อัยการสั่งฟ้อง ฟิล์ม รัฐภูมิ พร้อมพวก ฐานเปิดบริษัทเติมเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) โดยไม่ได้รับอนุญาต ด้านเจ้าตัวรับสารภาพ ก่อนยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนตุลาคม 2559 - 20 กุมภาพันธ์ 2560 จำเลยทั้งสี่บังอาจร่วมกันประกอบกิจการให้บริการแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ "เพย์ออล" (Payall) และสมัครสมาชิกเพื่อสร้างบัญชีของผู้ใช้บริการ ซึ่งระบบจะตั้งบริษัทสมาชิก รหัสผ่านในการใช้งานและเติมเงินผ่านเข้าบัญชีธนาคารของจำเลยตามช่องทาง โดยระบบจะบันทึกจำนวนเงินที่เติมตามมูลค่าของผู้ใช้บริการแต่ละราย รวมทั้งนำเงินที่ชำระไว้ล่วงหน้าไว้ชำระค่าสินค้า และค่าบริการต่าง ๆ แทนเงินสด
เบื้องต้นศาลพิจารณาคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3090/2561 และสอบคำให้การจำเลยแล้ว ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ไม่ขอต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งสืบเสาะและพินิจพฤติการณ์การกระทำความผิด ตลอดจนสถานภาพและพฤติกรรมส่วนตัวของจำเลย เพื่อใช้ประกอบการพิพากษา โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 6 ธันวาคม นี้ เวลา 09.00 น.
จากกรณีที่บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมี ฟิล์ม รัฐภูมิ พระเอกหนุ่ม เป็นประธานบริษัท ถูกทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ร้องต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ว่า
มีการทำธุรกิจชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น
ก่อนที่ภายหลังทาง ฟิล์ม รัฐภูมิ จะยอมรับว่าเป็นข่าวจริงนั้น (อ่านข่าว :
ฟิล์ม รัฐภูมิ แถลงยอมรับผิด ปม ธปท. กล่าวโทษทำ อีมันนี่ ผิดกฎหมาย)
ล่าสุด (17
ตุลาคม 2561) ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1
ฟ้องส่งตัวนายรัฐภูมิ หรือ ฟิล์ม โตคงทรัพย์ อายุ 33 ปี นักแสดงชื่อดัง
กับพวก ซึ่งเป็นประธานบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด มีนายศราวุฒิ นนทะภา
เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นายธเนศ จัตวาพรพานิช และนายภูมิพัฒน์
ประเสริฐวิทย์ กรรมการบริษัท ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4
ในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต
และร่วมกันประกอบธุรกิจบัตรชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ภาพจาก Instagram filmrattapoom
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนตุลาคม 2559 - 20 กุมภาพันธ์ 2560 จำเลยทั้งสี่บังอาจร่วมกันประกอบกิจการให้บริการแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ "เพย์ออล" (Payall) และสมัครสมาชิกเพื่อสร้างบัญชีของผู้ใช้บริการ ซึ่งระบบจะตั้งบริษัทสมาชิก รหัสผ่านในการใช้งานและเติมเงินผ่านเข้าบัญชีธนาคารของจำเลยตามช่องทาง โดยระบบจะบันทึกจำนวนเงินที่เติมตามมูลค่าของผู้ใช้บริการแต่ละราย รวมทั้งนำเงินที่ชำระไว้ล่วงหน้าไว้ชำระค่าสินค้า และค่าบริการต่าง ๆ แทนเงินสด
การกระทำของพวกจำเลยมีลักษณะร่วมกันประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์
เป็นการโอนสิทธิการถือครองเงิน และการโอนสิทธิการถอนเงิน
หรือหักเงินผ่านบัญชีหรือแอปพลิเคชันของผู้ใช้บริการโดยไม่จำกัด
และไม่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่าย ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุม
ดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551
และบัญชีท้ายตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุม
ดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.
ต่อมาพวกจำเลยได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.
(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ)
เบื้องต้นศาลพิจารณาคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3090/2561 และสอบคำให้การจำเลยแล้ว ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ไม่ขอต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งสืบเสาะและพินิจพฤติการณ์การกระทำความผิด ตลอดจนสถานภาพและพฤติกรรมส่วนตัวของจำเลย เพื่อใช้ประกอบการพิพากษา โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 6 ธันวาคม นี้ เวลา 09.00 น.
อย่างไรก็ตาม หลังฟังคำสั่งศาล
ทนายความและญาติของจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2
แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว
มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท
ภาพจาก Instagram filmrattapoom
ภาพจาก Instagram filmrattapoom
ภาพจาก Instagram filmrattapoom
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก