จากกรณีที่ ทิม พิธา ไม่ยอมส่งมอบลูกให้ ต่าย ชุติมา ตามสัญญา จนต่ายต้องประกาศตามหา และไปแจ้งความ หนำซ้ำน้องพิพิม ยังไม่ได้ดูดิสนีย์ ออน ไอซ์ อย่างที่ต้องการ ทำให้ล่าสุด (29 มีนาคม 2562) ทิม พิธา ได้ออกมาชี้แจงให้ฟังถึงเรื่องนี้
1. รักมาถึงทางตัน จบสถานะสามีภรรยา ถึงขั้นฟ้องหย่าขอเลี้ยงดูบุตร
ปัญหาของทิมและต่ายนั้น เกิดขึ้นเพราะความรักถึงทางตันเมื่อประมาณ 13-14 เดือนก่อน ทิมยอมรับว่า ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนั้น ก่อนที่เรื่องจะมาถึงจุดนี้ ก็มีการให้ผู้ใหญ่ช่วยคุย มีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการสมรส แต่สุดท้ายไม่ไหวจริง ๆ ประคับประคองไม่สำเร็จ ต้องแยกกันอยู่ประมาณ 6-7 เดือน ถึงกระนั้น เราทั้งสองคนยังไม่ไปหย่าที่เขตแต่อย่างใด
2. พอจะหย่า ปัญหาเกิด ไม่โอเคกับการให้ลูกย้ายบ้านทุก 5 วัน
สิ่งสำคัญหลังจากที่ทั้งสองคนแยกกันอยู่คือ น้องพิพิม ลูกสาว ตนไม่สามารถอธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้นกับน้องได้ แต่จริง ๆ คือ ตนห่วงลูกสาวเป็นหลัก ลองคิดถึงหัวใจกระดาษของลูก มันเกินไป
ก่อนหน้านี้ เราเองเป็นสามีภรรยากัน สิทธิ์ในตัวลูกคือ 50-50 ซึ่งฟังดูง่าย แต่ไม่ง่าย แต่เมื่อแยกกันอยู่ ก็ตกลงกันว่าจะให้น้องพิพิมไปอยู่บ้านแต่ละคน คนละ 5 วัน แต่ลองให้คุณนึกดูว่า มีใครอยากจะใช้ชีวิตในกระเป๋าเดินทางไหม ? เก็บของ เก็บตุ๊กตา ย้ายไปย้ายมาโดยไม่มีคำอธิบาย เราเป็นผู้ใหญ่เรายังทนไม่ได้กับการเดินทางไปมา
เรื่องนี้ทำให้ตนกังวล จึงมีการให้น้องพิพิม เข้าไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก โดยมีแพทย์รับรองทั้งสิ้น 7 คน และแพทย์ลงความเห็นว่า น้องเกิดความสับสนกับชีวิต สิ่งที่พ่อแม่ทำตอนนี้คือไม่ถูกต้อง และพ่อแม่ควรจะคิดถึงความผาสุก ความมั่นคงทางอารมณ์ของลูกเป็นหลัก
3. ลูกอาศัยบนความขัดแย้ง ตอนนี้ต้องไปเรียนโรงเรียน 2 ที่ เพื่อให้ใกล้พ่อหรือแม่
ตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ที่ผ่านมา น้อง 2 ขวบครึ่งแล้วต้องเข้าโรงเรียน จึงมีการไปดูโรงเรียน 3 ที่ ในละแวกสุขุมวิท และไปจบที่โรงเรียนนานาชาติแถวสุขุมวิท สอน 3 ภาษา ภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น สอนในสไตล์ฝรั่ง แต่ฝึกวินัยแบบญี่ปุ่น และคิดว่าคุณต่ายน่าจะชอบ เราทั้งคู่พูดภาษาญี่ปุ่นพอได้
ต่อมาได้มีการโอนเงินไปให้โรงเรียน แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อความขัดแย้งของเราบานปลาย ต่ายเลยตัดสินใจพาลูกไปสมัครเรียนอีกที่หนึ่งที่ใกล้บ้านต่าย เพราะบ้านของต่ายและบ้านของตนไกลกัน อยู่คนละที่ กลายเป็นว่า น้องพิพิม ต้องเข้าโรงเรียน 2 แห่ง โรงเรียนหนึ่งใกล้บ้านพ่อ อีกโรงเรียนใกล้บ้านแม่
4. ฟ้องหย่าต่าย เพื่อขอสิทธิเลี้ยงดูน้องพิพิม จนทิมได้สิทธิเลี้ยงดูบุตรผู้เดียว
ด้วยความที่น้องพิพิมต้องย้ายบ้านไปมา จึงเป็นเหตุให้ตนไปฟ้องหย่าต่าย และมีการไต่สวนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้านต่ายขาดนัดศาล ไม่ได้มา จึงเป็นการดูหลักฐานของตนฝ่ายเดียว ซึ่งศาลก็พิพากษาให้หย่าขาดจากกัน และให้สิทธิปกครองบุตรกับตนเพียงผู้เดียว ทว่า ต่ายได้ยื่นขออุทธรณ์ แต่ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
5. นัดคุยกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ หาข้อยุติลูกอยู่ 2 บ้าน เรียน 2 โรงเรียน แต่เกิดอุบัติเหตุ
ตนได้นัดต่ายคุยที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะตนต้องการเอาลูกออกจากความขัดแย้ง อย่างน้อยต้องคุยกัน 2 คน อย่างมากต้องมีทนายมาคุย ในที่ลับ แต่เกิดอุบัติเหตุคือ แบตฯ โทรศัพท์ของตนหมด และบอกต่ายก่อนหน้านี้ว่า มีอะไรคุยกับทนาย แต่ตนไม่ได้ประสานทนาย เมื่อต่ายโทร. หาทนาย ทนายเลยไม่รู้เรื่อง ต่ายเลยเดือดเนื้อร้อนใจ โทรศัพท์หาคนขับรถ คนขับรถก็บอกว่าไปส่งที่เซ็นทรัลเวิลด์แล้วตั้งแต่ 6 โมง และกว่าตนจะชาร์จแบตฯ โทรศัพท์ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
6. เหตุที่ไม่ให้ลูกไปดู ดิสนีย์ ออน ไอซ์
ทิม บอกว่า ที่ตนไม่ให้ลูกไปดูดิสนีย์ ออน ไอซ์ เพราะกลัวนักข่าวรุมลูก
7. วอนต่าย มาคุยกันดี ๆ ไม่เอาแชต ไม่เอาโทรศัพท์ ไม่เอาคนกลาง ขอแค่ 2 คน ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องสาธารณะ
ตนได้วิงวอนต่ายว่า ขอคุยกันดี ๆ แค่ 2 คน ไม่เอาแชต ไม่เอาโทรศัพท์ ไม่เอาคนกลาง เพื่อหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนไม่ได้กีดกันต่ายกับลูก ต่ายจะมาหาลูกเมื่อไรก็ได้ แต่ต้องไม่โยนลูกเป็นสิ่งของอย่างที่เรา 2 คนทำ ตนอยากจะขอความกรุณาให้แยกแยะ ตนมาที่นี่ในฐานะคุณพ่อ ตนยังมีความเชื่อว่ายังสามารถแก้ไขปัญหาได้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของเรา 2 คน มีสติเยอะ ๆ มาคุยกันว่าวิธีที่จะอยู่กันอย่างมีเสถียรภาพจะทำอย่างไร เราทำได้ดีกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาเราไม่มีข้อแก้ตัวว่ายังทำได้ไม่ดี จุดยืนคือ ความมั่นคงทางอารมณ์ของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พิพิมเข้าเรียนหนังสือแล้ว ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กู้
8. ตอบคำถามสำคัญ...ยังรักต่ายอยู่ไหม
มันเป็นความหวังดีที่มีต่อกัน แต่บทบาทสามีภรรยาก็ยุติ รักมีหลายแบบ ครอบครัวตนก็ไม่ต่างจากครอบครัวคนอื่น เป็นไปไม่ได้ที่เราจะกลับมาเป็นสามีภรรยา