หลังจากเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่เลยทีเดียว สำหรับโชว์สุดร้อนแรงของพระ-นาง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา ในคอนเสิร์ต The Real Nadech Concert จนกลายเป็นดราม่าใหญ่โต ล่าสุดหัวเรือใหญ่ อย่างพี่ฉอด สายทิพย์ ในฐานะผู้จัดคอนเสิร์ต ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี กิ๊ฟ วรรธนะ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
คอนเสิร์ต The Real Nadech เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมากมาย ?
พี่ฉอด : ตอนแรกเกิดจากเราเคยร่วมงานกับเขาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีศักยภาพมาก ก็ได้คุยกันเล่น ๆ ว่าวันหนึ่งอยากทำคอนเสิร์ตด้วยกัน แล้วพอเวลามันลงตัวก็เลยได้ทำ สำหรับกระแสดราม่า จริง ๆ แล้วมันก็เป็นแค่โชว์หนึ่ง ซึ่งเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าน้องญาญ่าจะมาเป็นแขกรับเชิญในซีนพิเศษนี้ แล้วพี่ก็เชื่อว่าทุกคนก็คาดหวังโดยเฉพาะแฟนคลับทั้งหลาย เราก็เลยมีความตั้งใจที่อยากจะให้เห็นในแบบที่แตกต่างออกไป จริง ๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องราวของ 2 คนที่มีการเล่าเรื่องผ่านสตอรี่ที่ค่อนข้างยาวในแต่ละช่วง แล้วจริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าคอนเสิร์ตนี้ไม่ได้มีแต่กระแสลบนะคะ กระแสทางบวกก็มีเยอะมากเหมือนกันค่ะ
หลายคนคิดว่าซีน ณเดชน์ สยิว ญาญ่า ร้อนแรง มีความไม่เหมาะสม ?
พี่ฉอด : คือปกติเวลาทำงานเราก็จะมีการเช็ก feedback อยู่แล้ว แล้วเราก็พบความจริงอันนึงค่ะว่า กระแสที่เป็นเชิงบวกนั้นคือคนที่เขาไปดู ส่วนคนที่เป็นกระแสลบเนี่ย คือคนที่ไม่ได้ดู แล้วก็ได้เห็นแต่ภาพที่แคปมา ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือว่าคลิปวิดีโอก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าดูแค่ตรงนั้นมันก็จะรู้สึกว่ามันดูรุนแรงเกินจริงค่ะ แต่อยากให้นึกว่าคนที่อยู่ในโชว์วันนั้นได้เห็นทั้งหมด และซีนนี้เป็นซีนใหญ่ อลังการมากนะคะ ข้างหลังเป็นม่านน้ำ มีทั้งในจอและก็นอกจอออกมา และน้อง 2 คน เขาต้องร้องไปด้วย ผ่านน้ำที่ตกลงมา บล็อกกิ้งมันต้องเป๊ะมาก เพราะเขาต้องเล่นกับจอด้านหลังด้วย ซึ่ง ณ โมเมนต์นั้นทุกคนที่ดูอยู่ในฮอล์ จะรู้สึกตะลึงกับความอลังการของทุก ๆ อย่าง แล้วก็จะไม่มีใครสามารถคิดกลายเป็นอกุศลจิตใด ๆ ได้
พอเห็นกระแสดราม่าแบบนี้ มีการจัดการยังไงบ้าง ?
พี่ฉอด : ก็ต้องน้อมรับนะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้ก็จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์น้อง 2 คน หรือว่าพี่ก็ตาม เราก็จะพูดในทุก ๆ ที่ว่าเราน้อมรับในทุกคำวิจารณ์ หรือติชมอยู่แล้ว แล้วก็คงต้องมาดูกันแหละว่ามันมากน้อยเกินงามอะไรไปหรือเปล่า เพื่อที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขในงานต่อ ๆ ไป แต่ว่าก็ต้องยอมรับความจริงด้วยว่าในทุก ๆ วันนี้เนี่ย ในแง่ของคำว่าดราม่าที่ว่า หรือกระแสต่าง ๆ นั้นของ Social ก็ต้องแยกแยะว่ามันมีหลายแบบด้วย บางทีอาจจะเกิดจากการไม่ได้ดูแล้วก็เข้ามาวิจารณ์ พูดจาหยาบคาย ถ้าเป็นส่วนตัวพี่ พี่จะไม่รับในสิ่งเหล่านี้ เพราะว่าถ้าคนเราที่ปรารถนาดีต่อกัน จะเริ่มต้นด้วยการด่ากันเหรอคะ คือเราพยายามที่จะให้ความสุขกับคนดู แล้วก็ไม่ได้คิดในมุมอะไรแบบนั้น
แล้วได้มีการเคลียร์กับ ณเดชน์ ญาญ่า แล้วหรือยัง ?
พี่ฉอด : ก็ได้มีการคุยกันตั้งแต่ตอนที่ทำงานเสร็จนะคะ ก็ไปกินข้าวคุยกันอะไรแบบนี้ คือต้องบอกแบบนี้ค่ะ ในแง่ของคนทำงาน ด้วยความที่เรามีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แล้วเราก็ทำงานด้วยกันมาเป็นเวลาหลายเดือน กว่าจะออกมาให้เห็น คือมันไม่ได้มีใครที่จะมีความตั้งใจว่าเราจะทำอะไรที่มันไม่ดีกัน เพราะฉะนั้นตัวน้องเอง หรือพี่เอง หรือว่าทีมงานทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ตัว ทุกคนเข้าใจหมดว่าเราทำอะไร มันไม่ต้องเคลียร์อะไร เพราะว่าเข้าใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
ตกลงความสัมพันธ์ของณเดชน์กับญาญ่าเป็นแฟนกัน ?
พี่ฉอด : ก็คงไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ พี่ว่าน้อง 2 คนก็น่ารักมากค่ะ ในเรื่องของการวางตัว หรือว่าการดูแลตัวเอง ก็ขอชื่นชมเขาจริง ๆ ค่ะ เอาจริง ๆ คือตั้งแต่พี่ทำงานมากับนักร้องศิลปินดาราซึ่งก็เยอะมาก พี่ก็ไม่เคยแสดงความชื่นชมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนี้กับใครมาก่อนนะ ตั้งใจทำงานและเป็นมืออาชีพมาก ๆ แล้วทุกคนก็รักเขามาก ทีมงานหลังจากที่เสร็จงานแล้วคือทุกคนหงอยมาก เพราะคิดถึงณเดชน์กับญาญ่า
อยากจะบอกอะไรกับณเดชน์และญาญ่าไหม ?
พี่ฉอด : อยากขอบคุณน้องทั้ง 2 คนมาก ๆ ที่ไว้ใจให้พี่ แล้วก็ทีมงานของ CHANGE ได้ทำงานกับน้อง มันเป็นการทำงานครั้งหนึ่งในชีวิตที่แบบว่าประทับใจมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ ตอนที่ทำงานด้วยกัน น้องเทคิวทุกอย่างแบบตั้งใจมากจริง ๆ เขาทุ่มเทมาก ๆ สำหรับงานนี้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่อยากด่า อยากว่า อยากจะดราม่าในทางลบหรืออะไรก็ตามแต่ เอาเป็นว่าพี่รับไว้ว่าเป็นที่ตัวพี่แล้วกัน พี่อยากให้เห็นมุมดี ๆ ของน้องทั้ง 2 คนว่ามันมีมากมายมหาศาล ในความตั้งใจที่เขาอยากจะให้ความสุขกับทั้งแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับของเขา จึงอยากให้มองน้อง 2 คนในมุมที่เป็นมุมดีค่ะ ส่วนอันไหนที่เป็นลบเดี๋ยวโยนมาที่พี่ พี่ขอรับไว้เองนะคะ
ถามเรื่องส่วนตัวบ้าง มุมมองความรักตอนนี้เป็นยังไง ?
พี่ฉอด : พี่ว่าความรักเป็นเรื่องของการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ค่ะ ในสมัยที่เราเป็นเด็กเราก็อาจจะมองความรักเป็นแบบนึง พอโตขึ้นไปเรื่อย ๆ จนแก่แล้ว วิธีคิดหรือมุมมองความรักมันก็จะเคลื่อนตัวตามไปเรื่อย ๆ ความรักก็คือความไม่แน่นอน มันมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาก็แค่นั้นเอง อย่างที่บอกว่ามันไม่แน่นอนค่ะ เพราะว่าคนที่รักกันวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะรักกันอยู่อีกหรือเปล่า คน 2 คนมาเจอกัน วันหนึ่งก็ต้องจากกันเป็นเรื่องปกติ ไม่จากเป็นก็จากตาย ไม่หมดอายุรักก็หมดอายุขัย เป็นเรื่องปกติของชีวิต บางทีคนที่มีรักแล้วก็มีความทุกข์ เพราะมันคาดหวังว่าอาจจะเป็นสิ่งที่แน่นอน คาดหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปชั่วกัลปาวสาน มันก็เลยทำให้เราต้องมีความทุกข์ค่ะ
นอกเหนือจากในรายการ เคยมีนักแสดงมาปรึกษาแบบส่วนตัวในเรื่องความรักไหม ?
พี่ฉอด : มีค่ะ ต้องบอกว่าเวลาเดินไปไหนก็ต้องมีคนอยากคุยด้วย ทุกวันนี้ตอบไม่ทันเลยค่ะ เพราะว่าอย่างรายการวิทยุก็ยังจัดอยู่ มีเพจ มีไลฟ์ มีรายการออนทัวร์ ที่ไปหาน้อง ๆ ตามมหาวิทยาลัย เวลาเจอใครก็ตอบไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ คือทุกคนมีปัญหาความรักด้วยกันทั้งนั้น แล้วก็บ่อยครั้งที่เราไปรักคนที่ไม่ควรรัก จึงเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ที่ออฟฟิศห้องพี่ก็เปิดประตู แล้วคนก็เดินเข้ามาเล่าให้ฟังได้เรื่อย ๆ ค่ะ
เคยมีเรื่องไหนที่กระทบจิตใจ จนกลายเป็นความเสียใจเกี่ยวกับความรักไหม ?
พี่ฉอด : คือมาจนถึงยุคนี้สมัยนี้แล้ว การเป็นข่าวหรือว่าอะไรก็ไม่ค่อยมีแล้วค่ะ คือพี่จะเป็นคนรับฟังความคิดเห็นของทุกคน แต่ว่าต้องเป็นคนที่มีความสำคัญกับชีวิตพี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัว คือถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของเราเองแล้ว กับคนที่มาแสดงความคิดเห็นที่ไม่ได้รู้เรื่องราวจริง ๆ เนี่ย ก็จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีผลอะไรกับชีวิตพี่ค่ะ พี่ว่าทุกครั้งที่เรามี feedback หรือข่าวจากคนที่ไม่ได้อยู่ในชีวิตเรา สิ่งที่เราควรจะทำสิ่งแรกก็คือ ควรทบทวนตัวเองก่อน ว่าเราทำอะไรผิดหรือทำอะไรไม่ดี หรือมีอะไรต้องแก้ไขไหม ก็ต้องแก้ไขที่ตัวเรา พี่แก้ไขที่คนอื่นไม่ได้ เราต้องแก้ที่ตัวเรา แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร เราก็สามารถที่จะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งเหล่านี้ได้
"เจ๊ซุ่มทุ่มไม่อั้น" รู้สึกยังไงกับฉายาที่นักข่าวตั้งให้ ?
พี่ฉอด : พี่ไม่มีตังค์จะทุ่มค่ะ พี่ฟังข่าวแล้วพี่รู้สึกเหมือนกับว่าพี่รวยมาก ต้องบอกว่าพี่ยังเป็นพนักงานทำงานอยู่เลย พี่ไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีที่ไหนนะคะ ใครจะมาคบกับพี่แล้วคิดว่าพี่จะทุ่มให้ไม่มีนะคะ ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ ก็แล้วแต่จะพูดไป เอาจริง ๆ คนที่พูดเขาเป็นใคร ถึงได้รู้เรื่องเหล่านี้ ก็ไม่มีใครรู้จริงในอะไรสักอย่างหนึ่งค่ะ
พูดถึงลูกชายหน่อย คิดจะดึงลูกชายมาปั้นให้ทำงานในวงการบ้างไหม ?
พี่ฉอด : คือพี่เป็นคนมีความเชื่ออย่างหนึ่งนะคะ ว่าถ้าเกิดเรารักใคร เราต้องให้เขายืนให้ได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่ดีและถูกต้องที่สุดคือ ไม่มีเราเขาต้องอยู่ได้ เพราะฉะนั้นบางทีที่เราไปดึงเอาคนที่เรารักมาแล้วก็พักพิงหรืออยู่ด้วยกัน มันก็อาจจะทำให้เขาไม่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง เหมือนกับต้นไม้ที่มันต้องไปปลูกห่าง ๆ กัน แล้วมันจะโตได้ด้วยตัวเองค่ะ
ลูกชายมีปรึกษาเรื่องความรักกับคุณแม่บ้างไหม ?
พี่ฉอด : ปกติเลยค่ะ คุยได้หมดทุกเรื่องเลยค่ะ เหมือนเป็นเพื่อนกันเลย ตอนนี้เขาก็มีแฟน พี่ก็ส่งเขาไปเรียนเมืองนอก คิดว่าโตพอสมควรแล้ว แล้วก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ พอดีเป็นเด็กผู้ชายด้วยค่ะ พี่รู้สึกว่าเด็กผู้ชายควรจะต้องยืนได้ด้วยตัวเองสำคัญกว่า เพราะว่าเขาจะต้องไปดูแลคนอื่น ๆ ต่อในอนาคตค่ะ
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama