ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่จบสักที สำหรับปมปัญหาธุรกิจอาหารเสริมระหว่างนางเอกหน้าคม ปู ไปรยา กับ พิธีกรฝีปากกล้า ดีเจมะตูม เตชินท์ และสาว ต้นหอม ศกุนตลา ถึงแม้จะออกมาชี้แจงแถลงข่าวว่าให้ศาลเป็นคนตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่ก็ยังมีปมที่หลายคนสงสัย ล่าสุด (10 พฤษภาคม 2562) มีโอกาสเจอสาว ปู ไปรยา เลยไม่พลาดจ่อไมค์ไถ่ถาม
- เรื่องความคืบหน้าคดีอาหารเสริม ?
ปู ไปรยา : ก็จริง ๆ ปูกับทางทนายจะแบ่ง 2 หน้าที่กัน เหตุผลที่ปูให้ทนายมาแถลงข่าวในวันนั้น คือปูก็พูดชี้แจงในเฟซบุ๊กแล้วรอบหนึ่ง ว่าปูจะไม่พูดด้วยตนเอง ปูไม่อยากจะพาดพิงหรือกระทบถึงฝ่ายไหน เพราะว่าปูรู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่สื่อตรงนี้เพื่อจะพูดถึงใคร แต่ว่าปูมีหน้าที่อยู่หน้ากล้อง ก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วทนายปูก็จะจัดการสัญญา ดูแลรายละเอียด จัดการดีลทั้งหลาย รวมถึงจัดการเรื่องนี้ด้วย แต่ในใจปูก็หวังว่าเราจะหาทางออกที่จบโดยสันติวิธีได้ ในใจปูอยากให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
- จะเป็นไปได้ไหม เพราะว่าท่าทีการให้สัมภาษณ์จากอีกฝ่าย ก็ค่อนข้างจะไม่พอใจเราอยู่พอสมควร ?
ปู ไปรยา : จริง ๆ ปูมีเวลา 2 อาทิตย์ครึ่ง ในช่วงที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย ก็ได้ไตร่ตรองแล้วก็พิจารณาหลาย ๆ อย่าง ก็รู้สึกว่าใจปูรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก็คือต้องการให้ทุกฝ่ายจบอย่างแฟร์ แล้วก็สันติวิธี สำหรับปู ปูไม่มีทัศนคติอื่น แล้วปูก็มีแต่ความหวังว่าเราสามารถหาทางออกที่แฟร์กับทุกฝ่ายได้
- คิดว่ายังจะสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ใช่ไหม ?
ปู ไปรยา : ใจปูพร้อมที่จะพูดคุยกับทนาย และทนายปูกับทนายเขาทุกเมื่อนะคะ
- การคุยนอกรอบคือไม่มีแล้วใช่ไหม ?
ปู ไปรยา : ก็คือปล่อยให้เป็นเรื่องของทางกฎหมายแล้วกัน
- ศาลนัดครั้งแรกเมื่อไร ?
ปู ไปรยา : ถ้าเอาตามจริงปูปล่อยหน้าที่นี้ให้เป็นของทนาย ปูเลยไม่ทราบวันที่เลยค่ะ
- เรามอบหน้าที่ให้ทนายดำเนินการทุกอย่าง ?
ปู ไปรยา : ถูกต้องค่ะ การทำงานของเราจะได้ไม่แทรกแซงกัน ตั้งแต่ต้นเลยปูเป็นคนที่อยู่หน้ากล้อง ทนายปูเป็นคนที่ปกป้องปู ในทุกสัญญาที่ปูทำ ปูมีข้อจำกัดค่อนข้างชัดเจน เพราะว่าปูค่อนข้างซีเรียสในเรื่องคำพูดในสัญญา เพราะอันนี้คือสิ่งที่ปกป้องตัวตนของเรา แล้วก็ชี้แจงในการทำงานของเรา ในเคสนี้ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ปูก็จะให้หน้าที่ทนายเป็นคนจัดการ แล้วปูก็ทำหน้าที่ทำงานของปูต่อไป
- ตอนนี้ยังกังวลอะไรอยู่ไหม ?
ปู ไปรยา : จริง ๆ เมื่อก่อนปูเป็นคนทำอะไรใช้อารมณ์ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ปูเข้าใจทุกฝ่าย สองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้อ่านและได้ฟังบทสัมภาษณ์ของทุกฝ่าย ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อะไรเหลือนอกจากคิดว่าอยากให้หนทางที่ออกมาไม่มีผลกระทบที่เสียหายกับทุกฝ่าย เพราะว่าการที่ปูพูดออกมา แล้วทำให้ฝ่ายไหนมีการกระทบกระเทือน หรือมีคนออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเขา มันก็ไม่ทำให้ชีวิตปูมีความสุข
- จุดเริ่มต้นมันมาจากสัญญาหรือความคิดที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า ?
ปู ไปรยา : ปูว่าจริง ๆ แล้วปูเป็นคนที่เข้มงวดกับเรื่องสัญญา เพราะลูกค้าทุกคนที่ปูทำงานด้วยก็เข้มงวดกับเรื่องสัญญา การทำงานของเราในสโคปของงานมันมาด้วยคำพูดในสัญญาว่าเราต้องทำตามกติกาของสัญญา เลยบอกได้ว่าปูไม่สามารถชี้แจงได้ว่า จุดเริ่มต้นหรือจุดปัญหาเริ่มจากอะไร เพราะวันนั้นให้ทนายแถลงไปแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถพูดด้วย เพราะหนึ่ง เราพูดมันไม่เหมาะสมที่พูด เพราะปูไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ชัดเจนเท่าทนายค่ะ
- ทนายความบอกว่ามีผลกระทบกับงานของปูพอสมควร ?
ปู ไปรยา : ปูว่าเขาพูดด้วยความเป็นห่วง แต่ถ้าพูดตรง ๆ ลูกค้าทุกคนเป็นกำลังใจให้อย่างดี แล้วก็ปูมีเวลาเกือบสองอาทิตย์ ที่จะนั่งพิจารณาไตร่ตรอง แล้วก็ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เลยมองว่าผลกระทบต่องานตอนนี้ไม่มีนะคะ แต่วันนี้เหตุผลที่เปลี่ยนเสื้อเพราะอย่างที่บอกชีวิตนี้ปูทำงานมาหลายปีมาก แล้วมันมีบางเรื่องที่ปูแคร์และรักมาก คือการทำงานสังคมของปู ปูเลยขอสงวนสิทธิ์ในวันนี้ที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ในงานวันนี้ และโดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่เป็นช่วงเวลาเฉลิมฉลองของประเทศเราด้วย ปูขอยุติและหยุดพูดเรื่องข่าวนี้ แต่วันนี้ที่ชี้แจงกับพี่ ๆ สื่อมวลชนแล้วก็แฟน ๆ เพราะเชื่อว่าทุกคนรอคำพูดจากปู แต่วันนี้คำพูดของปูมีอย่างเดียว ถ้าจบด้วยสันติวิธีได้ ปูก็ขอความกรุณาอยากจบแบบนั้น
- อย่างกุ๊บกิ๊บที่ถูกพาดพิงได้คุยไหม ?
ปู ไปรยา : กุ๊บกิ๊บปูคุยค่ะ ก็คือ DM ที่ปูคอมเมนต์ลงเพจเขา ว่ารู้นะไม่ได้พูดถึงปู แล้วปูก็ DM กันตอนที่ปูอยู่อเมริกา เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้พาดพิงถึงปู ปูเชื่อ แล้วปูก็รู้สึกว่าอย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวเลยจริง ๆ จากประสบการณ์ของคนที่เป็นข่าวนะ ปูรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดี เลยรู้สึกว่าวันนี้ไม่ต้องการให้คำพูดใด ๆ ที่ออกจากปากปูทำให้สถานการณ์หรือใครรู้สึกไม่ดี ถ้าเป็นไปได้อยากจะออกมาให้เป็นรูปแบบที่มีความเมตตา และความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะการมีปากเสียงกันหรือมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งออกสื่อมวลชนมันไม่ใช่เรื่องที่ดีค่ะ
- ช่วงที่ผ่านมามีความเครียดหรือวิตกอะไรบ้าง ?
ปู ไปรยา : ไม่นะคะ พอเป็นผู้ใหญ่เราต้องรู้ว่าอารมณ์มันไม่ได้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ปูเองก็เคยใช้อารมณ์ ไม่ใช่ไม่เคย ก็เลยมองว่าในเคสนี้เราต้องมองที่การกระทำก่อน แล้วมองด้วยเหตุผล แล้วก็มองด้วยหลักการ แล้วก็มองว่าเราอยู่จุดนี้ได้ยังไง แล้วข้างหน้าจะเดินไปได้ยังไง แล้วเราต้องมองด้วยว่าทางออกที่เราต้องการคืออะไร ทางออกของปูก็คืออยากให้ทุกฝ่ายจบโดยดี ปูไม่ได้ต้องการอะไรจากสิ่งนี้ แต่ปูเชื่อมั่นว่าที่เราถึงจุดนี้ มันมีตั้งแต่กติกา สัญญา เรื่องข้อตกลง มันมีรายละเอียดที่ปูไม่สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้ แต่ใจปูที่ไตร่ตรองและคิดว่าวันนี้จะต้องเกิดที่เราต้องเจอสื่อ แล้วขอให้วันที่เราเจอสื่อไม่พูดกระทบใครแต่อย่างใด แล้วก็พูดด้วยความเข้าใจจริง ๆ
- กรณีนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องงานในอนาคตไหม ?
ปู ไปรยา : ปูว่าทุกอย่างในชีวิตก็คือประสบการณ์ แล้วปูก็ว่าบางครั้งเวลาปูทำงานปูก็ไตร่ตรอง ตัดสินใจ แต่ปูขอพูดก่อนว่าปูทานสินค้าเขาจริง แล้วไม่เคยพูดถึงสินค้าในทางลบเลย สินค้าเขามี อย. แล้วปูก็ทาน อันนี้คือข้อที่หนึ่งก่อน ปูก็อยากจะพูดให้เขาสบายใจตรงนั้น เพราะการที่เราไม่ชัดเจนตรงนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อเขา แต่ในอนาคตจริง ๆ สัญญาตัวนี้ก็ถูกร่างโดยคุณชาย ทนายปู ก็คือค่อนข้างละเอียดแล้ว ทุกสัญญาพี่ชายเป็นคนที่ร่างทุกอัน
- เรื่องนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ?
ปู ไปรยา : สำหรับปูตอนนี้ถ้าเป็นไปได้อย่างที่บอกถ้าจบด้วยสันติวิธีคือวิธีที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้บางเรื่องชีวิตเราต้องจัดการอะไรเยอะมากแล้ว ปูปล่อยให้ทนายปูเป็นคนทำ จริง ๆ ปูไม่ได้ถาม หรืออัปเดต ก่อนมาวันนี้ก็ไม่ได้อัปเดตว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะถือว่าเรามอบหมายงานให้เขาแล้ว เราก็ปล่อยวางตรงนั้นไป
- แมทธิวว่ายังไงกับเรื่องนี้ ?
ปู ไปรยา : เขาก็เป็นกำลังใจที่ดี คงไม่เหมาะสมถ้าปูจะบอกความคิดเห็นเขาออกสื่อ แต่จริง ๆ แล้วทางเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะรู้ว่าเราโต ๆ กันแล้ว เราทำงานเราก็ต้องรับผิดชอบในงานของเรา แต่ปูเชื่อว่าในเคสนี้ ปูทำหน้าที่ของปูดีที่สุด
- มั่นใจในเอกสารหลักฐานที่เรามีไหม ?
ปู ไปรยา : มั่นใจค่ะ แต่อย่างที่บอกการที่พูดว่ามั่นใจมันจะกระทบไปฝั่งโน้น ก็เลยขออนุญาตสงวนสิทธิ์ไม่ใช้คำนั้น แต่สิ่งที่อยากจะย้ำแล้วก็ย้ำอีกคือ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกฝ่ายจบด้วยดี
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN