คิทตี้ ชิชา แพ้ใจ กันน์ The Face Men ขยับสถานะเป็นแฟน หลังฝ่ายชายเอาใจเก่ง ปลื้มกระแส แนนโน๊ะ แรงเกินคาด รับเคยน้อยใจ อยากออกวงการ
ภาพจาก Instagram kittychicha
ตอนนี้กระแสแนนโน๊ะ จากซีรีส์ เด็กใหม่ มาแรงเกินคาด ทำเอาสาว
คิทตี้ ชิชา ถึงกับยิ้มแก้มปริ ที่สามารถพิสูจน์ฝีมือทางการแสดงได้อีกขั้น
หลังจากก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเคยคิดอยากหันหลังให้กับวงการ
เพราะน้อยใจที่คนโฟกัสเรื่องข่าวมากกว่าผลงาน โดยล่าสุด (13 กันยายน 2561)
เจ้าตัวก็ได้มาเปิดใจถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
พร้อมอัปเดตสถานะความสัมพันธ์กับหนุ่ม กันน์ The Face Men
ที่ตอนนี้เรียกแฟนแล้ว
- จากกระแสแนนโน๊ะทำให้งานเยอะไหม ?
คิทตี้ ชิชา : ตอนนี้ก็มีงานเยอะขึ้นค่ะ ต้องขอบคุณกระแสตอบรับจากซีรีส์ ขอบคุณคนดูที่ตกหลุมรักตัวละคร และให้โอกาสคิทได้ทำงาน
คิทตี้ ชิชา : คือ คิทก็ไม่ได้บอกว่าจะออกเลย แต่ว่าเริ่มรู้สึกเหนื่อย หรืองานตรงนี้อาจจะไม่ได้เข้ากับเราจริง ๆ ก็ได้
- แต่กระแสค่อนข้างเปรี้ยง ?
คิทตี้ ชิชา : มันก็พิสูจน์ว่าถ้าเราทำอะไรอย่างเต็มที่และตั้งใจจริง ๆ คนอื่นก็น่าจะเห็น ก่อนหน้านี้คิทอาจจะน้อยใจด้วยแหละ หลาย ๆ คนมองแค่ว่าคิทเป็นแฟนใคร คบกับใคร ไม่เคยมองว่าคิทพยายามหรือว่าสู้บ้างไหม
- ตอนนั้นความน้อยใจเป็นยังไงบ้าง ที่เก็บไปคิดคนเดียว ?
คิทตี้ ชิชา : อย่างแรกเลยคิทก็รู้ว่าในช่วงเวลานั้น คิทกับพี่ ๆ สื่อมีเรื่องผิดใจกัน คนทั่วไปหลายคนอาจจะไม่ชอบคิท เราก็รู้สึกว่าการจะเป็นคนในวงการนี้ คนส่วนมากเป็นดารามากกว่าเป็นนักแสดง ต้องอยู่ด้วยความรัก ความเห็นใจ ความชื่นชอบ และอยู่กับทุกคนให้ได้ด้วย ที่ผ่านมาคิทรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นเด็กดีขนาดนั้น ถ้ามันไม่เหมาะกับเรา ก็ควรจะเดินจากไป ไม่ใช่ให้เขาไล่ค่ะ (ยิ้ม)
- เราหาคำตอบให้ตัวเองว่าต้องไปต่อยังไง ?
คิทตี้ ชิชา : จริง ๆ คิทก็อยากจะพิสูจน์ตัวเอง แล้วมีบทแนนโน๊ะเข้ามาพอดี เป็นบทที่ให้โอกาสคิท ทุกคนก็รู้ว่าคิทมีกระแสด้านลบหมด ทีมงานเขาก็ให้โอกาสคิทว่าถ้าเราอยากจะพิสูจน์ว่าเราพยายาม เต็มที่กับมัน ก็ลองดู พวกเขาให้ใจกับเรา คิทก็เลยลองดู จะทุ่มเทสุดชีวิตให้กับโปรเจกต์นี้ หวังว่าคนจะมองเราอีกด้านนึงบ้าง ไม่ใช่มองแค่ว่าตัวเราเป็นคนยังไง
- การที่คนยังติดภาพแบบนั้นส่งผลถึงตัวเรายังไงบ้าง ?
