เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่เจอกระแสข่าวว่าส่อแววเตียงหัก สำหรับ เต้ ปิติศักดิ์ กับ ภรรยาสาวสวย น้ำหวาน สรารัศมิ์ หลังจากที่หนุ่ม เต้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กบอกว่า "ถ้าโสดอีกที จะทำไรดี" ล่าสุด (7 กุมภาพันธ์ 2562) เจอตัวหนุ่มเต้ ผู้สื่อข่าวเลยไม่พลาดจ่อไมค์ไถ่ถาม
ถามถึงเรื่องที่โพสต์เฟซบุ๊กว่าถ้าโสดอีกที จะทำไรดี ?
เต้ ปิติศักดิ์ : แค่สงสัยเฉย ๆ ครับ สงสัยเฉย ๆ แต่ว่าอย่างที่ทุกคนได้เห็นในโพสต์นะครับ คือจะเรียกว่ามีปัญหาครอบครัวหรือเปล่า ผมก็ไม่อยากฟันธงเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่มันเกิดจากสาเหตุ ขั้นตอน ผลลัพธ์ ใช่มั้ย แต่ว่าผลลัพธ์ของเรามันไม่ใช่ปัญหา มันอาจเป็นเพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ที่ตอนนี้ผมก็ทำงาน แฟนผมก็ทำงาน ต่างคนต่างใช้เวลาในการทำงานของตัวเอง เลยอาจไม่มีเวลาคุยกันในเรื่องบางเรื่อง
สรุปว่าขาเตียงยังแข็งแรงอยู่หรือเปล่า ?
เต้ ปิติศักดิ์ : ก็ยังอยู่ด้วยกันครับ ยังแข็งแรงนะครับ แต่ว่าอาจจะไม่มากนัก ผมก็คิดว่าทั่วไปหลาย ๆ ครอบครัว ไม่ว่าจะสังคมไหน สังคมครอบครัวเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ในบ้าน เพื่อนฝูง ก็มีกระทบกระทั่ง เกิดเหตุไม่เข้าใจกันได้บ้างอยู่แล้ว แต่ผมไม่อยากเรียกว่ามันเป็นปัญหาครอบครัว เพราะว่าบางอย่างถ้าเราคุยกันเข้าใจมันก็รู้เรื่อง
ตั้งแต่มีข่าวลือว่าเตียงหักคุยกับภรรยาหรือยัง ?
เต้ ปิติศักดิ์ : ก็คุยกันมาตลอดครับ จริง ๆ โพสต์ที่เห็นก็คือโพสต์เก่า ตั้งแต่กลางปี 2561 ซึ่งตอนนั้นมันก็มีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน คำว่าปัญหาหมายความว่ามันแก้ไขไม่ได้ สำหรับผมนะ แต่ว่าอะไรที่เราคุยกันแล้วเข้าใจ มันก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่าอะไรที่เข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่คือเราคุยกันได้ครับ ตอนนี้ก็คุยกันอยู่ครับ ส่วนสำคัญที่สุดคือตอนนี้ต้องให้เวลามากกว่า ทบทวนตัวเองว่าเราทำอะไรพลาดไป เขาทำอะไรพลาดไป ทบทวนตัวเอง แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้รู้สึกว่ามีความสุขอยู่ได้ก็คือลูกชาย
ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกัน ?
เต้ ปิติศักดิ์ : ยังอยู่กันปกติครับ
สิ่งที่เป็นปัญหาเรื้อรังยังมีอยู่ไหม ?
เต้ ปิติศักดิ์ : ก็เคลียร์กันได้หลาย ๆ เรื่องแล้วครับ ผมเชื่อว่าอาจเป็นเรื่องที่เราไม่ได้คุยกัน ตรงนี้สำคัญมากนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ให้แฟนทำงานเลย ให้เขาเลี้ยงลูกมาโดยตลอด ประมาณ 4-5 ปี จนตอนนี้ลูกชายโต 6 ขวบ ก็ให้เขากลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่งก็ได้ ประมาณ 1 ปีที่เขาทำงาน เวลามันก็สวนทางกันเยอะ ผมเองก็ทำรายการทีวี แล้วบางทีผมก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็เลยอาจไม่ได้คุยในหลาย ๆ อย่าง เขาเองก็อาจจะมีเรื่องน้อยใจ ผมเองก็ไม่เข้าใจ ซึ่งพอเราข้ามจุดนั้นไป บางทีมันก็กลายเป็นแบบว่าบางทีมันไม่น่าจะเกิดเป็นเรื่องไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้
พอโพสต์ว่าไปเจอสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนก็คิดว่าไปเจออะไรในชีวิตคู่หรือเปล่า ?
เต้ ปิติศักดิ์ : คำว่าไม่ถูกต้องนี่ผมหมายถึงหลายอย่างนะ เพราะว่าปัญหามันเกิดขึ้นได้เพราะมันเกิดจากสาเหตุ ปัจจัย ซึ่งพอเขาทำงานมันก็มีหลายเสียงเนอะ มันก็คนนั้นคนนี้เข้ามาในชีวิตของเรา ของเขาหรือเปล่า ซึ่งผมบอกแล้วว่าไม่สนใจ สำคัญที่สุดมันอยู่ตรง ณ ปัจจุบัน ว่าเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นตัวของตัวเรา เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ทนกับสิ่งที่มันไม่ควร เพราะฉะนั้นเขาและผมต่างคนต่างคนพิจารณาตัวเองว่าใครมีอะไรผิดพลาดไป แล้วเราค่อยมาใหม่ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าใครชนะใครแพ้ แต่ว่ามันอยู่ที่ลูกคนเดียวเลยครับ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็มีสถานะในการเป็นแม่ที่ต้องดูแลลูกชาย แต่ว่าผมก็ไม่รู้ว่ามันมาจากเหตุปัจจัยอะไร เลยไม่อยากฟันธงว่าเป็นปัญหามือที่สามหรือเปล่า แต่ว่าการทบทวนตัวเองก็คือการหาคำตอบทั้งสองฝ่ายครับ แต่ว่าเราเองและภรรยา และครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็ยังเป็นปกติ ยังเจอกันปกติ แต่อาจเว้นที่ว่างไว้สักนิดนึง ทบทวนว่าบางอย่างที่เราทำไปแต่ว่าเราไม่ได้คุยกัน อันนี้อยากฝากไปถึงทุกครอบครัวเลยนะ เพราะผมรู้สึกว่าอะไรที่มันอยู่ในใจที่เราไม่ได้พูดคุย บางทีอาจลามไปเป็นปัญหาใหญ่ อย่าทิ้งเอาไว้ อย่าคิดว่าไม่เป็นไร ช่างมัน
ถ้าเราไม่มีลูก มีสิทธิ์จะแยกทางกันไหม ?
เต้ ปิติศักดิ์ : ก็คงอยู่ในสถานะแบบนี้ดูก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทบทวนว่าเราทำอะไร เพราะหากต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันผิด แล้วแยกกันไป คือผมรู้สึกว่าการที่เราจะมาค้นเจอคนที่อยู่ข้าง ๆ เรา เข้าใจกัน อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของคนอยู่ด้วยกัน คือผมอยู่กับเขามาจะ 10 ปีแล้ว ไม่ได้เสียเวลานะ แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว กับเรื่องแค่นี้เอง เราก็แค่นี้เอง เราก็แค่ทำความเข้าใจ เชื่อว่าหลายคนเคยมีโมเมนต์นี้แต่ว่าอย่าเพิ่งวู่วาม โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นพ่อแม่แล้ว เรามาดูเรื่องเหตุผลและใช้เวลาร่วมกัน
มือที่สามมาจากฝั่งไหน ?
เต้ ปิติศักดิ์ : เปล่าครับ ไม่ได้บอกว่ามีมือที่สาม ผมเพียงไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยคืออะไร แต่ถ้าใครเข้ามาได้เลยนะ ผมไม่ได้บังคับแฟนและไม่ได้ปิดตัวเอง เพราะรู้สึกว่าถ้ารู้สึกดีกับใคร มีโอกาสดำเนินชีวิตกับใคร ก็เป็นไปได้ ผมเคารพในการตัดสินใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีมือที่สาม ก็เลยอยากให้เวลาทบทวนตัวเอง ให้เวลาเกิดความผูกพัน แต่ว่าเราช่วยกันเลี้ยงลูกอยู่แล้ว เราอยู่ด้วยกัน
แนวโน้มความเป็นครอบครัวดีขึ้นไหม ?
เต้ ปิติศักดิ์ : จริง ๆ แล้วมันคือความคาดหวังมากกว่า ขอบคุณคนที่เป็นห่วง แต่ไม่มีใครอยากให้เรื่องราวดี ๆ จบลงไม่สวยหรอก ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ไม่อยากไปบังคับกะเกณฑ์ ว่าในอนาคตมันต้องดีที่สุดนะ ต้องไม่เลิกต้องอยู่ด้วยกัน ผมก็ไม่รู้ แต่ลองดูคู่ที่เลิกสิ ไม่มีใครอยากเลิกกันหรอก เพียงแต่เราเองมีลูกชายที่ต้องดูแล มันคือความสุขเวลาที่เราเลี้ยงลูกร่วมกัน ลูกเป็นจุดเชื่อมสำคัญ ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในการทำสิ่งดี ๆ เพื่อลูก ถ้าเกิดผมและแฟนตัดสินใจวู่วาม คนที่กระทบที่สุดคือลูก
ภาพจาก Instagram pitisak_yaowananont
เราโอเคไหมในการอยู่แบบไม่ชัดเจน ?
เต้ ปิติศักดิ์ : มันไม่ถึงกับไม่ชัดเจนนะครับ ต่างคนต่างมีตัวตนในกันและกัน เป็นสามีภรรยากัน เลี้ยงลูกกัน แต่ถ้าวันหนึ่งผมและภรรยาแยกทางเราจะเคารพซึ่งกันและกัน แต่วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน เคารพในความเห็นของกันและกันดีกว่า ไม่อยากไปคิดว่าเดี๋ยววันหน้าค่อยเลิกกัน หรือดีกัน คือไม่มีใครรู้ แต่ความสัมพันธ์เหมือนเป็นปกติเลยนะ เราได้คุยได้ปรับความเข้าใจมากขึ้น เรื่องบางเรื่องมันเล็ก แต่แค่มีความไม่เข้าใจ แค่คุยก็จบ เรางอนกันในบ้าน ลูกก็จับเรามาจุ๊บ ๆ กัน โชคดีที่มีลูก ความน่ารักของเขาทำให้เรากลมเกลียวกันเร็วขึ้น ไม่ได้โกรธแค่ไม่เข้าใจ
ตอนนี้เป็นในทางที่ดีขึ้น ?
เต้ ปิติศักดิ์ : หวังไว้อย่างนั้นเหมือนกันนะครับ ผมไม่ได้ยึดติดอะไรนะ แต่ผมอยากปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราต้องทบทวนตัวเอง ว่าเราทำอะไร พลาดอะไร เขาพลาดอะไร แล้วมาคุยให้จบ แต่ยังมีความเชื่อใจให้กันร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเราอยู่ด้วยกัน ครอบครัวเดียวกันต้องเชื่อใจวางใจ เพราะไม่อย่างนั้นมันไม่มีความสุข ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดโมเมนต์ในแบบที่ผมโพสต์ แต่เราไปตัดสินแทนเขาไม่ได้ ถ้าเกิดเขาไม่ได้ทำ เราจะมาตัดสินอนาคตเขาด้วยความชั่ววูบและไม่คุ้มค่า
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN






