ผัดไท ดีใจ ดีดีดี เผยที่มาของชื่อสุดล้ำ ใครตั้งให้ แล้วทำไมถึงเลือกชื่อนี้ พร้อมเปิดใจชีวิตรัก หย่ากับสามี ที่เป็นแฟนคนเดียวในชีวิต แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่เหมือนญาติ
- ชื่อ ดีใจ ดีดีดี เปลี่ยนมานานหรือยัง ?
- ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้ แล้วทำไมต้องเป็นชื่อนี้ ?
ผัดไท : คิดว่าคนอย่างพี่จะมีใครตั้งให้เหรอคะ (หัวเราะ) ตั้งเองคิดเองค่ะ คือเราไปฟังเทศน์ที่โบสถ์ ชื่อเนี่ยถ้าเกิดเป็นชื่อเสียงแบบไหนเนี่ยความรู้สึกมันก็จะนำพาความเชื่อเราไปแบบนั้น พี่ก็เลยรู้สึกว่าคำว่า "ดี" มันอยู่คู่กับคนไทยมานาน แรงบันดาลใจของพี่มี 2 คน คือ "พี่กอบสุข จารุจินดา" เราก็คิดว่าทำไมชื่อกอบสุขแล้วชีวิตนางก็กอบโกยแต่ความสุข แล้วอีกคนนึงที่เป็นที่มาของชื่อนี้คือ "พี่เด๋อ สมใจ สุขใจ" เราก็ปลื้มชื่อ 2 ท่านนี้มานานแล้ว เอาเป็นชื่อแบบไทยที่ดีแล้วเขียนง่าย เราก็อยากได้ชื่อแบบนี้ คิดยังไม่ออก ตอนนั้นที่ไปเปลี่ยนก็อายุเยอะแล้ว ก็เลยอยากได้ชื่อที่มันเรียกง่าย ๆ ไม่วิริศมาหรามาก ก็เลยอยากชื่อ "ดี" นามสกุล "ดี" แต่เขาก็ไม่ให้เปลี่ยน ก็ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน
- ได้ข่าวว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว "ท็อป ดารณีนุช" ถึงกับโทร.มาด่าจริงไหม ?
- เวลาไปต่างประเทศแล้วต้องผ่าน ตม. ลำบากไหม ?
ผัดไท : ใช่ คือในความคิดของฝรั่งกับเราเขาไม่เหมือนกัน คนเปลี่ยนชื่อบ่อย ๆ คือต้องหนีอะไรสักอย่าง มีพิรุธ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราเปลี่ยนเราไม่ได้มีอะไรเราแค่เอ็นจอยเฉย ๆ ก็จะลำบากบ้างนิดหน่อยในการเดินทางไปต่างประเทศ คิดว่าคงไม่เปลี่ยนอีกแล้วแหละ
- เปลี่ยนชื่อมาแล้วชีวิตดีขึ้นเหมือนอย่างที่อยากได้ไหม ?
- เรื่องความรัก เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ?
ผัดไท : ความรักไม่มีค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เป็นโสดมาเนี่ย ก็ไม่ได้มองหาอีกเลย คือเหมือนกับว่าโบนัสได้รับไปแล้ว พออายุมันเปลี่ยน ประเด็นความรักมันก็ไม่มองเลย ไม่มองหาไม่อะไรเลย เพราะว่ามีความรู้สึกว่าเราสนุกอะ อันนี้จริง ๆ นะ เพื่อนก็ดีมาก ดูในกลุ่มสิลองคิดดูเวลาอยู่รวมกลุ่มกันนะ มันไม่มีเวลาที่จะแบบเครียด ถ้ามีแฟนจะมีปัญหานะพี่ว่า เพราะว่าคนมีแฟนมันก็ต้องมีเวลาให้แฟนถูกไหมคะอะไรแบบนี้ มันจะทำให้เสียเวลาในการอยู่กับเพื่อนมาก แล้วอยู่กับเพื่อนมันก็สนุกมากแล้ว มันเหมือนกับว่าตาพี่ไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นนั้นเลยค่ะ
- ถามย้อนกลับไปนิดนึง "หย่า" มากี่ปีแล้ว ?