คิทตี้ ชิชา : ก็มีหลาย ๆ งานที่คิทรู้ว่าเขาไม่อยากได้เราไปทำงานด้วย ทั้งจากข่าวและอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมันช่วยกันไม่ได้จริง ๆ เพราะเป็นสิ่งที่ถูกนำเสนอออกไป และคนก็เห็นแบบนั้น หลายคนก็เลือกหลีกเลี่ยงปัญหาดีกว่า
- ตอนนั้นนอยด์ไหม ?
คิทตี้ ชิชา : ไม่ได้นอยด์ค่ะ จริง ๆ ก็ปกติดี ทำให้คิทเรียนรู้ว่าถ้าเราอยากทำงานในวงการ อยากเป็นนักแสดง เราก็ต้องอ่อนข้อบ้าง ต้องประนีประนอมกับคนให้ได้ ไม่ใช่ว่าจะแข็งอย่างเดียว
- อะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง ความคิด ?
คิทตี้ ชิชา : ก็ตอนที่เราคิดว่าชอบการเป็นนักแสดงจริง ๆ แล้วทุกอย่างมีราคากันหมด อาจจะไม่ใช่ตัวเงิน แต่อาจจะเป็นการที่เรายอมรับที่จะทำอะไรบางอย่างที่เราอาจจะไม่ถนัด หรือไม่ชินเท่าไร
- วันนี้ก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ?
คิทตี้ ชิชา : มันก็ดีนะคะ คนก็ชื่นชมเราจากผลงานของเราจริง ๆ สักที เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าเป็นนักแสดงก็ดีใจค่ะ (ยิ้ม)
- ที่ผ่านมาเวลามีปัญหาเราได้ปรึกษาใครไหม ?
คิทตี้ ชิชา : ก็ไม่ได้ปรึกษาใครค่ะ เหมือนคิดทบทวนกับตัวเอง คิทก็มีงานอย่างอื่นทำอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าถ้ามันไม่ไหวเราก็ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
- ได้มองย้อนกลับไปขอบคุณตัวเองไหม ที่เราไม่ทิ้งในการอยากเป็นนักแสดง ?
คิทตี้ ชิชา : คิทขอบคุณทุกเหตุการณ์ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคน ขอบคุณทุกคนทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ดี เพราะทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้คิทมองโลกแบบนี้ ตัดสินใจแบบนี้และคิดแบบนี้ค่ะ
- แพลนจากนี้จะทำอะไรบ้าง ในเรื่องของงานแสดง ?
คิทตี้ ชิชา : คิทก็ยังเป็นตัวเองเหมือนเดิมอยู่ประมาณนึง ตั้งใจจะรับงานที่ตัวเองสนุก ที่ตัวเองอยากจะทำจริง ๆ ไม่ได้อยากจะกอบโกยในช่วงเวลานี้หรืออะไร ก็อยากจะค่อย ๆ ไป ยังรู้ตัวดีว่าเราเป็นนักแสดง เราไม่หวังจะเป็นดารา และไม่ใช่ต้นแบบที่ดีของใครตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ค่ะ (ยิ้ม)
- ทำไมถึงคิดว่าเราไม่สามารถเป็นต้นแบบให้ใครได้ ?
คิทตี้ ชิชา : คิทมองว่าตัวเองไม่พร้อมจะละทิ้งหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของความเป็นตัวเองทั้งหมด เพื่อจะก้าวไปเป็นความสมบูรณ์ที่ให้คนสามารถมองขึ้นไปได้ คิทก็มีนิสัยไม่ดีหลาย ๆ อย่าง เรารู้ตัวเองว่าเป็นคนแบบไม่เฟอร์เฟกต์ รู้ตัวด้วยว่าเราไม่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อจะก้าวขึ้นไปตรงนั้น ก็ขอเป็นดินแล้วกันค่ะ ให้เห็นเรื่อย ๆ คงไม่เป็นดาวค่ะ
- เราต้องแบกความเป็นตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์ ?
คิทตี้ ชิชา : ความเป็นตัวเองของคิท คือการยอมรับและก็แก้ไขปรับปรุง คิทก็รู้สึกว่าการขอโทษมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด พี่ ๆ ก็คงรับรู้ได้ว่าคิทขอโทษจริง ๆ วันนั้นคิทก็เด็กเกินไป แต่คิทไม่สามารถจะย้อนเวลาได้ มันอยู่ที่ว่าเราอยู่กับสิ่งที่ผิดพลาดแล้วจะเดินต่อไปข้างหน้ายังไงมากกว่า
- ฟีดแบ็กบทบาท แนนโน๊ะ ได้รับคำวิจารณ์อย่างไรบ้าง ?
คิทตี้ ชิชา : จริง ๆ ก็มีหลากหลายนะคะ หมายถึงกระแสที่เข้ามา เราก็ดีใจที่คนรักในตัวละครตัวนี้ ถ้าคิทจะบอกคนดูก็คงบอกว่า ดีใจที่ทุกคนรักเขา ไม่ต้องรักเราก็ได้รักแค่แนนโน๊ะก็พอ เราดีใจที่เขาเป็นไอดอลให้บางคน ทำให้หลาย ๆ คนกล้าลุกขึ้นมายืนมากขึ้น กล้าที่จะออกมาบอกมากขึ้นว่าเคยเจอเรื่องร้าย ๆ อะไรมา หรือว่าไม่ยอมถูกทำร้าย
- หลายคนบอกเราได้เล่นเป็นตัวเอง ?
คิทตี้ ชิชา : คิทเชื่อว่า ถ้าคนอื่นมารับบทเป็นแนนโน๊ะ มันก็คงไม่เป็นแบบนี้ น่าจะออกมาในมุมที่ถูกผสมระหว่างความเป็นตัวละครกับนักแสดงแต่ละคนเข้าไป พอเป็นแนนโน๊ะในเวอร์ชั่นของคิทก็ย่อมจะมีบางอย่างที่คล้ายคิทผสมอยู่ ถามว่าบทนี้เกิดมาเพื่อเราหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีค่ะ ตอนแรกก็กลัวทีมงานผิดหวัง เพราะเขาเลือกเรามา ถ้ามันแป้กเพราะเราก็คงต้องหอบพวงมาลัยไปกราบขอขมาทีมงานทุกคนค่ะ (หัวเราะ)
- ตัวเราเองกดดันไหม เพราะซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเหมือนผลงานที่จะตัดสินอนาคตในวงการของเรา ?
คิทตี้ ชิชา : คิทตี้กลัวมากกว่า เพราะถ้าหากคนเลือกที่จะไม่ดู หรือคนเกลียดซีรีส์เรื่องนี้ เนื่องจากมันมีชื่อของคิทตี้แปะอยู่ คิทตี้ก็คงรู้สึกผิดมาก ๆ กับการที่ทุกคนอุตส่าห์ทุ่มเททุกอย่างเพื่อซีรีส์เรื่องนี้
- ด้วยความที่บทนี้ค่อนข้างแรง ตัวเราเองต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหน ?
คิทตี้ ชิชา : คิทตี้มองว่าคิทตี้เป็นนักแสดงมากกว่าค่ะ คือไม่ต้องคิดเลยว่าเราจะเป็นนางเอกหรือนางร้าย เพราะเราสามารถเล่นบทอะไรก็ได้ วันนี้เราเป็นคนบ้า พรุ่งนี้เราเป็นปีศาจ อีกวันหนึ่งเราอาจจะเป็นคนพิการก็ได้ ซึ่งบทแนนโน๊ะที่คิทตี้ได้รับ มันเป็นบทบาทที่ท้าทายมากจริง ๆ และก็เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีเข้ามาให้เราบ่อย ๆ ด้วย
- รู้สึกยังไงบ้างที่ตอนนี้ฟีดแบ็กที่มีเข้ามาถึงตัวเรา มันมีแต่คำชมและเสียงยอมรับจากแฟน ๆ ?
คิทตี้ ชิชา : เอ่อ…ถ้าถามถึงความสำเร็จ ณ ตอนนี้มันยังไม่สำเร็จหรอกค่ะ เพราะคิทตี้มองว่าคนเราจะสำเร็จได้ก็ต้องรอให้ถึงวันที่เราตาย เหมือนกับ สตีฟ จ็อบส์ ที่ชีวิตของเขากลายเป็นตำนาน ถึงแม้เขาจะตายไปแล้วแต่ทุกคนก็ยังชื่นชมเขาอยู่ ดังนั้น ณ ตอนนี้ถ้าหากเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป เพราะถ้าหากในอนาคตเราเกิดพลาดขึ้นมาอีก เราก็อาจจะกลายเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
- บทแนนโน๊ะเปลี่ยนชีวิตเรายังไงบ้าง ทุกวันนี้มันแตกต่างไปจากเดิมเยอะไหม ?
คิทตี้ ชิชา : ตอนนี้คิทตี้ตายไปแล้วนะคะ เพราะไม่มีใครเรียกชื่อนี้เลย มีแต่คนเรียกหาแนนโน๊ะ (หัวเราะ) แต่เอาจริง ๆ คิทตี้ดีใจนะ ดีใจมาก ๆ เลยที่คนดูรักแนนโน๊ะ อาจจะฟังดูแปลกนะคะที่คนคิดว่าแนนโน๊ะมีตัวตนจริง ๆ แต่คิทตี้ก็ดีใจกับเขา เพราะเขากลายเป็นสัญลักษณ์บางอย่างให้กับคนดู ในขณะที่เราไม่สามารถเป็นได้
- ความรักของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นว่าคบอยู่กับ กันน์ สรวิศ หรือ กันน์ เดอะเฟซเมน ?
คิทตี้ ชิชา : ใช่ค่ะ ก็สบายดี ตอนนี้ก็เป็นแฟนละกันค่ะ (หัวเราะ) เราเพิ่งคบกันไม่นาน เพราะเพิ่งจะเริ่มคบกันตอนที่คิทตี้ถ่ายซีรีส์ แต่เราค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาจากการเป็นเพื่อนสนิท
- ทำไมเราถึงเลือกที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา จากเพื่อนและกลายมาเป็นแฟน ?
คิทตี้ ชิชา : เพราะช่วงถ่ายซีรีส์ไม่ได้เจอใครเลย และเขาเป็นคนเดียวที่ เช้าเยี่ยม บ่ายเยี่ยม เอาข้าวมาส่งกอง หรือตอนที่คิทตี้แอดมิตเข้าโรงพยาบาลเขาก็เป็นคนเดียวที่เข้ามาเยี่ยม คือเข้ามาตอกบัตรเป็นประจำจริง ๆ ถือว่าเป็นคนที่มีความพยายามมาก ๆ ที่จะเข้ามาอยู่ในชีวิตเรา
- เรารู้สึกยังไงบ้างกับความพยายามที่เขาตั้งใจจะทำให้ ?
คิทตี้ ชิชา : อย่างที่บอกเขาเป็นเพื่อนกับคิทตี้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเราจึงมีความรักให้กันมาก่อนในฐานะเพื่อน แต่พอมาถึงจุดหนึ่งที่เขาพยายามทุ่มเทและก็ใส่ใจเรา อยากดูแลเราจริง ๆ คิทตี้ก็เลยรู้สึกว่าเราพัฒนากันไปต่อดีกว่า แต่อย่าทิ้งเราก็พอ รวมถึงตัวเขาเองก็ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย
- การที่มีเขาเข้ามา มันช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเราบ้างไหม ?
คิทตี้ ชิชา :
เอ่อ…เขาเป็นคนที่ทำให้คิทตี้ซอฟต์ลงและก็มีความใจเย็นมากขึ้น
คือไม่ได้ใช้ชีวิตแบบวุ่นวาย รวมถึงทางบ้านของเราทั้งสองคนก็เลยเจอกันแล้ว
เรียกว่าทุกอย่างมันชัดเจนจริง ๆ
และก็ไม่ได้มีอะไรทำให้รู้สึกไม่สบายใจที่จะพูดค่ะ
ภาพจาก Instagram gunnswis
ภาพจาก Instagram gunnswis
ภาพจาก Instagram gunnswis
ภาพจาก Instagram gunnswis
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN