้มาแบบหวือหวา แต่เราค่อย ๆ ไปมากกว่า ผมรู้สึกว่ามันก็ภูมิใจสำหรับตัวเราเอง ผมไม่ได้เป็นคนหน้าตาดีหรืออะไร ผมเป็นคนตั้งใจกับการทำงานเฉย ๆ
ภาพจาก Instagram boytakonkiet
ความเป็นไปได้ที่จะกลับมาร่วมงานกัน ?ไนกี้ : ถ้าผู้ใหญ่เรียกตัวผมก็กลับไปทำให้อย่างเต็มใจอยู่แล้ว แล้วต้องขอบคุณพี่บอย พี่ป้อนและผู้ใหญ่ทุก ๆ คน ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าเราเกิดจากอะไร เกิดจากไหน เราเกิดจากเอ็กแซกท์ เราเกิดจากช่องวัน เป็นพระเอก หลาย ๆ คนอาจจะเรียกผมว่าลูกหม้อก็จริงนะครับ ผมก็ยอมรับ เพราะผมเกิดจากตรงนั้นจริง ๆ นายเป็นคนดี ผมรู้สึกอย่างนั้น
แล้วเมื่อวานได้ขึ้นไปสวัสดีกับผู้ใหญ่ในช่องไหม ?
ไนกี้ : ไม่ได้ขึ้นไปนะ ผมไปทางด้านหลังตึก เพราะว่าไปโปรโมตหนัง
กลับมาทบทวนแล้วคิดว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจออกมา ?
ไนกี้ : ไม่อยากจะพูดว่าถูกหรือผิดนะครับ มันเป็นช่วงของวุฒิภาวะมากกว่าในตอนนั้น แล้วเราไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว มันมีหลาย ๆ อย่างและหลาย ๆ ส่วนที่ตัดสินใจแทนเราด้วย แต่เราอยู่ในขั้นตอนที่พูดไม่ออก เราไม่รู้จะพูดอย่างไรจริง ๆ นะ บางอย่างเราไม่สามารถจะพูดได้ มันเป็นเรื่องของความจุกที่เราพูดไม่ออก เราดันปล่อยให้มันเลยตามเลย มันเลยลามมาถึงตอนนี้ มันยังอยู่ข้างในใจยังไม่ได้พูด กะว่าถ้ามีเวลาจะเข้าไปพูด
ภาพจาก Instagram nike_nitidon
ไนกี้ : จะว่าแปลกไหม ผมฝันถึงคุณบอยบ่อยมาก ไม่รู้แปลกหรือเปล่า (ยิ้ม) อันนี้เรื่องจริงนะครับ ผมอาจจะมีความฝังใจ ผมรับรู้ถึงสิ่งดี ๆ เสมอ โอกาสดี ๆ ที่เข้ามาเนี่ย ผมได้มาเป็นนักแสดง ผมได้งานตลอด ไม่เคยมีวันว่างเลยนะครับ ไม่เคยที่จะเข้ามาแล้วต้องรองาน พี่บอยหรือว่าผู้ใหญ่ให้งานเราตลอด เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันออกมาแบบนี้แล้วมันจะถูกหรือผิด มองว่าถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสที่จะแก้ไขได้ก็พร้อมที่จะพูด
มีโอกาสบอกเล่าเรื่องนี้ให้คุณบอยฟังหรือยัง ?
ไนกี้ : ยังเลย ผมไม่มีโอกาสที่จะเล่าให้ใครฟังเลย เหมือนกับว่าเราเก็บไว้คนเดียว เก็บไว้ตลอด เคยเป็นไหมครับว่าเวลาที่เราจะพูดออกไป เราจะร้องไห้ พูดไม่ออก มันอัดแน่น เรารู้สึกว่าเรารอวันหนึ่งแล้วกัน ที่เราพร้อมแล้วเราจะพูดมันออกไป
ภาพจาก INN
เสียดายเวลาหรือโอกาสบ้างไหม ?ไนกี้ : ผมว่าช่วงเวลาต่าง ๆ ทำให้เราโตขึ้นนะครับ คือสถานการณ์เวลาในวันนั้นทำให้มีไนกี้ในวันนี้ เสียดายมันก็ย้อนกลับไปไม่ได้อยู่ดี
วันที่เดินออกมาจากช่องวัน เราน้อยใจอะไรหรือเปล่า ?
ไนกี้ : ไม่มีเลย ที่ผมขอออกมาเพราะต้องทำงานบางอย่างเท่านั้นเอง ผมมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่แค่นั้น เพราะว่ามันมีเหตุปัจจัยบางเหตุที่ทำให้เลยเถิด แล้วเราไม่ได้พูดอะไรตรงนั้น ผมเองไม่อยากที่จะโทษใคร
ภาพจาก Instagram nike_nitidon
เรียกว่าเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดกันได้ไหม ?ไนกี้ : ใช่ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเท่าไรเลยในวันนั้น เหมือนกับว่าไม่ได้เตรียมพร้อม แล้วมันก็จบลงไปแล้ว โดยที่เราไม่ได้พูด มันเป็นความค้างคาใจโดยที่เราไม่ได้พูด เราดันเก็บความรู้สึกมาโดยตลอด เราไม่รู้หรอกว่ามันถูกหรือไม่ถูก แต่มันมาถึงขนาดนี้แล้ว
ภาพจาก Instagram nike_nitidon
ภาพจาก Instagram boytakonkiet
ภาพจาก INN