ล่าสุด (28 มกราคม 2562) ในงานแถลงข่าวการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2019 ฝ้าย สุภาพร ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ด้วย ซึ่งก็ดูท่าว่าเรื่องราวจะพลิกกลับไม่เป็นอย่างที่ เต๋า เผยไว้ในตอนแรก
โดย ณวัฒน์ เผยว่า ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับการที่คู่กรณีโพสต์ว่า ฝ้าย แพ้คดีนั้นไม่จริง เนื่องจากคดียังไม่ตัดสิน ศาลได้พิจารณาความใหม่ทั้งหมด แล้วจะทำการสืบหลักฐานและพยานใหม่ในวันที่ 22 เมษายน นี้ ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ฝ้ายไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ ฝ้ายและกองประกวดไม่เคยทราบว่าโดนฟ้อง ต้องทำความเข้าใจว่า ฝ้ายเป็นบุคคลสาธารณะ สามารถหาที่อยู่และสามารถติดต่อต้นสังกัดได้ การที่คู่กรณีบอกว่าฝ้ายไม่ได้รับหมายศาลที่ส่งไปนั้น ไม่มีน้ำหนัก เหมือนถูกกีดกันเข้าสู่กระบวนการ เพราะคู่กรณีสามารถส่งหมายไปยังสถานที่อื่นได้
ส่วนเรื่องที่คู่กรณีเลือกที่จะเงียบ รอให้เวลาผ่านไปถึงมาโพสต์แฉ เป็นการเงียบอย่างผิดปกติ ขณะนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อวันที่ 25 มกราคม ฝ้ายได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากศาลและผู้พิพากษาในการเริ่มต้นคดีใหม่ ยืนยันว่าตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม เป็นต้นมา คำพิพากษาเดิมนั้นใช้ไม่ได้
ด้าน สาวฝ้าย เผยว่า ขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม สำหรับการส่งหมายศาลไปยังทะเบียนบ้านที่ จ.ลพบุรี เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่บ้านหลังนั้นเก่าและทรุดโทรม จึงไม่มีคนอยู่ โดย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เสริมว่า หมายศาลสามารถส่งไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่ทำงาน ให้กับตัว หรือที่ใดก็ตามที่สามารถติดต่อได้ หรือจะประกาศผ่านสื่อก็สามารถทำได้ จึงไม่ทราบว่าคู่กรณีมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ แต่ฝ้ายเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม
ส่วนเรื่องส่วนแบ่งในสัญญา 50:50 นั้น สาวฝ้าย ยอมรับว่า มีการเซ็นสัญญากันจริง ตนอยากจะพูดชี้แจง แต่ในขณะนี้เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว หากพูดจะไม่เป็นผลดีต่อรูปคดี บอกได้ว่าในสัญญาไม่ได้มีเพียงเงื่อนไขเดียว ด้าน ณวัฒน์ เสริมว่า สัญญาฉบับนี้ ไม่มีแสตมป์อากร ตนไม่แน่ใจว่าจะสามารถใช้ทางกฎหมายหรือไม่ ส่วนการฟ้องร้องพร้อมกับคิดดอกเบี้ยนั้น ตนอยากจะร้องเรียนเพิ่มเติม เนื่องจากการที่คู่กรณีบอกว่าตัวเองกู้เงินมาฟ้องศาล และต้องจ่ายดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ณวัฒน์ เผยว่า งานของ ฝ้าย สุภาพร ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากคดีนี้ งานกลับยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ตนไม่มีการฟ้องกลับ แต่จะสู้คดีแพ่งกันต่อไป ตนและนางงามรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร พวกเรายืนหยัดบนความจริง ต้องรอตัดสินใจกันก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อเป็นกรณีศึกษา และสำหรับผู้ที่จะเข้าประกวดนางงาม ตนอยากบอกว่าสามารถมีพี่เลี้ยงนางงามได้ แต่ต้องพิจารณาสัญญาให้ดี อย่าเซ็นสัญญาที่มีเงื่อนไขแปลก ๆ และหากใครแอบอ้างว่ารู้จักตน ต้องจ่ายเงิน ต้องเซ็นสัญญาแล้วจะชนะ อย่าหลงเชื่อ
APOP บันเทิง 34