ความพร้อมงานแต่งตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
เจี๊ยบ : ยกเว้นเรื่องชุด เสื้อผ้า แต่พวกหน้างานหรือเรื่องอาหาร เราได้กะเกณฑ์ไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังกังวลว่าจะพอมั้ย กลัวดูแลแขกผู้ใหญไม่ดี จะนั่งกันยังไง จัดโต๊ะนี่จัดยังไม่ถูกเลยค่ะ
บอย : ถ้าคนมาเยอะจะพอมั้ย หรือถ้าคนมาน้อยเราต้องแบกกลับบ้านหมดเลยนะ (ยิ้ม) มันก็คิดได้ทั้งสองอย่าง กลัวคนไม่มาบ้าง กลัวคนมาเยอะไปแล้วอาหารไม่พอบ้าง
ความตื่นเต้นของเจ้าบ่าว เจ้าสาว ?
บอย : เรื่องความตื่นเต้นนี่น้อยกว่าความกังวลว่างานจะเรียบร้อยมั้ยมากกว่าครับ
เจี๊ยบ : กลัวว่าจะดูแลแขกได้ไม่ดี แรก ๆ ก็ไม่ตื่นเต้นมาก แต่ว่าพอใกล้วันก็เริ่มคุยกันบ้างแล้วว่าเราต้องอะไรยังไงบ้าง ต้องมีสเต็ปยังไงบ้าง วันศุกร์นี้แล้ว
บอย : แต่งครั้งแรกด้วยครับ (หัวเราะ)
เห็น เดวิด เบ็คแฮม เซ็นลายเซ็นให้ในการ์ดแต่งงานด้วย ?
เขารู้มั้ยว่ามันเป็นการ์ดแต่งงาน ?
เจี๊ยบ : คิดว่าน่าจะรู้นะคะ เพราะในการ์ดหน้า-หลังมันเป็นการ์ดแต่งงานเลย
บอย : คิดว่ารู้ครับ แต่ไม่น่าจะรู้ธรรมเนียม (ยิ้ม)
เจี๊ยบ : เรื่องซองไม่ได้คาดหวังค่ะ จริง ๆ ก็อยากได้ลายเซ็นเขานี่แหละค่ะ แต่เราก็เอ๊ะทำเป็นใส่ซองไปแล้วกัน เผื่อจะมีเงินกลับมา (หัวเราะ) แค่ได้ลายเซ็นก็ดีใจมาก ๆ แล้วค่ะ
บอย : กลัวโดนแฟนคลับเดวิด เบ็คแฮมด่า (หัวเราะ)
ที่ไปออกรายการคลับ ฟรายเดย์ โชว์ มา หลายคนก็ให้กำลังใจ ?
บอย : ล้นหลาม ถล่มทลายมากเลยครับ หลายคนเป็นกำลังใจให้เรา และเรื่องของเราสองคนก็เป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ คน หลาย ๆ คู่ ในการดูแลความรักกันมายาวนาน และเรื่องที่เราสองคนจับมือสู้กับปัญหามา ก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่เรื่องของเราสองคนได้เป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลาย ๆ คน และได้เป็นกำลังใจให้กับหลายคนที่กำลังท้อ คือบางข้อความส่งมาเราอ่านแล้วน้ำตาไหลเลยนะครับ เขาบอกว่าเขาก็มีหนี้อยู่เหมือนกัน เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง บางทีมีหนี้อยู่แค่นิดเดียวแฟนเขาก็ทิ้งไปเลย เราฟังแล้วเราก็เสียดายและเสียใจแทนเขาจริง ๆ บางคนก็บอกว่าอ่านข้อความของเราสองคนแล้วตอนแรกเกือบจะเลิกกัน แต่กลับมีแรงมาสู้กันต่อ ฟังแล้วมันรู้สึกอิ่มใจครับ รู้สึกดีมีกำลังใจ เราก็จะสู้ต่อไปแบบนี้ให้เขาเห็นและเป็นกำลังใจให้พวกเขาด้วยครับ
หนี้เหลืออีกเยอะไหม ?
เจี๊ยบ : จริง ๆ คาดการณ์ไว้ว่าโดยประมาณก็ 2 ปี แต่ก็คุยกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเกิดสามารถจัดการได้เร็วกว่านี้ก็คงได้เร็วกว่านี้ค่ะ
สภาพจิตใจดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?
บอย : จริง ๆ ดีขึ้นมากแล้วครับ เพียงแต่ในรายการที่ไปออกเป็นการเล่าย้อนหลัง อย่างที่เจี๊ยบเคยบอกไปว่าการที่เล่าก็เหมือนเอามีดมาแทงที่เดิม มันก็เจ็บเท่าเดิม แต่เพียงแค่ทุกวันนี้มันดีขึ้นมาก เราก็เพียงแค่กลับไปเล่าวันที่ผ่าน ๆ มาให้พี่ ๆ เขาฟังในวันนั้น
ทำไมเราถึงตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ในรายการ ?
เรียกว่าเป็นปมในชีวิตไหม ?
ถือเป็นบทพิสูจน์ของคนที่ยืนเคียงข้างเราด้วย ?
บอย : ผมว่าจำนวนหนี้ที่เราเสียไป เงินที่เราเสียไปมันคุ้ม อย่างที่บอกว่ามันเป็นบทพิสูจน์ความรักของเรา จริง ๆ มันคุ้มมากกับสิ่งที่เราได้มา
ในวันที่เขาโดนขนาดนั้น ทำไมเราถึงยังจับมืออยู่ข้าง ๆ เขา ?
เจี๊ยบ : จริงๆ เราต่อสู้กันมาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นการเริ่มต้นธุรกิจหรือการเริ่มปัญหาทุก ๆ อย่าง มันจะต้องมีสองคนที่ช่วยกันแก้ปัญหาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะปัญหาเล็ก ปัญหาใหญ่ เพราะฉะนั้นในวันที่มันมีปัญหาใหญ่ขนาดนี้เราก็ต้องการกำลังใจ เขาเองก็ต้องการกำลังใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้อะไรที่จะแยกกันค่ะ
บอย : เราก็โชคดีที่เราไม่ได้อยู่สู้เพียงลำพัง เรายังมีอีกคนที่ช่วยคิด ช่วยสู้ ช่วยเป็นกำลังใจ จริง ๆ ผมว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของคู่รักนะครับ บางคนที่เป็นแฟนกันหรือคู่กัน การที่ต่างคนต่างให้ทั้งคู่มันแทบจะไม่ต้องเรียกร้องอะไรซึ่งกันและกันเลย
ทำให้รักกันมากขึ้นกว่าเดิมไหม ?
บอย : ผมว่ามันก็ช่วยนะครับ และเป็นการทำให้เรารักกันอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยหรือไม่ต้องมีคำถามในใจด้วย ก็ต้องขอบคุณรายการคลับ ฟรายเดย์ โชว์ ด้วยที่ให้โอกาสเราได้ไปพูด จริง ๆ ไม่ได้พูดเพื่อต้องการความสงสารจากคนอื่นเยอะเลยครับ แต่ขอบคุณที่ให้เราพูดเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนอื่น ๆ ที่กำลังหมดแรงจะสู้อีกเยอะมากครับ (ยิ้ม)