เอ๊าะ กีรติ เผยอดีตเคยเจ้าชู้หนัก-คบซ้อน ยอมสารภาพผิดต่อหน้าภรรยา

          เอ๊าะ กีรติ เผยอดีตเคยเจ้าชู้หนัก ต้องสารภาพผิดต่อหน้าภรรยา เผยชีวิตการเป็นพ่อคนแฮปปี้มาก ถ้ารู้ว่าดีแบบนี้จะมีลูกตั้งแต่ 20
          เป็นอีกหนึ่งคนที่แฟน ๆ คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับ เอ๊าะ กีรติ ที่ล่าสุดเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งเคยคบซ้อน เป็นคนกตัญญูให้แม่เก็บเงิน รวมไปถึงเอ๊าะเป็นคนที่กลัวตายมาก ๆ อีกต่างหาก

ชีวิตคุณพ่อเป็นยังไง ?

          เอ๊าะ : ตอนนี้โอเค ชอบมาก เราไม่คิดว่าชีวิตการเป็นพ่อคนมันจะดีขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าดีขนาดนี้ผมจะมีตั้งแต่อายุ 20 ปีเลย ตอนนี้น้องวิน เกือบจะ 3 ขวบแล้ว

จะมีลูกคนที่สองไหม ?

          เอ๊าะ : อยากมี คือไปคุยกับหมอแล้ว แต่คุณหมอบอกว่าเราต้องมีการเตรียมตัวใหม่ เพราะอายุเยอะแล้วอาจจะไม่โชคดีเหมือนคนแรก ตอนลูกคนแรกเราวางแผนล่วงหน้ามา 2 ปี

มาที่เรื่องนี้กันบ้าง เคยคบซ้อนไหม ?

          เอ๊าะ : เคยดิ ถามว่ากี่คนอันนี้ไม่รู้ ซ้อนนี่ก็ไม่รู้ว่าซ้อนขนาดไหน แต่ถ้าถามว่าเจ้าชู้มั้ยก็ยอมรับ ช่วงวัยรุ่นมันคือเจ้าชู้ แต่ว่าไม่ได้ทำให้ปวดหัวแล้วลากนานไม่มี คือเราทำงานเยอะไม่ค่อยมีเวลา ได้แต่โทรศัพท์คุย แต่สุดท้ายก็หาย เราก็ว่าเขาก็แฮปปี้ เพราะเราคุยกันชัดเจนว่า ถ้าวันนี้ยังมีความสุขก็โอเค แต่ถ้าจะมีใครบอกเราเลยนะ คือท้ายสุดความรักมันไม่ต้องใช้เคพีไอมาวัด มันคือการไปได้ก็ไป ใช่สุดคือแต่ง ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร ท้ายสุดเขามีสิทธิ์เลือก ผมก็มีสิทธิ์เลือก

พูดถึงความรักตอนนี้มาเจอภรรยาได้ยังไง ?

          เอ๊าะ : เจอตอนทำงาน เราทำอีเวนต์อยู่แล้วเขาเป็นโคที่ต้องดีลกับเรา แต่ตอนนั้นเขาเหมือนทอม ผมเขาสั้น ๆ ตอนดีลกันน่าจะปัญหาเยอะ

คือเริ่มจากการไม่ชอบขี้หน้ากัน ?

          เอ๊าะ : ใช่ เขายืนอยู่ข้างเวทีแล้วหน้าเขานิ่ง ๆ คือประโยคจากแววตาประมาณว่าถ้าเป็นพิธีกรเก่งก็ทำไปดิ ซึ่งเราก็ทำ แล้ววันนั้นฝนตก ผมก็ถามทุกคนว่าไม่ต้องถอยนะ ดนตรีเล่นได้มั้ย ถ้าเล่นได้เล่นเลย ผมต้องการให้เห็นภาพที่ว่าถึงมีอุปสรรคเราก็เล่นได้ผมไม่สน สภาพผมไม่เหลือคราบหล่อเลย หันมาภรรยาใส่เสื้อกันฝนสีดำ ๆ แล้วยืนมองเรา เรารู้สึกว่าตกหลุมรักเราแน่ ๆ แต่เมียบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ตอนขึ้นรถเราก็ขอโทษเขา ตอนคุยโทรศัพท์มันไม่ดี เพราะผมไม่เคยคุยเอง

แล้วเริ่มจีบกันยังไง ?

          เอ๊าะ : ก็คุยเป็นเพื่อนกันเรื่อย ๆ ไปหาเอาขนมไปให้ ตอนนั้นก็ชอบแต่ไม่ถึงขั้นรักอะไรมาก ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงถูกใจเรา เพราะว่าเขาไม่เคยถามว่าผมอยู่ไหน ทุกวันนี้ก็ไม่เคยถาม แต่ใช้วิธีอยู่ด้วย

เขาว่ากันว่าคุณแอบเจ้าชู้ จนภรรยาจับได้ ?

          เอ๊าะ : เรื่องจริง ๆ ตอนหลังแต่งงานนี่แหละ สุดท้ายภรรยาบอกว่าพอเถอะ เป็นคนโกหกแล้วคนจับได้อย่าทำอีกเลย คือตอนนั้นเพิ่งเริ่มคุยเลย ปกติผมวางทุกอย่าง แต่วันนึงผมคว่ำโทรศัพท์แล้วปิดเสียง มันมีพฤติกรรมนิดเดียวเอง ภรรยาก็บอกว่า เล่ามา ผมก็บอกว่า ผมกำลังปิ๊งน้องคนนึง คือถ้าเราดื้อต่อไปโทษอาจจะแรงขึ้น แล้วอีกอย่างมันก็ไปต่อไม่ได้แล้ว แต่อันนี้มันเป็นเรื่องนานแล้ว แค่เรารู้สึกว่ามันเป็นบททดสอบชีวิตคู่หลาย ๆ อย่าง ภรรยาบอกว่าอะไรก็ได้ แต่อย่าดูแลเป็นเดือน ๆ ก็คืออย่ามีเมียน้อย ซึ่งพอเราทำงานมาเรื่อย ๆ เรารู้สึกเลยว่าเวลามันมีค่ามาก เรื่องพวกนี้ไม่ควรมีค่ากับชีวิตเรา เพราะฉะนั้นเราต้องยอม บางเรื่องนี่ทิ้งหมดเลย ทุกวันนี้ถามว่าเจ้าชู้มั้ย ข้างในอยากมาก แต่ข้างนอกปฏิบัติไม่ได้ แล้วมันทำให้ดีกับครอบครัวมากเลย

แล้วตอนนี้ใครเก็บเงิน ?

          เอ๊าะ : แม่ครับ ตั้งแต่อายุ 19 ได้ตำแหน่งนายแบบ แม่เก็บมาตลอด เราก็ขอเป็นรายวันตลอด ตอนนี้เรามีลูกมีครอบครัวแม่ก็เป็นคนเก็บอยู่ คือชีวิตครอบครัวต้องแบ่งเงินหลาย ๆ ส่วน คือภรรยาจะมีเงินเดือนของผู้บริหาร และภรรยาจะมีเงินอีกหนึ่งก้อนสำหรับการเป็นภรรยา โดยที่ภรรยาไม่ต้องออกอะไรทั้งสิ้น คือเงินเดือนภรรยาเขาได้อยู่ประมาณ 9 หมื่น ในฐานะผู้บริหาร แล้วที่บ้านคือหนึ่งหมื่นห้าพันบาท รวมกันก็แสนนึงแล้ว แล้วถ้าอยู่กับผมก็ไม่ต้องควักอะไรเลย ยกเว้นผมไม่มีเงินแค่นั้นเอง

กว่าจะมีวันนี้ได้ สมัยก่อนเคยลำบากขนาดไหน ?

          เอ๊าะ : เราเห็นแม่ทำงานมาตลอด ตอนเล็ก ๆ กับน้องสาวกินข้าวกับน้ำปลา แล้วก็ทำการบ้านเสร็จก็นอน ตื่นเช้าก็ได้เจอแม่นิดเดียว คือตอนนั้นเราอยู่ประถม กินข้าวกับน้ำปลา แต่ได้เรียนโรงเรียนเอกชน คือแม่พยายามส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดในย่านลาดพร้าว พอวันที่เข้าวงการก็บอกแม่เลยว่าลาออกจากงานเลยนะเดี๋ยวดูแลเอง ซึ่งตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย วางแผนไม่เป็นด้วยว่าต้องแพลนยังไงให้การเงินแข็งแรง ตอนนั้นมีแค่ความมั่นใจโง่ ๆ ให้แม่ลาออกแล้วเราดูแลเอง คือผมไม่เคยเห็นแม่บ่นเลย ผมคิดว่าถ้าผมมีโอกาสผมจะทำให้สบายใจมากที่สุด

มันเลยเป็นจุดที่ทำให้พี่กลัวตายมาก ?

          เอ๊าะ : มาก แต่ชีวิตเสี่ยงตายมาตลอด คือการกลัวตายเกิดจากเหตุการณ์หลังสุด คือ เราไม่เคยกลัวตาย จนกระทั่งวันนี้เราไม่ควรตาย 1. เพราะเรามีลูก 2. คือคุณแม่อายุเยอะขึ้น ถ้าเราไม่เร่งเครื่องใช้ชีวิตกับเขา หรือลูกกำลังจะ 3 ขวบ ไปจนถึง 10 ขวบ เรามีเวลาแค่นี้เอง ถ้าสองเวลานี้มารวมกันแล้วเราทำมันให้ดีที่สุด มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ควรตายเลย ถ้าผมไม่ได้ทำให้ช่วงเวลานี้ดีที่สุดโดยเป็นความทรงจำผม ผมจะเสียใจไปจนตายเลย อันนี้แหละเรียกว่าตายทั้งเป็น

คุณกลัวตาย คุณได้วางแผนขั้นตอนชีวิตไว้หมดแล้ว ?

          เอ๊าะ : ครบเลย เช่น ตอนนี้เรามีหนี้สินประมาณนี้ แล้วมีบ้านแบบนี้ ในกรณีที่ผมพลาด สมมุติว่า ออกทัวร์แล้วลื่นล้มหัวฟาดโอเคเราจะจัดการเรื่องศพกลับมายังไง ประกันทำยังไง ต้องคุยกับใครก่อน อันนี้ก็เตรียมไปให้ทั้งหมดเรียบร้อย แล้วมีเงินก้อนนี้เหลืออยู่สำหรับทุกคน

เรากลัวว่าจะทิ้งภาระให้ทุกคนลำบาก ?

          เอ๊าะ : ถูก เราต้องไปอย่างมีคุณค่า ไม่ทิ้งภาระอะไรเลย แล้วก็ล่าสุดผมป่วยปวดหลัง มันเป็นเรื่องหนักมาก คือผมยกลังนมให้ลูกแล้วปวดหลัง แล้วมันปวดเรื้อรัง ปวดในลักษณะที่ทำงานแล้วรู้สึกวูบวาบจะเป็นไข้ ไปหาหมอ หมอก็ทดสอบฉีดยาไปสามเข็มตามจุดต่าง ๆ ของกล้ามเนื้อ แต่มันก็ไม่หาย แล้วเราก็ต้องทำงานต่อ รุ่งขึ้นต้องแถลงข่าว พอจบแถลงข่าวไปหาหมอ หมอก็ทดสอบอีกรอบหนึ่ง อาต๋อยก็โทร. มา ทุกคนก็โทร. มา เราก็บอกว่าโอเคแล้วรอด คือทดสอบจนรู้ว่ากล้ามเนื้อที่เจ็บไม่ใช่ในส่วนของหมอนรองกระดูก พอมันไม่ใช่หมอนรองกระดูกเราก็โล่งเลย เพราะตอนนั้นคิดเลยว่าถ้านั่งวีลแชร์จะปรับรูปแบบการทำงานยังไง งานในวงการนี่ลืมไปเลย อย่างที่สองคืองานในบริษัททั้งหมดจะทำยังไง แล้วจะบริหารเงินในบ้านยังไง

แต่สุดท้ายคุณก็อยากทำให้ลูก ภรรยาและคุณแม่ ?

          เอ๊าะ :  มากที่สุด ถ้าชีวิตไม่ได้ทำให้เขาเห็นในตอนนี้จะไปทำตอนไหน ชาติหน้าไม่รู้เกิดเป็นลูกเขาอีกหรือเปล่า หรือจะได้มีโอกาสดูแลเขาอีกหรือเปล่าแค่นั้นเอง

          ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอ๊าะ กีรติ เผยอดีตเคยเจ้าชู้หนัก-คบซ้อน ยอมสารภาพผิดต่อหน้าภรรยา อัปเดตล่าสุด 28 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 11:44:01 4,836 อ่าน
TOP
x close