ก่อนจะเข้าวงการมาเป็นดารา เคยเป็นครูมาก่อนจริงหรือเปล่า ?
จิ๊ก : จริงค่ะ แต่ไม่มีใครรู้ ตอนนั้นคุณแม่เปิดโรงเรียนอนุบาล และพี่ก็เป็นครูสอนวิชาพละ น่าจะประมาณ 13-14 ซึ่งวิชาพละสมัยก่อนไม่มีอะไรมาก มีแค่หันหน้า หันหลัง กระโดดซ้าย-ขวา เป่านกหวีดนิดหน่อย แล้วก็จะคอยดูแลเด็ก ๆ คุณแม่ก็จะเอาถุงยามาฝากไว้ให้ คอยดูแลเด็ก ๆ ที่ป่วย เวลาไปไหนก็จะหิ้วถุงยาไปด้วย
เข้าวงการมาด้วยการประกวดนางงาม จริงหรือเปล่า ?
จิ๊ก : ใช่ค่ะ ตอนนั้นมาประกวดมิสออด๊าซ แล้วก็ได้มงกุฎมาสวยมาก มีเพชรเยอะแยะเลยค่ะ
เห็นว่าหนีพ่อแม่มาประกวดด้วยใช่ไหม ?
จิ๊ก : ใช่ค่ะ ตอนนั้นมีญาติโทรศัพท์มาบอกพ่อกับแม่ ต่อว่าว่าทำไมถึงให้ลูกมาประกวด เต้นกินรำกินอะไรแบบนี้ แล้วสมัยก่อนคนโบราณจะถือเรื่องพวกนี้มาก แล้วคุณพ่อก็เลยรู้จากปากคนอื่น แกโกรธมาก ด่าเช้าด่าเย็นเลยทีเดียว
ตอนประกวดได้รางวัลอะไรมาบ้าง ?
จิ๊ก : ก็ได้มงมาค่ะ มีรางวัลขวัญใจช่างภาพ ได้รางวัลที่ 2 ต้องบอกว่าสวยมาก เพชรอร่ามเต็มไปหมดเลยค่ะ
คุณพ่อโกรธมากถึงขนาดไหน ?
จิ๊ก : ก็เยอะอะค่ะ ก็ด่าและโดนว่า แต่ไม่มีโดนตีนะ แต่เราก็สู้สุดฤทธิ์เหมือนกัน เราก็ไม่ยอม มีความรู้สึกว่ามันผิดอะไรตรงไหน เราไม่ได้ไปทำอะไรที่มันเสีย ๆ หาย ๆ เราก็จะเดินก้าวไปแบบนี้ แล้วเราเป็นคนดื้อมาก แล้วเวลาที่ใครมาบอกว่าตรงนี้มันไม่ดี พี่ก็จะถามกลับทันทีว่า อะไรที่มันไม่ดี เพราะอะไร แล้วพี่ก็ต้องไปค้นพบด้วยตัวเองว่ามันไม่ดีเพราะอะไร คนอื่นอย่ามาบอกว่ามันไม่ดี
ตอนนั้นทำไมถึงคิดอยากเข้าวงการ ?
จิ๊ก : พี่ไม่เคยคิดอยากเข้าวงการเลยนะในชีวิตนี้ ไม่เคยรู้จักวงการ ไม่ได้บ้าดารา ไม่ได้เป็นอะไรเลย
พอเข้าวงการมาเป็นนางเอกอันดับ 1 พ่อแม่ก็ยังแอนตี้อยู่ ?
จิ๊ก : ใช่ค่ะ ก็ยังแอนตี้อยู่ แต่ว่าก็จะค่อย ๆ ถอยลงมาแล้ว แต่พี่ก็คิดว่าพี่ก็จะก้าวไปให้ถึงเส้นชัยของพี่ให้ได้ แต่ไม่เคยร้องไห้นะ ชีวิตพี่มันเหมือนว่าเวลาเจออะไรหนัก ๆ แล้วพี่ชอบกลืนมันลงไปข้างใน แล้วก็บอกตัวเองว่า มันเกิดแล้วมันต้องแก้ให้ได้ ชีวิตมันต้องผ่านอุปสรรคทุกคน มันไม่มีอะไรที่โรยด้วยกุหลาบหรอก พี่ก็เป็นคนสู้ค่ะ
สุดท้ายแล้ว ก่อนที่พ่อแม่จะเสียมีโอกาสได้เคลียร์เรื่องนี้กันไหม ?
จิ๊ก : ไม่เคลียร์ค่ะ มันก็เป็นไปตาม Automatic ไหน ๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว มันก็อยู่ตรงนี้แหละ ปล่อยมันไปตามนั้น ทุกคนก็ยังเป็นคำถาม ถึงพี่จะรวยพี่ก็ไม่ได้ไปขอญาติ ถึงพี่จะจนพี่ก็ไม่เคยไปขอใครกิน ฉะนั้นแล้วชีวิตของพี่ พี่ต้องดำเนินให้ได้
ชีวิตมีพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องของความรัก ?
จิ๊ก : ค่ะ พี่จะบอกว่า คนเราเนี่ยความรักมันไม่มีสมบูรณ์แบบทุกคนหรอกในโลกใบนี้ เพียงแต่ว่าเราจะยอมรับสิ่งนั้นได้ไหม เพราะว่าคนเราเกิดมาในโลกใบนี้ เราไม่สามารถทําให้คนข้างเคียงเรา ที่เราดึงเขามาอยู่ข้างเราเนี่ย เขาจะต้องเข้าใจชีวิตเราจนวันตาย ไม่มีวัน เพียงแต่ว่าเราจะต้องปรับจูนเข้าหากัน ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เราก็หลับหูหลับตาอย่าไปสนใจมันซะ เราก็เดินลอยของเราไป เพราะว่าเรารักเขาแล้ว หลายคนถามว่าทำไมพี่ถึงอาภัพรัก เพราะว่าพี่ไม่ปล่อยวางในเรื่องของความรัก คือพี่อาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวมากเลยเรื่องความรัก เพราะว่าอะไรก็แล้วแต่พี่ต้องรักตัวพี่ก่อน พี่จะไม่ชอบผู้ชายที่มาบังคับพี่ และพี่ก็จะไม่ยอมรับผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แต่ถ้าผู้ชายเพอร์เฟกต์หมดทุกอย่างพี่จะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่นอน ซึ่งมันหายากมาก แต่พี่ก็ไม่ได้มองแฟนพี่ว่าเป็นคนไม่ดีนะ
รักกันมากี่ปีถึงใช้ชีวิตแต่งงานอยู่ด้วยกัน ?
จิ๊ก : คนเราต่อให้รักกัน 20 ปี แต่งไปแล้วเลิกกันก็มี หรือต่อให้รักกัน 10 วัน แต่งแล้วเลิกก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่ายึดกับเวลา ยึดอยู่อย่างเดียวว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราพอใจไหม เรารักเขามากขึ้นไหม อย่าไปมองวันเมื่อวานที่ผ่านมา ผู้ชายไม่มีวันอยู่กับเราคนเดียวในโลกหรอก เพราะว่าเมื่อหลุดออกจากประตูบ้านไปแล้ว เขาก็อาจจะมีกิ๊กนู่นนี่นั่น ซึ่งธรรมดามาก เพราะฉะนั้นเราอย่าดึงหัวใจ อย่าจิก อยากคว้าหรืออะไรเขามาอยู่กับเราคนเดียว มันไม่ได้นะ
การถูกนอกใจจากคนที่รัก ทำให้เป็นกำแพงไม่ศรัทธาในความรัก จริงหรือเปล่า ?
จิ๊ก : จริง ๆ พี่ศรัทธาในความรักมากนะ แต่ในเมื่อความรักของพี่ มันไม่ได้ตั้งเป้าตามศรัทธาที่มันต้องการ ฉะนั้นเราก็อย่าไปมีมัน ถ้าเราตั้งเป้าสูงเกินไปนะ มันไม่เจอ ก็อย่าไปเจอ อย่าตะเกียกตะกายหรือวิ่งหา ถ้าเราวิ่งไปหา มันไม่มีวันหรอกที่จะเจอ อยู่นิ่ง ๆ ไว้เดี๋ยวดีเอง สำหรับพี่ พี่เปิดประตูตลอดในเรื่องของความรัก แต่มันแค่ยังไม่มีใครเข้ามาเท่านั้นเอง
มีช่วงจังหวะชีวิตที่มีความเหงาบ้างหรือเปล่า ?
จิ๊ก : ทุกคนมีความเหงาหมดแหละ แต่อยู่ที่ว่าเราจะทำใจได้แค่ไหน เกิดมาในโลกใบนี้ ก็ต้องเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองต้องอยู่คนเดียว ต้องเหงา เพราะตอนเล็ก ๆ เราก็อยู่คนเดียว ตอนท้องก็อยู่คนเดียวในท้องแล้ว มันก็เหงาตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว ฉะนั้นพอเวลามาโตแล้วจะมาเหงา ๆ แล้วมันได้อะไรขึ้นมา
กลัวคนมองว่าเราจะเพี้ยนติงต๊องบ้างหรือเปล่า ?
จิ๊ก : ไม่หรอกค่ะ พี่ถือว่าเรามีความสุขอะไรเราก็ทำสิ่งนั้นไป พี่ไม่ชอบแคร์คนอื่น เพราะเราไม่ได้ขอคนอื่นกิน แล้วอยู่ ๆ เราจะมานั่งแคร์คนอื่น ว่าคนอื่นเขาจะคิด ให้เขาคิดไป เพราะว่าโลกนี้เราไม่สามารถห้ามสมองคนให้มันไม่คิดได้
แล้วที่ไปนั่งคุยกับผี หรือสื่อวิญญาณได้ อันนี้มันคืออะไร ?
จิ๊ก : อ๋อ อันนั้นมันเป็นเรื่องที่พี่ไปแต่งหน้าคนเสียชีวิต แล้วพี่ก็จะบอกกล่าวขอขมาลาโทษ พี่ก็จะพูดกับเขาประมาณว่า เขาต้องไปเกิดใหม่นะ หรือไม่ก็อาจจะต้องไปขึ้นสวรรค์ให้ได้นะ อย่าทำแบบนี้ คนที่ฆ่าตัวตาย หรือคนที่ถูกยิงอะไรแบบนี้ พี่ก็จะดุเขานิดหน่อย ว่าทำไมถึงทำเรื่องอย่างนี้ได้ มันคุ้มไหม โกรธคนหนึ่งแต่ชีวิตเราต้องดับไปเลย แทนที่ชีวิตตัวเองจะได้อยู่ในโลกใบนี้ไปอีก แล้วคนที่ฆ่าตัวตายไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติจะได้เกิดอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ก็จะบอกเขาแบบนี้ตลอด แต่เขาจะรับรู้หรือไม่นั้นไม่มีใครให้คำตอบได้นะ เพียงแต่ว่าพี่ต้องการที่อยากจะพูดกับเขาแค่นั้นเอง
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow