แป้งทาหน้าทํามาจากอะไร ทำไมผิวของเราถึงสวยเนียนกริบได้ด้วยแป้งตลับเล็กเหล่านี้ มาหาคำตอบกันเลย
เวลาจะแต่งหน้าแต่ละที สิ่งที่สาว ๆ ขาดไม่ได้เลยคือ สารพัดแป้งทาหน้าเพื่อสร้างความเนียนกริบให้ตัวเอง ทั้งแป้งอัดแข็ง แป้งโปร่งแสง และแป้งผสมรองพื้น ซึ่งสาว ๆ คงรู้ดีว่าแป้งแต่ละชนิดช่วยให้ผิวสวยเนียนแตกต่างกันไป แต่กลับไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าทำไมถึงแตกต่างกัน แล้วแป้งทาหน้าทำมาจากอะไร ?
ไหน ๆ เราก็ต้องใช้แป้งเหล่านี้มาแต่งแต้มความสวยกันทุกวันอยู่แล้ว ถ้าได้รู้ถึงส่วนประกอบหลัก ๆ ของแป้งทาหน้า ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นคงจะดีไม่น้อย เพื่อคลายข้อสงสัยเหล่านั้น กระปุกดอทคอมเลยหาข้อมูลเรื่องนี้มาฝาก ใครอยากรู้ลึกรู้จริงเรื่องแป้งทาหน้าก็ตามมาอ่านกันได้เลย
ผู้หญิงเรากับความสวยความงามคือของคู่กัน เลยไม่ต้องแปลกใจหากสาว ๆ จะรู้จักการแต่งหน้ามานานนับพันปี ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ พระนางคลีโอพัตราได้นำเอามูลของจระเข้ตากแห้งมาทาลงบนใบหน้าเพื่อสร้างผิวที่กระจ่างใส แล้วค่อยแต่งแต้มสีสันอื่น ๆ ตามลงไป โดยค่านิยมการทาแป้งนี้จะมีแค่ในกลุ่มของสตรีสูงศักดิ์ เพราะพวกเธอเหล่านั้นไม่ต้องออกไปทำงานตากแดดจนผิวหมองคล้ำ เมื่อมีจุดด่างดำเพียงน้อยนิดก็ต้องใช้แป้งทาหน้ามากลบเอาไว้ จะได้ดูสวยแตกต่างจากหญิงชาวบ้านผู้ใช้แรงงาน ซึ่งวัฒนธรรมนี้ได้แพร่หลายสู่ผู้หญิงยุโรปโบราณ ทำให้มีการใช้ชอล์กบดเป็นผงละเอียดแล้วนำมาผัดหน้า แต่ด้วยแป้งชอล์กส่งผลเสียต่อสุขภาพเลยเปลี่ยนมาใช้เป็นแป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวสารแทน
ส่วนผู้หญิงไทยโบราณก็รักสวยรักงามไม่แพ้ใคร หากได้ติดตามละครเรื่อง พรหมลิขิต จะเห็นว่าแม่พุดตานคิดจะทำเครื่องสำอาง ตั้งแต่การใช้ดินสอพองผสมไข่ขาวพอกหน้า มาจนถึงการทำบลัชออนและอายแชโดว์ที่ทำจากแป้งแข็งผสมสีธรรมชาติ ซึ่งแป้งที่ได้นั้นก็มีที่มาจากดินสอพองและแป้งร่ำนี่เอง
แป้งร่ำ คือ แป้งหินหรือแป้งนวล ทำมาจากดินขาว เป็นเม็ดสีขาวไม่มีกลิ่น มีน้ำหอมเจือแทรก ซึ่งเหล่าสาวไทยโบราณจะใช้แป้งหินบดละเอียดมาอบใส่ลูกจันทน์ กำยาน ไม้กฤษณา อบเชย กานพลู และชะมดเช็ด อบจนแป้งหอมฟุ้งแล้วจึงนำมาผัดหน้า ผัดผิวให้ขาวผ่องหอมละไม ส่วนในเรื่อง พรหมลิขิต นั้น แม่พุดตานได้นำเอาแป้งร่ำมาผสมสีต่าง ๆ ได้แก่ ฝางเสน ทำให้สีออกอมแดง, ก้านดอกกรรณิการ์ ทำให้มีสีออกอมเหลือง และอัญชัน ทำให้ได้สีฟ้า นั่นเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ch3Thailand
ปัจจุบัน แป้งทาหน้า เป็นของหาง่ายและไม่ต้องเสียเวลามาบดแป้งใช้เอง โดยส่วนผสมหลัก ๆ ของแป้งสมัยนี้ ได้แก่ แร่ทัลก์ (Talc) ใช้ทำแป้งฝุ่นชนิดต่าง ๆ ทั้งแป้งทาตัวและแป้งทาหน้า มีสีขาวมันวาว, แร่ไมก้า (Mica) ช่วยในเรื่องของการกระจายแสงและเพิ่มความคงทนของแป้ง, เคโอลิน (Kaolin) ลดความเงาเลื่อมของแร่ทัลก์ จะได้ไม่ดูขาวหลอกตาเหมือนแป้งเด็กทาตัว, แมกนีเซียมสเตียเรต (Magnesium Stearate) เพิ่มความเนียนนุ่มน่าสัมผัสของเนื้อแป้ง, แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ช่วยควบคุมความมัน ทำให้หน้าดูเนียนแบบเนื้อแมตต์ และแต่งสีด้วยสารเคมีหรือส่วนผสมจากธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตจะเลือกใช้
