ออม สุชาร์ ยก แอมป์ พิธาน คือคนที่ใช่ รับมีมองเรื่องอนาคตแต่ไม่คาดหวัง ด้าน แอมป์ เมินดราม่ากระแสต้าน เข้าใจมีคนชอบและไม่ชอบ
คบหาดูใจกันมาได้สักพักแล้ว สำหรับนางเอกสาว ออม สุชาร์ และแฟนหนุ่มไฮโซ แอมป์ พิธาน ที่หลังจากเปิดตัวคบหาดูใจกันแล้ว
แม้จะไม่ออกสื่อหวือหวามากเท่าคู่อื่น ๆ
แต่ก็มีโมเมนต์ภาพความหวานออกมาให้แฟนคลับได้ตามฟินอยู่ตลอด
แถมทั้งคู่ยังรักและเอาใจใส่กันมาก ๆ และคอยให้กำลังใจกันและกันอยู่เสมอ
ล่าสุด (14 พฤศจิกายน 2561) ในงานเปิดตัว เอ็มทูเอสป๊อป (M2Spop) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของ หนุ่มแอมป์ ที่เป็นเว็บไซต์สำหรับแบรนด์เสื้อผ้า สาวออม ก็ได้ไปร่วมแสดงความยินดีและเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ของแบรนด์ในเว็บไซต์ด้วย ซึ่งควงคู่ออกงานกันอย่างหวานชื่น ทำเอาหลายคนมองว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อมองไปถึงเรื่องของอนาคตอย่างการแต่งงานหรือเปล่า ซึ่งทั้งคู่ก็ได้พูดถึงประเด็นนี้ พร้อมกับอัปเดตถึงเรื่องของความรักด้วย
โดย หนุ่มแอมป์ ก็เผยว่า
"ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นนะครับ ส่วนเรื่องข่าวดีเอาจริง ๆ
ผมคิดว่ามันเพิ่งจะผ่านมาแค่ 1 ปีเอง
ถามว่าได้มองถึงเรื่องอนาคตกันไว้บ้างไหม จริง ๆ เวลาผมคบกับใคร
ผมก็คิดว่ามันจะต้องไปต่อได้ ไม่ใช่คบแค่ 1-2 ปี แล้วก็เลิก ซึ่งช่วงนี้
เราก็ต้องเรียนรู้กันแล้วก็ปรับตัวกันไปก่อน แต่เท่าที่รู้สึกก็คือ
มันดีขึ้นเรื่อย ๆ และเราเองก็เข้าใจกันมากขึ้นครับ
กับความรักครั้งนี้ถามว่าจริงจังแค่ไหน คือผมจริงจังกับทุกความรักครับ
คือทุกคนที่ผมคบ ผมก็พยายามมองไปที่อนาคตทุกครั้ง
เพราะมันก็เหมือนเป็นจุดต่อไปของความรัก
แต่ว่ามันจะไปถึงหรือไม่ก็ต้องอยู่ที่ความพยายามของเราด้วย ซึ่งจริง ๆ
ก็ยังไม่ได้พูดกับเขาว่าเรามองไกลถึงอนาคตแล้ว กับทางคุณพ่อคุณแม่ออม
ผมก็เคยเจอกับครอบครัวของออมหลายครั้งแล้วนะครับ
เวลาท่านเดินทางขึ้นมาหาออมที่กรุงเทพฯ เราก็จะนัดกินข้าวกัน
แต่ท่านเองก็ไม่เคยฝากฝังผมเรื่องการดูแลออม
เราเน้นคุยกันเรื่องปกติทั่วไปมากกว่า"
และเรื่องที่ สาวออม โหมงานหนักจนเข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ ในช่วงหลัง ๆ มานี้ หนุ่มแอมป์ เผยว่า "เป็นห่วงครับ ช่วงนี้ก็พยายามหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เรื่องวิธีการรักษา ว่าเราจะต้องรักษาเขายังไงบ้าง มันมีหลายวิธีมาก ไม่ใช่แค่การกินยาอย่างเดียว มันต้องฝึกหายใจ ฝึกทำใจให้เย็น ๆ ซึ่งเขาก็กำลังฝึกอยู่ ถือว่าช่วยได้เยอะเลยครับ ถามว่าตอนนี้เขาเป็นไหม ก็เป็นครับ แต่มันก็ไม่ได้กระทบกับชีวิตประจำวัน ส่วนตัวก็พยายามดูแลเขาให้ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่ทำงานหนัก และที่หลายคนชมว่าน่ารักที่เราไปเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล คือมันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว
ถามว่าเขาดื้อไหม ซึ่งจริง ๆ ผมรู้สึกว่า คนเรามันต้องมีความดื้อเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ดื้อมากจนเกินไป ถึงขนาดไม่ฟังคำแนะนำใครเลย อย่างตัวผมเองเวลาแนะนำอะไรเขาไป เขาก็รับฟังเป็นปกติ เรื่องการทำงานหนักของเขา เราก็ไม่ได้เชิงอยากให้หยุดทำงานนะครับ เพราะไม่อยากให้คนที่ร่วมงานกับเขาต้องลำบาก แต่อยากให้เขาพักผ่อนเต็มที่ในเวลาที่ว่างมากกว่า เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ป่วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมพยายามบอกกับเขาบ่อย ๆ ว่าถ้าทำงานเสร็จแล้วก็ให้รีบกลับบ้านนอน"
"อย่างตอนที่ป่วย ออมเป็นคนที่หาความรู้เองได้ยาก เขาก็ต้องหาให้ว่ามันอย่างนั้นอย่างนี้นะ เขาไปดูงานวิจัยของฝรั่ง บางทีเราก็อ่านคำศัพท์เฉพาะแล้วไม่เข้าใจทั้งหมด บางทีเขาอ่านแล้วเขามาแปลให้เราฟัง เรารู้สึกว่าเราเข้าใจมากกว่า พี่เขาก็เลยแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลของคุณป้าเขา เดี๋ยวจะลองไปเช็กดู ก็ดีใจที่เขาเป็นห่วงเรา มันก็เป็นน้ำใจที่เรามีต่อกัน เราก็ควรจะมอบให้เขาด้วย"
ส่วนธุรกิจของ แอมป์ ถามว่า ออมมีส่วนร่วมมากไหม ออม ตอบว่า "คือเราช่วยซัพพอร์ตในเรื่องของแบรนด์มากกว่า ก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ได้มาทำธุรกิจร่วมกัน ออมก็อยู่ในวงการธุรกิจมาบ้าง แต่ถามว่าจะทำธุรกิจร่วมกันเลยจริง ๆ ไหม คิดว่าคงไม่ ออมว่ามันดูยุ่งยากไป ออมคิดว่าแบบนี้ดีแล้ว เราก็ซัพพอร์ตเขา เขาก็ซัพพอร์ตเราทางความคิด ถามว่ากลัวตีกันหรือเปล่า อาจจะอย่างนั้น ก็ตัดปัญหาไปเลย ด้วยความที่ตอนนี้ออมทุ่มให้การแสดงที่มาทั้งที่ไทยและจีน แล้วเรื่องของสุขภาพมากกว่า
ที่ผ่านมาทำให้รู้สึกว่า
เราไม่พร้อมกับการทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เรื่องธุรกิจอาจจะเบาบางลง
เขาก็ไม่เคยชวน ลำพังเขาก็ทำเยอะอยู่แล้ว ของเขายังจะทำไม่ไหว
และส่วนตัวเองก็ไม่ได้กลัวว่าทำด้วยกันแล้วจะทะเลาะกัน
แต่ออมมองว่าเราคนละแบบกัน เขาจะเป็นโหมดธุรกิจเลย เราเป็นนักแสดง
เรามีอาชีพแบบไม่ต้องมีต้นทุนทางธุรกิจอย่างนั้น มันคนละรูปแบบกัน"