
ดงบังชินกิ TVXQ
คิมจุนซู คิมแจจุง พัคยูชอน แห่ง ดงบังชินกิ (TVXQ) แถลงข่าว กรณีคดีความต่อต้นสังกัด SM Entertainment (pingbook)
1. หลังจากเดบิวได้ 5 ปี สมาชิกทั้ง 3 คน ได้เหนื่อยล้าทั้งด้านร่างกายและจิตใจ จากการควบคุมในกระบวนการแต่างๆจากทางต้นสังกัดแต่เพียงฝ่ายเดียว
คิมจุนซู คิมแจจุง พัคยูชอน เป็นสมาชิก ดงบังชินกิ ตั้งแต่ต้นปี 2547 มาจนถึงตอนนี้ ภายใต้คำสั่งของ SM ให้เดินทางระหว่าง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ในระยะเวลา 1 ปี จากตารางงานที่หนาแน่น นอกจากเวลาเพียง 1 สัปดาห์แล้ว พวกเราได้มีเวลานอนเพียง 3 - 4 ชั่วโมง ต่อวันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้สมาชิกทั้งสามคนมีสุขภาพที่แย่ลงมาก รวมถึงทางด้านจิตใจก็มีความเหนื่อยล้า เช่นเดียวกัน ทางด้าน SM ในขณะที่พยายามให้ ดงบังชินกิ ทำกิจกรรมในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จในกิจกรรมเหล่านั้น ก็จะลดน้อยลง สุดท้ายแล้วสมาชิก ดงบังชินกิ ทั้ง 3 รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้กำลังเดินตามความฝัน ภายใต้ SM แต่พวกเขากำลังกลายเป็นเครื่องมือ เพื่อใช้หาเงินให้กับบริษัท พวกเขาเพียงแค่หวังว่า จะสามารถทำกิจกรรมในวิสัยทัศน์ของตัวเองเท่านั้น
2. สำหรับสัญญาระยะเวลา 13 ปี นั่นหมายถึงสัญญาทาสตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงสัญญาแต่เพียงผู้เดียวที่มีระยะเวลา 13 ปี แต่เมื่อรวมระยะเวลาในการที่ต้องไปเป็นทหารจะทำให้เวลารวมนั้นกลายเป็น 15 ปี ในทันที และจนถึงเวลานี้ก็ยังเหลือเวลาอีกกว่า 10 ปี นั่นจะกลายเป็นความจริงที่ว่า พวกเขาจะไม่สามารถลาออกได้จนกว่าจะถึงเวลานั้น ถ้าพวกเขาต้องการจะถอนสัญญา พวกเขาจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 3 เท่า จากเงินลงทุน และ 2 เท่า จากรายได้ที่พวกเขาทำได้ และจากจำนวนเงินนี้เอง อาจจะสูงกว่า 1,000 ล้านวอน และด้วยเหตุนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากอยู่ภายใต้สัญญาของ SM
3. สมาชิกไม่ได้รับการดูแลที่ดีจาก SM เท่าที่ควร จากการทำงานอย่างหนัก
ถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาการอยู่ภายใต้สัญญาของ SM พวกเขาก็ยังคงไม่ได้รับการดูแลที่ดีอีกด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ได้รับเงินจากการทำสัญญา และเมื่อดูถึงส่วนแบ่งรายได้จากผลงานในอัลบั้มเดิมเท่านั้น ในสัญญาบอกเอาไว้ว่าถ้าพวกเขาสามารถขายอัลบั้มได้ 500,000 ชุด พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่ง เมื่อจำหน่ายอัลบั้มถัดไปจำนวน 10 ล้านวอนต่อ 1 คนเพียงแค่นั้น แต่ถ้าจำหน่ายอัลบั้มได้ต่ำกว่า 500,000 ชุด พวกเขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ แต่ข้อสัญญานี้ได้ถูกปรับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 แต่ถึงกระนั้น สมาชิก ดงบังชินกิ แต่ละคนก็ยังจะได้ส่วนแบ่ง จากอัลบั้มเพียง 0.4% - 1% เท่านั้น
4. จากความไม่เป็นธรรมในสัญญาสมาชิกได้พยายามมีข้อเรียกร้องอยู่หลายครั้ง แต่ทางด้าน SM ไม่ยอมเจรจา และ รับฟังต่อคำร้องขอแต่อย่างใด
ในสถานการณ์นี้สมาชิก ดงบังชินกิ เคยเรียกร้องหลายครั้งให้มีการยุติสัญญาลง เพื่อพวกเขาเองจะได้ทำกิจกรรมภายใต้วิสัยทัศน์ของตนเองอยู่หลายครั้ง แต่ทางด้าน SM เอง พยายามเบี่ยงเบนประเด็นไปเข้าเรื่องของบริษัทเครื่องสำอางค์ของทั้ง 3 คน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหานี้แต่อย่างใด ดังนั้น สมาชิก ดงบังชินกิ ทั้ง 3 จึงมีความเชื่อว่า ถ้าอย่างน้อยพวกเขาเปิดโต๊ะเจรจากันทั้ง 2 ฝ่าย ก็น่าจะบรรลุความประนีประนอมต่อทั้งคู่ได้จนถึงกับเสนอสถานที่เพื่อการเจรจานี้ โดยเฉพาะอีกด้วย แต่ SM ไม่เพียงไม่สนใจในเรื่องนี้แล้วเท่านั้น จากการวางทีท่าในอดีตที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขา จะทำให้เกิดการพูดคุยระหว่าง SM และ นี่เองเป็นสาเหตุที่พวกเขาทั้ง 3 คนตัดได้สินใจเข้าสู่กระบวนการคดีความ
5. การลงทุนในบริษัทเครื่องสำอางค์เป็นสิ่งที่พวกเขาทำนอกเหนือจากกิจกรรมใน ฐานะคนบันเทิง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความในครั้งนี้ จุดสำคัญของการฟ้องร้องในครั้งนี้คือความไม่เป็นธรรมในสัญญาแต่เพียงผู้เดียว
ในขณะที่ SM ได้เปิดแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าสมาชิกทั้ง 3 คนยื่นเรื่องฟ้องศาลจากกรณีปัญหาบริษัทเครื่องสำอางค์ของพวกเขา อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องการลงทุนในบริษัทเครื่องสำอางค์นั้นไม่มีส่วน เกี่ยวข้องต่อการฟ้องร้องในครั้งนี้แต่อย่างใด โดยทางด้าน SM ได้พูดถึงบริษัทเครื่องสำอางค์ในประเทศจีนที่สมาชิกทั้ง 3 คนได้ลงทุน แต่สำหรับเรื่องนี้ถือเป็นการลงทุนด้วยเงินทุนส่วนตัว ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกิจกรรมในฐานะคนบันเทิง และด้วยเหตุนี้เองถ้าคิดแบบพื้นๆ เลยคงไม่มีใครบอกได้ว่า ดงบังชินกิ ควรจะสูญเสียทุกอย่างหลังจากที่เขาต้องผ่านการทำงานกันอย่างหนัก เพียงแค่ใช้เงินส่วนตัวลงทุนประมาณ 100 ล้านวอนในธุรกิจเครื่องสำอางค์ในประเทศจีนใช่ไหมครับ ประเด็นปัญหาจริงๆ แล้ว สมาชิกได้เห็นความไม่ยุติธรรมในสัญญาแต่เพียงผู้เดียวของพวกเขา ทาง SM ต้องเลิกเบี่ยงเบนประเด็นไปยังเรื่องราวของบริษัทเครื่องสำอางค์ เพราะมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้
6. บรรดาสมาชิก ดงบังชินกิ ไม่เคยแม้แต่ต้องการที่จะแยกวง สิ่งที่ต้องการมีเพียงการปลดแอกตัวเองจากสัญญาเหล่านี้
พวกเขาทราบดีกว่าหลังจากมีข่าวคดีความนี้ทำให้แฟนๆ หลายคนวิตกกังวลเกี่ยว กับการแยกวง อย่างไรก็ตามคดีความนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการแยกวงแต่อย่างใด แม้ว่าในขณะนี้จะมีเพียงสมาชิก 3 คน ของ ดงบังชินกิ ที่ดำเนินคดีความเนื่องจากความคิดเห็นที่แตกต่างในกระบวนการกันไปบ้าง แต่ท่ามกลางสมาชิก ดงบังชินกิ เองกันแล้วไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด สิ่งที่อยู่ในใจพวกเขาคือการรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับแฟนๆ และรวมกันเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป สำหรับในครั้งนี้ถ้าพวกเขา สามารถแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนี้ได้ พวกเขา ดงบังชินกิ ก็จะสามารถกำหนดเส้นทางในฐานะนักร้องตามที่ต้องการได้เช่นกัน สมาชิก ดงบังชินกิ ทุกคน เชื่อว่าเมื่อพวกเขาผ่านเหตุนี้เหล่านี้ไปได้ พวกเขาจะสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และยืนต่อหน้าแฟนเพลงทุกๆ คนบนเวทีได้อย่างกล้าหาญ
7. นี่คือโอกาสที่จะทำให้พวกเขา เติบโตขึ้น
ท่ามกลางความห่วงใย ดงบังชินกิ จากแฟนๆทุกคน สมาชิก ดงบังชินกิ ทั้ง 3 คน รู้สึกเสียใจที่ทำให้แฟนๆต้องตกใจจากคดีความที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาคิดว่าเรื่องราวครั้งนี้มันจะสามารถทำให้พวกเขาเดินทางสู่ความฝัน อันยิ่งใหญ่ และถ้าได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ พวกเขาให้สัญญาว่า จะตอบแทนด้วยการกลับมาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่เติบโตขึ้นมากกว่าเดิม

ดงบังชินกิ TVXQ