ผัดไท : น่าจะประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ คนนี้เป็นแฟนคนแรกค่ะ ก็รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย คบกันถูกตาต้องใจกันตอนนั้นเลย คือเด็กสมัยก่อนพ่อแม่จะดุมาก แล้วจะได้อยู่กันใกล้ ๆ ก็ตอนที่พากันไปติว ไปเข้าชมรม ทำกิจกรรมโรงเรียน ก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้จักกันนาน ตั้งแต่สมัยเรียนอะไรแบบนี้
- พูดได้ไหมว่าทั้งชีวิตมีแฟนคนเดียวและครั้งเดียวเลย ?
ผัดไท : ค่ะ ก็มันชอบคนเดียวจะให้ทำไงอะ มันหล่ออะ (หัวเราะ) ไม่หรอกคือพี่เป็นคนชอบคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ เพราะพี่จะพูดเยอะแล้ว แต่แฟนพี่จะไม่พูดอะไรเลยนะ จะนิ่งฟังอย่างเดียว มันก็เลยทำให้พี่ชอบ แต่ถ้าแย่งพูดพี่ก็คงไม่ชอบ
- สาเหตุที่หย่ากัน เพราะอะไร ?
- พอเลิกกันแล้วกลายมาเป็นญาติได้ยังไง ?
ผัดไท : กลายเป็นญาติค่ะ คือมันเหมือนญาติจริง ๆ อะค่ะ เพื่อนก็จะอีกระดับนึงนะ เวลามีอะไรเขาก็จะบอกพี่คนแรก ถามพี่หรือคุยคนแรกเสมอ แล้วก็ห่วงเหมือนห่วงลูกหลาน หรือพี่แก่ก็ไม่รู้นะ ถึงชีวิตคู่จะอยู่กันไม่ได้แต่ก็ยังเหลือความห่วงใยที่สมบูรณ์ มันไม่ได้สมบูรณ์แบบคนรักเก่านะ เขาก็บอกพี่แบบนี้เหมือนกันมองเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่
- ตอนที่หย่ากันลูกเป็นยังไงบ้าง ?
- เห็นว่าชอบคุยกับต้นไม้ รักสันโดษจริงไหม ?
ผัดไท : ใช่ค่ะ เวลาเราเหนื่อย ๆ เราจะชอบคุยกับต้นไม้ บางทีบนเขาใหญ่ ๆ มีต้นไม้สมบูรณ์ ๆ พี่ก็จะเดินขึ้นไปกอดมันได้พลัง มันเป็นชีวิต ไม่งั้นคนจะเอาหินมาใส่แหวนหรือมาสร้อยข้อมือเหรอ แต่พี่จะชอบต้นไม้ ชอบป่า พี่ก็จะกอดและบอกว่าขอพลังหน่อยนะ ขอกำลังใจหน่อย ขอให้ได้ความคิดหน่อย ขอให้ได้สัจธรรมอะไรหน่อย แล้วบางทีเข้าป่าแล้วพี่ก็ได้จริง ๆ พี่ไม่ได้กลัวนะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คือธรรมชาติมันก็จะสอนชีวิตความเป็นอยู่ของเรา พี่ก็เหมือนกับว่ายิ่งเข้าไปยิ่งหลงป่า ไม่ใช่แบบหลงทางนะ มันเป็นเหมือนธรรมชาติบำบัดค่ะ
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
เป็นตลกที่ชีวิตไม่ตลกอย่างที่เห็น สำหรับ ผัดไท ดีใจ ดีดีดี เพราะเธอนั้นเป็นโรคที่ต้องเข้าออกจากโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
แถมเรื่องความรักก็ไม่สมหวัง
ต้องเลิกรากับสามีที่เป็นแฟนคนแรกเพราะเหตุผลที่เข้ากันไม่ได้ โดยล่าสุด
ผัดไท ได้มาเปิดใจเล่าเรื่องชีวิต ผ่านรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31
ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, หนิง ปณิตา และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร
- ชื่อ ดีใจ ดีดีดี เปลี่ยนมานานหรือยัง ?
ผัดไท : เปลี่ยนมานานแล้วนะคะ สัก 5-6 ปีได้แล้ว เปลี่ยนมาเยอะค่ะ
มีความรู้สึกว่าชื่อมันเป็นอะไรอยู่กับตัว พอเรียกปุ๊บเราจะรู้สึกเลย
เราก็อยากจะได้ยินแต่คำดี ๆ แล้วชื่อนี้ทีแรกที่ไปเปลี่ยนที่เขตเนี่ย
อยากชื่อดี นามสกุลดีเฉย ๆ
- ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้ แล้วทำไมต้องเป็นชื่อนี้ ?
ผัดไท : คิดว่าคนอย่างพี่จะมีใครตั้งให้เหรอคะ (หัวเราะ) ตั้งเองคิดเองค่ะ คือเราไปฟังเทศน์ที่โบสถ์ ชื่อเนี่ยถ้าเกิดเป็นชื่อเสียงแบบไหนเนี่ยความรู้สึกมันก็จะนำพาความเชื่อเราไปแบบนั้น พี่ก็เลยรู้สึกว่าคำว่า "ดี" มันอยู่คู่กับคนไทยมานาน แรงบันดาลใจของพี่มี 2 คน คือ "พี่กอบสุข จารุจินดา" เราก็คิดว่าทำไมชื่อกอบสุขแล้วชีวิตนางก็กอบโกยแต่ความสุข แล้วอีกคนนึงที่เป็นที่มาของชื่อนี้คือ "พี่เด๋อ สมใจ สุขใจ" เราก็ปลื้มชื่อ 2 ท่านนี้มานานแล้ว เอาเป็นชื่อแบบไทยที่ดีแล้วเขียนง่าย เราก็อยากได้ชื่อแบบนี้ คิดยังไม่ออก ตอนนั้นที่ไปเปลี่ยนก็อายุเยอะแล้ว ก็เลยอยากได้ชื่อที่มันเรียกง่าย ๆ ไม่วิริศมาหรามาก ก็เลยอยากชื่อ "ดี" นามสกุล "ดี" แต่เขาก็ไม่ให้เปลี่ยน ก็ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน
- ได้ข่าวว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว "ท็อป ดารณีนุช" ถึงกับโทร.มาด่าจริงไหม ?
ผัดไท : แล้วชื่อ "ดีใจ ดีดีดี" ความหมายดีไหม
แต่มันก็ยังเป็นอริกับบางงาน คืองานศพ พ่อพี่ท็อปเสียชีวิต
นี่ก็เพื่อนรักพวงหรีดใหญ่ยักษ์มาก แล้วเขียนชื่อว่า"ดีใจ ดีดีดี"
ให้เอาไปส่ง ดารณีนุชโทรมา "อีผัดพ่อกูตายมึงดีใจทำไม"(หัวเราะ)
เหมือนกับดีใจที่พ่อเสีย
เราก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้พี่เคืองรีบโทร.ไปบอกที่ร้านให้เขียนป้ายใหม่แล้วเอาไปเปลี่ยนที่งานเขียนว่า
"ผัดไท ดีใจ" เห็นไหมว่ามันก็ยังเป็นอริกับบางอย่างได้
- เวลาไปต่างประเทศแล้วต้องผ่าน ตม. ลำบากไหม ?
ผัดไท : ใช่ คือในความคิดของฝรั่งกับเราเขาไม่เหมือนกัน คนเปลี่ยนชื่อบ่อย ๆ คือต้องหนีอะไรสักอย่าง มีพิรุธ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราเปลี่ยนเราไม่ได้มีอะไรเราแค่เอ็นจอยเฉย ๆ ก็จะลำบากบ้างนิดหน่อยในการเดินทางไปต่างประเทศ คิดว่าคงไม่เปลี่ยนอีกแล้วแหละ
- เปลี่ยนชื่อมาแล้วชีวิตดีขึ้นเหมือนอย่างที่อยากได้ไหม ?
ผัดไท : ดีสิคะ เพราะว่าอย่างสมมุติเวลาเราไปติดต่อที่ธนาคาร
หรือสถานที่ต่าง ๆ มันจะมีเคาน์เตอร์ แล้วเราก็ส่งเอกสารที่มีชื่อของเราไป
เขาก็จะหัวเราะก่อน แล้วก็อ๋อพี่นี่เอง
เวลาไปแบงก์จะไปนานมากเพราะต้องไปเล่นตลก (หัวเราะ) แล้วเวลาไปที่ไหน
คนอ่านปุ๊บ คือจะไม่มีหน้างอใส่กันอ่ะ มันก็จะมีความบันเทิง
อันนี้เป็นสิ่งแรกที่เราแฮปปี้
คนเราพอเปิดตัวกันด้วยรอยยิ้มมันไม่มีทางกลายเป็นอย่างอื่นได้
นอกจากมันจะเตลิดไปเรื่อย ๆ อะไรแบบนี้
- เรื่องความรัก เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ?
ผัดไท : ความรักไม่มีค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เป็นโสดมาเนี่ย ก็ไม่ได้มองหาอีกเลย คือเหมือนกับว่าโบนัสได้รับไปแล้ว พออายุมันเปลี่ยน ประเด็นความรักมันก็ไม่มองเลย ไม่มองหาไม่อะไรเลย เพราะว่ามีความรู้สึกว่าเราสนุกอะ อันนี้จริง ๆ นะ เพื่อนก็ดีมาก ดูในกลุ่มสิลองคิดดูเวลาอยู่รวมกลุ่มกันนะ มันไม่มีเวลาที่จะแบบเครียด ถ้ามีแฟนจะมีปัญหานะพี่ว่า เพราะว่าคนมีแฟนมันก็ต้องมีเวลาให้แฟนถูกไหมคะอะไรแบบนี้ มันจะทำให้เสียเวลาในการอยู่กับเพื่อนมาก แล้วอยู่กับเพื่อนมันก็สนุกมากแล้ว มันเหมือนกับว่าตาพี่ไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นนั้นเลยค่ะ
- ถามย้อนกลับไปนิดนึง "หย่า" มากี่ปีแล้ว ?
ผัดไท : น่าจะประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ คนนี้เป็นแฟนคนแรกค่ะ ก็รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย คบกันถูกตาต้องใจกันตอนนั้นเลย คือเด็กสมัยก่อนพ่อแม่จะดุมาก แล้วจะได้อยู่กันใกล้ ๆ ก็ตอนที่พากันไปติว ไปเข้าชมรม ทำกิจกรรมโรงเรียน ก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้จักกันนาน ตั้งแต่สมัยเรียนอะไรแบบนี้
- พูดได้ไหมว่าทั้งชีวิตมีแฟนคนเดียวและครั้งเดียวเลย ?
ผัดไท : ค่ะ ก็มันชอบคนเดียวจะให้ทำไงอะ มันหล่ออะ (หัวเราะ) ไม่หรอกคือพี่เป็นคนชอบคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ เพราะพี่จะพูดเยอะแล้ว แต่แฟนพี่จะไม่พูดอะไรเลยนะ จะนิ่งฟังอย่างเดียว มันก็เลยทำให้พี่ชอบ แต่ถ้าแย่งพูดพี่ก็คงไม่ชอบ
- สาเหตุที่หย่ากัน เพราะอะไร ?
ผัดไท : จากการสมยอมทั้งคู่เหมือนกัน คือคนเรามันจะเป็นแบบนี้
มันจะมีพัฒนาการใช่ไหม สมัยตอนเราเป็นเด็กเราจะติดพ่อแม่ถูกไหมคะ
ห่างไม่ได้เลย แล้วพอโตทำไมเราห่างพ่อแม่ได้
ทำไมเราไปอยู่กับเพื่อนได้อะไรได้ เพราะฉะนั้นสมัยก่อนตอนเราเป็นแฟนกันนะ
ยุคก่อนที่จะแต่งงานมันก็จะเป็นอารมณ์แบบที่มีแฟนก็ต้องติดแฟน
พอแต่งงานอยู่กันไปนาน ๆ พี่อยู่กันมา 23 ปีนะคะ จนกระทั่งพอแก่
เหมือนต่างคนก็คนละอย่างคนละคิดแล้ว มันอิ่มตัว
แล้วที่บ้านเราสามคนพ่อแม่ลูกจะคุยกันทุกอาทิตย์ เหมือนประชุมเล็กกันตลอด
จนกระทั่งสุดท้ายมาคุยกัน มองหน้ากัน เราเป็นเพื่อนกันไหม ก็คุยกันเอง
เขาบอกก็ดีนะ เพราะว่าบางทีการใช้ชีวิตคู่มันใกล้กันมาก มันหายใจหายคอลำบาก
แล้ววิธีคิดก็ไม่เหมือนกัน ความคิดหรือทัศนะไม่ตรงกัน
มันเหมือนกับเฟืองที่มันขัดกันแล้วพอเราฝืนเครื่องยนต์มันก็จะพัง
เราต้องไวที่จะดูว่าวงโคจรของเรามันผิดเพี้ยนอยู่นะ
เราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรงนะแค่อึดอัดกันเฉย ๆ
- พอเลิกกันแล้วกลายมาเป็นญาติได้ยังไง ?
ผัดไท : กลายเป็นญาติค่ะ คือมันเหมือนญาติจริง ๆ อะค่ะ เพื่อนก็จะอีกระดับนึงนะ เวลามีอะไรเขาก็จะบอกพี่คนแรก ถามพี่หรือคุยคนแรกเสมอ แล้วก็ห่วงเหมือนห่วงลูกหลาน หรือพี่แก่ก็ไม่รู้นะ ถึงชีวิตคู่จะอยู่กันไม่ได้แต่ก็ยังเหลือความห่วงใยที่สมบูรณ์ มันไม่ได้สมบูรณ์แบบคนรักเก่านะ เขาก็บอกพี่แบบนี้เหมือนกันมองเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่
- ตอนที่หย่ากันลูกเป็นยังไงบ้าง ?
ผัดไท : ตอนที่หย่ากันก็คุยกับลูกนะ ลูกอยู่ในเหตุการณ์หมดอยู่แล้ว
ลูกเข้าใจ ลูกเป็นคนบอกเองว่า แม่กับปะป๊าเหมือนปลาคนละน้ำ
คือเหมือนเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันก็คือปลา
แต่คนนึงปลาน้ำจืดอีกคนนึงจะเป็นปลาน้ำเค็ม
สามารถที่จะมาจอยกันได้ในน้ำกร่อย แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปแบบที่ตัวเองเป็น
มันไม่ใช่จะเหมือนกันซะทีเดียว ตอนนั้นลูกสาวก็ 15 ปีแล้ว ก็เข้าใจ
คือเราเลี้ยงลูกแบบไม่ได้มองเขาเป็นเด็กนะคะ จะเอาเรื่องจริงมาคุยกันตลอด
- เห็นว่าชอบคุยกับต้นไม้ รักสันโดษจริงไหม ?
ผัดไท : ใช่ค่ะ เวลาเราเหนื่อย ๆ เราจะชอบคุยกับต้นไม้ บางทีบนเขาใหญ่ ๆ มีต้นไม้สมบูรณ์ ๆ พี่ก็จะเดินขึ้นไปกอดมันได้พลัง มันเป็นชีวิต ไม่งั้นคนจะเอาหินมาใส่แหวนหรือมาสร้อยข้อมือเหรอ แต่พี่จะชอบต้นไม้ ชอบป่า พี่ก็จะกอดและบอกว่าขอพลังหน่อยนะ ขอกำลังใจหน่อย ขอให้ได้ความคิดหน่อย ขอให้ได้สัจธรรมอะไรหน่อย แล้วบางทีเข้าป่าแล้วพี่ก็ได้จริง ๆ พี่ไม่ได้กลัวนะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คือธรรมชาติมันก็จะสอนชีวิตความเป็นอยู่ของเรา พี่ก็เหมือนกับว่ายิ่งเข้าไปยิ่งหลงป่า ไม่ใช่แบบหลงทางนะ มันเป็นเหมือนธรรมชาติบำบัดค่ะ
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama