
ไมเคิล แจ็คสัน Michael Jackson

ไมเคิล แจ็คสัน Michael Jackson

ไมเคิล แจ็คสัน Michael Jackson

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก imdb.com
เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า วันนี้ (5 มกราคม) ศาลสูงนครลอสแองเจลิส ได้รับรายงานจากผู้ช่วยอัยการนครลอสแองเจลิส เกี่ยวกับการช่วยชีวิตของนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของ ไมเคิล แจ็คสัน ว่า นายแพทย์มอร์เรย์ได้ช่วยชีวิตในวิธีที่ผิดมาตรฐาน โดยการใช้มือข้างเดียวปั๊มหัวใจ อีกทั้งยังปล่อยให้เวลาผ่านไปกว่า 21 นาที หลังจากพบว่า ไมเคิล แจ็คสัน หยุดหายใจแล้ว จึงค่อยเรียกรถพยาบาล ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาท ทำให้ ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่อาจจะมีชีวิตรอดได้หากช่วยเหลืออย่างถูกวิธีและทันเวลา
รายงานระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการสอบถามพยานที่เข้าให้ปากคำกว่า 35 คน ที่เปิดเผยไปในทางเดียวกันว่า นายแพทย์เมอร์เรย์ ไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิต ไมเคิล แจ็คสัน และปล่อยให้เวลาผ่านไปนานถึง 21 นาที นับแต่แจ็คสันหยุดหายใจ นายแพทย์เมอร์เรย์จึงค่อยเรียกรถฉุกเฉิน โดยสำนวนของอัยการที่ยื่นต่อศาล มีใจความสรุปได้ว่า ไมเคิล แจ็คสัน เป็นโรคนอนไม่หลับ และนายแพทย์เมอร์เรย์ได้ให้ยาหลายขนานกับ ไมเคิล แจ็คสัน ซึ่งหนึ่งในนั้น มียาโพรโพฟอล ซึ่งเป็นยาสลบที่มีผลข้างเคียงต่อระบบหายใจ ทำให้ผู้ที่ได้รับยานี้หยุดหายใจได้หากไม่ใช้อย่างถูกวิธี ซึ่งในวันที่ ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิต นายแพทย์เมอร์เรย์ได้ดูแล ไมเคิล แจ็คสัน อย่างใกล้ชิดในห้องนอน โดยให้ยาแวเลียม โลราเซแปม และโพรโพฟอล อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยาแต่ละตัวนั้นเป็นยานอนหลับและทำให้สลบ และมีอันตรายมากหากได้รับยาเกินขนาด
และหลังจาก ไมเคิล แจ็คสัน หยุดหายใจ นายแพทย์เมอร์เรย์ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปถึง 21 นาที จึงเรียกรถพยาบาล โดยระหว่างนั้นได้สั่งให้ทีมบอดี้การ์ดช่วยกันเก็บยาและของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋า และในช่วงเวลาที่ ไมเคิล แจ็คสัน หยุดหายใจนั้น อัลเบอร์โต อัลวาเรซ หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดของ ไมเคิล แจ็คสัน ได้ถูกเรียกตัวเข้าไปในห้องนอนของ ไมเคิล แจ็คสัน เขาได้พบว่านายแพทย์เมอร์เรย์ได้ปั๊มหัวใจ ไมเคิล แจ็คสัน ด้วยมือข้างเดียว ขณะที่ตอนนั้น ไมเคิล แจ็คสัน มีอาการตาค้าง ไม่หายใจ และตัวเย็นเฉียบ
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อรถพยาบาลมาถึง นายแพทย์เมอร์เรย์ยังไม่ยอมเปิดเผยกับทีมแพทย์ว่า ตนเองได้ทำอะไรกับ ไมเคิล แจ็คสัน ไปแล้วบ้าง อีกทั้งยังโกหกทีมแพทย์ว่า เข้าให้ยานอนหลับโลราเซแปมกับ ไมเคิล แจ็คสัน เพียงอย่างเดียว ขณะที่ผลการชันสูตรออกมาว่า ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิตเพราะได้รับยาโพรโพฟอลและยาโลราเซแปมเกินขนาด การกระทำของนายแพทย์เมอร์เรย์ จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขามีส่วนทำให้ ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิต โดยการไม่ยอมให้การรักษาอย่างดีที่สุดและยังผิดมาตรฐาน
อย่างไรก็ดี ทางนายแพทย์เมอร์เรย์ ก็เตรียมตัวจะสู้คดีจนถึงที่สุด โดยทนายของนายแพทย์เมอร์เรย์ได้อ้างว่า ไมเคิล แจ็คสัน เป็นคนฉีดยาโพรโพฟอลให้ตัวเองเกินขนาดเอง จึงทำให้เขาเสียชีวิต