หลังจากที่ ดงบังชินกิ TVXQ พัคยูชอน คิมจุนซู และ คิมแจจุง แถลงข่าวอย่างเป็นทางการกรณีสัญญาไม่เป็นธรรมจากต้นสังกัด เมื่อ 3 สิงหาคม 2552 เวลา 11.00 น. ล่าสุด ช่วงเย็น SM Entertainment ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการในเบื้องต้น
ในวันนี้ SM ส่งเอกสารมายังสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ
1. สัญญาไม่เป็นธรรม ถ้าขายอัลบั้มได้น้อยกว่า 5 แสนชุดจะไม่ได้ส่วนแบ่ง ตลอดการเดบิวจนถึงเดือนกรกฏาคม 2552 ดงบังชินกิ ได้ส่วนแบ่งทั้งหมด 1.1 หมื่นล้านวอน (ส่วนแบ่งรายได้ 9.2 พันล้านวอน + เงินล่วงหน้า 1.77 พันล้าน) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ต่างชาติสุดหรูที่เราได้มอบให้พวกเขา (เป็นโบนัสที่อยู่นอก เหนือในเอกสารสัญญา) แม้ว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา หลังจาก ดงบังชินกิ เดบิว การเงินของบริษัทจะไม่สู้ดีมากนัก ซึ่งนี่ยังไม่ได้นับรวมรายได้ปลีกย่อย เช่น การเป็นตัวแทนของแบรนด์, ถ่ายโฆษณา, งานอีเวนท์ต่างๆ รวมถึง งานถ่ายอัลบั้มภาพ ที่พวกเขาจะสามารถทำเงินจากตรงจุดนี้เพิ่มได้อีก
2. สัญญาไม่เป็นธรรม มีเวลานอนเพียง 3 - 4 ชั่วโมงต่อวันจนทำให้สุขภาพแย่ เรื่องสุขภาพของพวกเขารวมถึงเรื่องตารางการทำงาน เราได้เคยพูดคุยกับเขาแล้วและผลตอบรับที่ได้คือ มันพอเพียง
3. เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอาง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีความในครั้งนี้ ถ้ามองความจริงของคดีนี้ให้ดีๆ เรื่องนี้กลับเป็นประเด็นเหตุผลหลักเลยทีเดียวผู้ที่ได้เข้าร่วมในธุรกิจเครื่องสำอางจริงๆ แล้วก็มีแค่สมาชิก 3 คนเท่านั้น ซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว จากความเข้าใจในความจริงที่ว่าพวกเขาได้ใช้รูปภาพรวมถึงได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ นั้น เพื่อการปกป้องภาพลักษณ์ของดงบังชินกิและความเสียหายต่อตัวสมาชิกทำให้เราต้องรีบดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
4. สัญญา 13 ปี สัญญาทาส ถ้าอ้างอิงจาก FTC (Fair Trade Commission คณะกรรมการการค้ายุติธรรม) ไม่มีบทบัญญัติไหนได้กล่าวไว้ ว่าห้ามทำสัญญาเกิน 7 ปีกับนักร้อง รวมถึงก็ไม่มีบทบัญญัติไหนที่จำกัดว่า ในระหว่างระยะเวลาสัญญา ห้ามนักร้องทำกิจกรรมในต่างประเทศ เราได้เคยปรับแก้รายละเอียดสัญญามาแล้ว ทั้งหมด 5 ครั้งหลังจากการเซ็นสัญญาครั้งแรก
ท่ามกลางการแก้ไขจำนวน 2 ครั้ง พูดถึงการชดเชยค่าความเสียหาย ซึ่งการแก้ในครั้งนั้นเราได้รับการตรวจพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการการค้า ยุติธรรมอย่างถูกต้อง ที่เหลือ 3 ครั้งเป็นการแก้ไขในเรื่องของส่วนแบ่งรายได้และการต่อสัญญาใหม่ การแก้ครั้งนี้ทำไปเมื่อเดือนมกราคม 2547 ตอนที่พวกเขาเดบิว และการแก้อีก 2 ครั้งได้ทำไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และ กุมภาพันธ์ 2552
5. เรียกร้องให้แก้ไขสัญญา จากสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้มีการเรียกร้องให้แก้ไขแต่เราไม่ตอบรับ เราได้รับการพิสูจน์จากใบแจ้งความแล้วว่าเอกสารข้อเรียกร้อง เพื่อให้สัญญานี้เป็นโมฆะถูกส่งผ่านไปยังสำนักกฏหมายเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2552
6. การจัดการในคดีความ เราจะเจรจากับทางสำนักกฏหมาย รวมถึงสมาชิกทั้ง 3 คนเพื่อหาข้อยุติให้เร็วที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
pingbook.com
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- บริษัท ซูพรีโม จำกัด
- pingbook.com






