x close

เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน เพราะปัจจุบันคือของขวัญ

เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน

เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน



เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน เพราะปัจจุบันคือของขวัญ (Men’s Health)

ภาพ บุญแผ้ว แดงแท้
ผู้ช่วยช่างภาพ มนตรี บุศยศิริ


        วันนี้นิตยสาร Men’s Health จะขอไปเปิดใจหญิงสาวสวยหมวยคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวที่ชีวิตของเธอได้ผ่านจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญในปี 2553 ด้วยการเลิกรากับคนรัก...แต่ไม่ใช่การบอกลากับความรักแต่อย่างใด

        เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน คือชื่อของเธอ สำหรับเรา การได้พูดคุยกับเธอในครั้งนี้เป็นเหมือนการได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง เพราะเราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับ "การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะให้มีความสุข" จนทำให้เราอดคิดถึงคำกล่าวภาษาอังกฤษถ้อยคำหนึ่งที่พูดถึง "ของขวัญ" และ "ปัจจุบัน" ไว้อย่างเฉียบคมไม่ได้ว่า "Yesterday is History. Tomorrow is a Mystery. Today is a Gitf. That is why it’s called the Present."

 ช่วงนี้คุณทำอะไรอยู่บ้างครับ


         เมจิ-อโณมา : ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวของตัวเองค่ะ ทำเวชสำอางชื่อ เซรีนา ลอนดอน (Zerena London) ในตำแหน่ง Media & Event Director โดยเมจิจะดูแลในเรื่องสื่อต่างๆ ช่วยโปรโมตสินค้า และทำกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายติดต่อกับลูกค้าและสื่อมวลชน เพราะถนัดด้านนี้ คือเมจิเป็นคนในวงการบันเทิง จะให้ไปทำหน้าที่บริหารก็คงทำได้ในส่วนหนึ่ง แต่ว่าเมจิจะถนัดในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากกว่า ถือว่างานไม่ยุ่งมากค่ะ แต่ช่วงนี้จะยุ่งนิดหน่อย ช่วงไหนที่มีงานและต้องออกบูธสินค้าก็จะกลับถึงบ้านตอน 4 ทุ่ม กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนถึงตีหนึ่งทุกวัน แต่จะยุ่งเป็นช่วงๆ ค่ะ ไม่ใช่ทุกวัน

คุณดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

         เมจิ-อโณมา : ถ้าเป็นเรื่องดูแลผิวพรรณก็จะใช้เครื่องสำอางของตัวเองด้วย บางทีเมจิจะตื่นเช้ามาออกกำลังกายก่อนไปทำงาน เพื่อเรียกความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย แล้วก็เล่นโยคะ ส่วนเรื่องอาหารการกิน จะเน้นดื่มน้ำเต้าหู้บำรุงสุขภาพ เน้นผักทุกมื้อ เพราะสมัยวัยรุ่นเมจิใช้ชีวิตสนุกสนานมาเยอะมาก ตอนนี้เลยพยายามจะดูแลตัวเอง ซึ่งทานผักก็เป็นวิธีหนึ่ง อันนั้นคือดูแลกาย ส่วนดูแลใจนั้น ถ้ามีเวลาเมจิจะปลีกวิเวกไปปฏิบัติธรรม จะไปนั่งสมาธิ 4-7 วัน โดยไปหลายที่ค่ะ คือเหมือนแทนที่จะไปพักผ่อนกาย เราก็ไปพักผ่อนใจด้วย บางทีไปคนเดียวบ้าง หรือบางครั้งก็พาเพื่อนๆ ไปด้วย ทำมาหลายปีแล้วค่ะ

ไปบ่อยไหม

         เมจิ-อโณมา : ถ้าว่างจะไปเกือบทุกเดือนเลยค่ะ เวลาไปก็จะอยู่ประมาณ 5 วัน แต่ถ้าตอนไหนเพื่อนๆ อยากจะไป ก็จะพาเพื่อนไป บางทีก็ไปช่วยเขาทำงานด้านอื่น เช่น ช่วยบรรยายให้กับเด็กๆ ฟัง หรือบรรยายให้กับคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมฟังว่า จริงๆ แล้วการปฏิบัตินั้นได้อะไรบ้าง

         บางคนอาจจะมองว่า "เอ๊ะ กลับมาเมจิก็ยังคงเป็นคนกะเปิ๊บกะป๊าบเหมือนเดิม" ไม่ได้ดูแตกต่างจากเดิม แต่ของข้างในน่ะเราจะรู้สึกเองว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คือการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เป็นการลบล้างตัวตนเรา ตราบใดที่เรายังเป็นคน มีรักโลภโกรธหลง สนุกสนาน บ้าๆ บอๆ เราก็ยังจะมีสิ่งนั้นอยู่แน่นนอน แต่เราจะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว คือเปลี่ยนจากข้างในก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนไปสู่ข้างนอก เหมือนการขัดบ้านน่ะค่ะ บ้านที่รกๆ ขัดวันเดียวไม่หมดหรอก เช่นกันกับการปฏิบัติใจ เราไปครั้งเดียวแล้วจะให้กลับมาบรรลุมรรคผลนิพพาน อันนั้นก็ไม่ใช่แล้ว คือเราต้องฝึกเรื่อยๆ เหมือนทำความสะอาดบ้านซึ่งต้องทำทุกวัน

เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน





สำหรับตัวคุณเอง ปี 2553 ถือเป็นปีที่โอเคไหม

         เมจิ-อโณมา : ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตมากกว่า มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างเกิดขึ้นทั้งในเรื่องการงานและชีวิตครอบครัว (เลิกกับอดีตสามี) แต่สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เมจิได้เริ่มต้นในสิ่งที่ดีเหมือนกับว่าได้มานั่งรีเซ็ตชีวิตใหม่ ถือว่าได้ผ่านบททดสอบแล้ว และถึงในอนาคตจะเจออะไร อื่นๆ อีก เมจิก็จะมีภูมิคุ้มกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเข้าใจและยอมรับได้มากขึ้น ทำให้ปัญหาเบามากขึ้น มันจะสบายมากขึ้น


         อย่างเรื่องปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ถ้าจะกลับไปมอง เมจิว่าตัวเองได้เรียนรู้เรื่องความเข้มแข็ง และตอนนี้เมจิสามารถใช้ความเข้มแข็งนี้กับการดำเนินชีวิตหลายๆ อย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือการงาน ตอนนี้มีความสุขดีค่ะ (ยิ้ม) เรียกได้ว่ามีความสุขกับปัจจุบันมาก เมจิมองว่าทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่อดูแลครอบครัว ดูแลตัวเอง และดูแลคนรอบข้างมากกว่า แล้วก็มีหน้าที่ในการยอมรับและเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ขอบอกว่าธรรมะช่วยได้เยอะ (หัวเราะ) ยังวกกลับเข้ามาเรื่องนี้จนได้ (ยิ้ม) คืออยากให้ทุกคนลองศึกษาธรรมะดูน่ะค่ะ แต่เมจิศึกษามานานแล้วนะคะ ไม่ใช่เพิ่งมาศึกษา

คุณหวังอะไรกับปี 2554 ที่กำลังจะมาถึง และอยากให้ของขวัญอะไรกับตัวเองเป็นพิเศษบ้างไหม

         เมจิ-อโณมา : ถ้าพูดถึง "ของขวัญพิเศษ" เมจิคงต้องหาเวลาพักผ่อน ซึ่งคิดไว้แล้วว่าจะไปปฏิบัติธรรม เมจิคิดว่านี่ถือเป็นของขวัญพิเศษที่เรามอบให้กายและใจตัวเองได้ คือเมจิเองว่าการไปปฏิบัติธรรมเป็นเหมือนการที่เราได้พาตัวเองไปพบสิ่งล้ำค่าน่ะค่ะ ทำให้เราอยากดูแลจิตใจตัวเองมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาในอดีต เวลามีอะไรแย่ๆ เข้ามาในจิตใจปุ๊บ เราจะจมอยู่กับมันนาน แล้วก็เครียดด้วย เมจิรู้สึกว่าต่อไปนี้จะให้ของขวัญตัวเองด้วยการรู้จักปล่อยวาง ไม่หมักหมมเรื่องทุกข์เอาไว้ คือรู้สึกว่าอยากดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลตัวเองเลย เมจิตามใจตัวเองในลักษณะที่ผิด ในบางครั้งด้วย เช่น นอนดึกบ้าง ใช้ตัวเองเกินเหตุ เลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าต่อจากนี้ไปจะทำจิตใจให้สบาย มีอะไรก็ยอมรับเข้าใจแล้วปล่อยวาง จะใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเหมือนของขวัญ นอกจากนี้เมจิมั่นใจว่าในปีหน้า ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นปีที่ดีสำหรับเมจิในเรื่องของมุมมองความคิด ทั้งในเรื่องของธุรกิจที่กำลังจะเติบโตขึ้นด้วยค่ะ

 ถามเผื่อหนุ่ม ๆ ผู้อ่าน ถ้าจะเลือกของขวัญให้หญิงสาวในช่วงปีใหม่ มีหลักการเลือกอย่างไรเพื่อให้เธอประทับใจบ้างครับ