แป้งทาหน้าแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเม็ดสีและความแน่นของเนื้อแป้ง แม้จะเอามาทาหน้าได้เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ความเนียนกริบต่างกันอย่างสิ้นเชิง จำแนกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
แป้งโปร่งแสง คือ แป้งที่บางเบาและไม่มีสี หรือถ้ามีก็เป็นแค่สีจาง ๆ แทบมองไม่เห็น เหมาะสำหรับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ไม่ต้องการปกปิดริ้วรอยใด ๆ หรือจะเอาไว้เติมระหว่างวันเพื่อคุมความมันก็ทำได้ดีทีเดียว
แป้งอัดแข็ง คือ แป้งฝุ่นที่นำมาอัดแข็ง มีเม็ดสีที่แน่นกว่าแป้งโปร่งแสง ให้การปกปิดได้ดีพอสมควร หากต้องการกลบรอยสิวหรือจุดด่างดำก็ใช้แป้งอัดแข็งทาหน้าได้ แต่ไม่ถึงกับเนียนมากนัก
ทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของแป้งทาหน้า พร้อมจำแนกความแตกต่างของแป้งแต่ละชนิดที่เหมาะกับผิวแต่ละประเภท คราวหน้ากระปุกดอทคอมจะมีข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางตัวไหนมาฝากอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ch3Thailand
ขอบคุณข้อมูลจาก : slideshare.net, hellogiggles.com, adorebeauty.com.au, เฟซบุ๊ก วิชชาลัยแพทย์แผนไทย พิพิธเภสัชบริษัท
ไหน ๆ เราก็ต้องใช้แป้งเหล่านี้มาแต่งแต้มความสวยกันทุกวันอยู่แล้ว ถ้าได้รู้ถึงส่วนประกอบหลัก ๆ ของแป้งทาหน้า ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นคงจะดีไม่น้อย เพื่อคลายข้อสงสัยเหล่านั้น กระปุกดอทคอมเลยหาข้อมูลเรื่องนี้มาฝาก ใครอยากรู้ลึกรู้จริงเรื่องแป้งทาหน้าก็ตามมาอ่านกันได้เลย
วิวัฒนาการของแป้งทาหน้า
ผู้หญิงเรากับความสวยความงามคือของคู่กัน เลยไม่ต้องแปลกใจหากสาว ๆ จะรู้จักการแต่งหน้ามานานนับพันปี ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ พระนางคลีโอพัตราได้นำเอามูลของจระเข้ตากแห้งมาทาลงบนใบหน้าเพื่อสร้างผิวที่กระจ่างใส แล้วค่อยแต่งแต้มสีสันอื่น ๆ ตามลงไป โดยค่านิยมการทาแป้งนี้จะมีแค่ในกลุ่มของสตรีสูงศักดิ์ เพราะพวกเธอเหล่านั้นไม่ต้องออกไปทำงานตากแดดจนผิวหมองคล้ำ เมื่อมีจุดด่างดำเพียงน้อยนิดก็ต้องใช้แป้งทาหน้ามากลบเอาไว้ จะได้ดูสวยแตกต่างจากหญิงชาวบ้านผู้ใช้แรงงาน ซึ่งวัฒนธรรมนี้ได้แพร่หลายสู่ผู้หญิงยุโรปโบราณ ทำให้มีการใช้ชอล์กบดเป็นผงละเอียดแล้วนำมาผัดหน้า แต่ด้วยแป้งชอล์กส่งผลเสียต่อสุขภาพเลยเปลี่ยนมาใช้เป็นแป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวสารแทน
แป้งร่ำคืออะไร
ส่วนผู้หญิงไทยโบราณก็รักสวยรักงามไม่แพ้ใคร หากได้ติดตามละครเรื่อง พรหมลิขิต จะเห็นว่าแม่พุดตานคิดจะทำเครื่องสำอาง ตั้งแต่การใช้ดินสอพองผสมไข่ขาวพอกหน้า มาจนถึงการทำบลัชออนและอายแชโดว์ที่ทำจากแป้งแข็งผสมสีธรรมชาติ ซึ่งแป้งที่ได้นั้นก็มีที่มาจากดินสอพองและแป้งร่ำนี่เอง
แป้งร่ำ คือ แป้งหินหรือแป้งนวล ทำมาจากดินขาว เป็นเม็ดสีขาวไม่มีกลิ่น มีน้ำหอมเจือแทรก ซึ่งเหล่าสาวไทยโบราณจะใช้แป้งหินบดละเอียดมาอบใส่ลูกจันทน์ กำยาน ไม้กฤษณา อบเชย กานพลู และชะมดเช็ด อบจนแป้งหอมฟุ้งแล้วจึงนำมาผัดหน้า ผัดผิวให้ขาวผ่องหอมละไม ส่วนในเรื่อง พรหมลิขิต นั้น แม่พุดตานได้นำเอาแป้งร่ำมาผสมสีต่าง ๆ ได้แก่ ฝางเสน ทำให้สีออกอมแดง, ก้านดอกกรรณิการ์ ทำให้มีสีออกอมเหลือง และอัญชัน ทำให้ได้สีฟ้า นั่นเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ch3Thailand
แป้งทาหน้าทํามาจากอะไร
ปัจจุบัน แป้งทาหน้า เป็นของหาง่ายและไม่ต้องเสียเวลามาบดแป้งใช้เอง โดยส่วนผสมหลัก ๆ ของแป้งสมัยนี้ ได้แก่ แร่ทัลก์ (Talc) ใช้ทำแป้งฝุ่นชนิดต่าง ๆ ทั้งแป้งทาตัวและแป้งทาหน้า มีสีขาวมันวาว, แร่ไมก้า (Mica) ช่วยในเรื่องของการกระจายแสงและเพิ่มความคงทนของแป้ง, เคโอลิน (Kaolin) ลดความเงาเลื่อมของแร่ทัลก์ จะได้ไม่ดูขาวหลอกตาเหมือนแป้งเด็กทาตัว, แมกนีเซียมสเตียเรต (Magnesium Stearate) เพิ่มความเนียนนุ่มน่าสัมผัสของเนื้อแป้ง, แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ช่วยควบคุมความมัน ทำให้หน้าดูเนียนแบบเนื้อแมตต์ และแต่งสีด้วยสารเคมีหรือส่วนผสมจากธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตจะเลือกใช้
ความแตกต่างของแป้งทาหน้าแต่ละชนิด
แป้งทาหน้าแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเม็ดสีและความแน่นของเนื้อแป้ง แม้จะเอามาทาหน้าได้เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ความเนียนกริบต่างกันอย่างสิ้นเชิง จำแนกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. แป้งโปร่งแสง
แป้งโปร่งแสง คือ แป้งที่บางเบาและไม่มีสี หรือถ้ามีก็เป็นแค่สีจาง ๆ แทบมองไม่เห็น เหมาะสำหรับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ไม่ต้องการปกปิดริ้วรอยใด ๆ หรือจะเอาไว้เติมระหว่างวันเพื่อคุมความมันก็ทำได้ดีทีเดียว
2. แป้งอัดแข็ง
แป้งอัดแข็ง คือ แป้งฝุ่นที่นำมาอัดแข็ง มีเม็ดสีที่แน่นกว่าแป้งโปร่งแสง ให้การปกปิดได้ดีพอสมควร หากต้องการกลบรอยสิวหรือจุดด่างดำก็ใช้แป้งอัดแข็งทาหน้าได้ แต่ไม่ถึงกับเนียนมากนัก
3. แป้งผสมรองพื้น
แป้งผสมรองพื้น คือ แป้งที่มีเนื้อสีหนักที่สุด ปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้าเป็นอย่างดี บางครั้งก็ใช้แทนครีมรองพื้นเลยก็ได้ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหาสิวชนิดต่าง ๆ เนื่องจากแป้งผสมรองพื้นจะอุดตันรูขุมขนได้ง่ายนั่นเอง
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ch3Thailand
ขอบคุณข้อมูลจาก : slideshare.net, hellogiggles.com, adorebeauty.com.au, เฟซบุ๊ก วิชชาลัยแพทย์แผนไทย พิพิธเภสัชบริษัท