         เมจิ-อโณมา : เมจิคิดว่าให้เป็นของมีค่าก็ดีนะคะ อาจเป็นของประดับน่ารักเล็กๆ ที่ดูแล้วไม่ได้เป็นการผูกมัดมากเกินไป เช่น สร้อยเข็มกลัด หรืออาจจะให้เป็นแพ็คเกจสปา แพ็คเกจนวดตัว นวดหน้า แพ็คเกจตั๋วเครื่องบินที่พัก ประมาณนี้ เพราะว่าผู้หญิงชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดเหมือนกัน อย่างนี้จะมีโอกาสได้ใช้ เผลอๆ ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว คุณจะได้ไปกับเธอด้วยไงล่ะคะ ส่วนเรื่องให้เสื้อผ้า เมจิไม่แนะนำเพราะบางสไตล์ เราอาจจะรู้ว่าเขาชอบแบบนี้ แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบมากที่สุด บางทีซื้อมาเขาอาจจะแอบเอาไปให้คนอื่น หรือว่าบางทีเขาอาจจะผืนใส่เพื่อเอาใจเราก็ได้ ซึ่งอย่างนี้เมจิว่าไม่ค่อยเวิร์ก

         นอกจากนี้อาจจะลองทำเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อย ๆ เช่น สืบมาว่าเขาชอบไปทำผม ทำเล็บ หรือเสริมสวยร้านไหน เราอาจจะไปลงบิลที่รานไว้ให้เรียบร้อย พอเขามาทำอะไรที่ร้าน ทางร้านก็จะได้บอกว่า "คุณคนนี้เขาจ่ายไว้แล้ว" ถือเป็นการเซอร์ไพรส์ที่น่ารักอย่างหนึ่ง"


ทุกวันนี้ความสุขของผู้หญิงที่ชื่อ เมจิ ณ วัย 32 ปี คืออะไร

         เมจิ-อโณมา :
ความสุขคือการได้อยู่กับครอบครัว อยู่กับคนรอบข้างที่เขารู้สึกดีกับเรา และได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมด้วยในด้านการปฏิบัติธรรม เพราะขณะที่เราไปสอนเขาก็เหมือนกำลังสอนตัวเองด้วย คือเมจิไม่ได้เก่งมากมายนะคะ แต่ว่าขณะที่เรากำลังเผื่อแผ่ให้กับคนอื่น เล่าให้คนอื่นฟัง เหมือนเป็นการย้ำเดือนว่าเราต้องทำความดี ต้องยับยั้งชั่งใจให้ดี เมจิมองว่าการที่เราได้รับสิ่งดีๆ รอบข้างเยอะมาก ทั้งในเรื่องของเพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง อาจจะเป็นเพราะว่าที่ผ่านมา เราเป็นคนค่อนข้างโพสิทีฟ เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เลยมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต จริงๆ ตัวเองเป็นคนโกรธง่ายเหมือนกันนะคะ แต่แป็บเดียวก็หายแล้ว เมจิเป็นคนไม่ได้เจ็บแค้นอะไรนาน เป็นคนที่เวลาโกรธกับใครแล้วจะชอบขอโทษก่อนไม่กลัวเสียฟอร์มด้วยนะ

 หลังจากสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา มุมมองความรักของคุณเปลี่ยนไปบ้างไหม

         เมจิ-อโณมา : จริง ๆ แล้วตอนนี้เมจิอยู่ในช่วงโล่งๆ ค่ะ เรียกว่าเป็นช่วง Single and Available ซึ่งเมจิรู้สึกแฮปปี้เอนจอยกับชีวิตปัจจุบัน ต่อไปคงศึกษาคนมากขึ้น คือเมจิไม่ได้เช็ดขยาดความรัก แต่มองว่าอยากมองหาคนที่เข้ากับเราได้ ไม่อยากจะรีบดึงใครมาอยู่ด้วยเพราะอารมณ์เหงาน่ะค่ะ เมจิอยากให้เวลากับตัวเองในการศึกษาคนเยอะๆ ซึ่งก็มีเข้ามาให้ศึกษาพอสมควรค่ะ ทุกคนน่ารักเป็นคนดีกันหมด แต่เมจิยังขอดูให้เหมาะสมกับตัวเอง แล้วเราก็เหมาะสมกับเขาด้วยให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ ดังนั้นเมจิจะใจเย็นๆ ให้เวลากับครอบครัว งาน และตัวเองมากกว่า แต่ก็ไม่ได้จะมองแต่ตัวเอง คือยินดีกับทุกคนที่เข้ามามอบสิ่งดีๆ ให้

เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน



 4 สิ่งพกติดตัวเสมอเวลาออกจากบ้าน

           1) โทรศัพท์มือถือสองเครื่อง

           2) ลิปสติก 4 สี ส่วนใหญ่จะเป็นเฉดสีนู้ดกับสีแดงแป๊ด จะมีสีนู้ดกับสีเข้มไว้เผื่อว่าต้องไปงานที่ไหนต่อ คือแต่งส่วนอื่นของหน้าอาจใช้เวลานาน เมจิก็จะขอทาปากไว้ให้เป๊ะก่อนก็พอค่ะ

           3) แป้งพัฟ 

           4) สมุดออร์แกไนเซอร์ เอาไว้จดคิวงาน

           คือเป็นคนไม่ค่อยใช้พวกไอโฟนหรือไอแดรน่ะค่ะ เพราะว่าขณะคุยโทรศัพท์อยู่มันกดไม่ถนัด เขียนถนัดกว่า ทุกวันนี้เมจิใช้ระบบจด เพราะเป็นคนพิมพ์ไม่เร็วด้วย แอพพลิเคชั่นเยอะก็จริง แต่ด้วยบุคลิกแล้วจะเป็นคนชอบจด เมจิจดเร็วกว่ากดอีกค่ะ

 คุณบอกว่าชอบจดๆ ไม่คิดจะเขียนหนังสือบ้างหรือครับ

         เมจิ-อโณมา :
เคยคิดนะ เมจิอยากเขียนเรื่องธรรมะกับสาวสมัยใหม่ เป็นธรรมะแบบเซ็กซี่ๆ น่ะค่ะ เหมือนแบบเรามีธรรมะแต่ไม่ได้ แต่งตัวเป็นแม่ชี เรายังเป็นสาวสวยมีสไตล์ ทว่าจิตใจเรากระฉับกระเฉงว่องไวและดูโอเคมากขึ้น เมจิเองว่าธรรมะเป็นเรื่องสมัยใหม่ เลยอยากเขียนคอลัมน์ที่สามารถเอาธรรมะมาดัดแปลงให้เข้ากับชีวิตสาวรุ่นใหม่ได้ เหมือนว่า "เธอปฏิบัติธรรมแต่ทำไมยังเซ็กซี่อยู่ล่ะ

         ซึ่งเมจิมองว่าธรรมะอยู่ในใจไม่ได้อยู่ข้างนอก ต่อให้เป็นพวกพังก์ก็สามารถมีธรรมะได้ ขณะที่ยังเป็นตัวของตัวเองได้ สามารถไปเที่ยวสนุกสนานโดยที่รู้ว่าใจเราคืออะไร ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะไม่ได้อยู่ในวัดในโบสถ์แต่อยู่รอบตัวเรา เลยอยากจะเขียนตรงนี้ค่ะ แต่เมจิอยากให้ประสบการณ์ตกผลึกก่อน เมื่อสี่ปีที่แล้วเคยคิดว่าอยากเขียนเรื่องธรรมะ แต่ไม่ได้จะเขียนในฐานะผู้สอนเพราะเราไม่ใช่ศาสดา แต่อยากเขียนในฐานะคนทั่วไปที่เล่าสู่กันฟังว่าเราดัดแปลงธรรมะให้เข้ากับชีวิตได้อย่างไรบ้าง ทำอย่างไรให้ธรรมะอยู่กับชีวิตได้ง่ายๆ


  มีมุมไหนของผู้หญิงชื่อเมจิที่คนอื่นยังไม่ค่อยรู้จักอีกบ้าง

         เมจิ-อโณมา : จริงๆ เมจิชอบวาดรูปนะคะ เรียกได้ว่ามีความเป็นศิลปินอยู่บ้างแต่ไม่เคยโชว์ที่ไหน (พูดพร้อมกับโชว์ภาพสีอะครีลิกที่เธอวาดให้ดู) การวาดรูปถือเป็นการฝึกสมาธิด้วย และก็แอบเล่นเครื่องดนตรีได้ด้วย คือเล่นกีตาร์ ชอบเล่นเพลงขอจันทร์กับเพลงเธอคือคนพิเศษ ของพี่ตุ๊ก-วิยะดา โกมารกุล ณ นครนอกจากนี้ก็ชอบเข้าครัว ชอบทำอาหารง่ายๆ ตื่นเข้ามาจะทำอาหารให้คุณแม่กับคนที่บ้านทาน จะมีมุมผู้หญิงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำเก่งอะไรมากนะคะ






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

หนังสือMen’s Health ธันวาคม 2553
PEOPLE MH WOMAN เรื่อง Tiktok

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เมจิ-อโณมา ศรัณย์ศิขริน เพราะปัจจุบันคือของขวัญ อัปเดตล่าสุด 7 มกราคม 2554 เวลา 14:53:55
TOP