x close

ครูรัก เปิดใจ หลังหย่าภรรยา สุดช้ำ ลูกร้องไห้ อยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกัน

              ครูรัก ศรัทธา เปิดใจ หลังหย่าภรรยาเด็กอายุห่าง 24 ปี พ้อ ไม่น่าทำให้ลูกเราต้องเจอภาวะนี้ ไม่อยากให้เขาเป็นเด็กมีปัญหา เป็นเด็กบ้านแตก

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

              ก่อนหน้านี้ทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อย เมื่อ ครูรัก ศรัทธา นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโชว์ใบหย่ากับภรรยาต่างวัย ตู่ ดวงหทัย ที่อายุห่างกันถึง 24 ปี หลังคบหากันมานาน 8 ปี และแต่งงานมีลูกด้วยกัน 1 คน ล่าสุด ครูรัก มาเปิดใจ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ผอมเลยพี่ ลงไปกี่โล ?

             ครูรัก : 11-12 กิโลครับ ตอนนั้นป่วยเส้นเลือดในสมองแตก ปี 58 ตอนนั้นก็ไปทำงานแล้วเกิดอาการเวียนหัว จะคลื่นไส้ เหงื่อแตก เราก็ไม่รู้คิดว่าจะเป็นลม เพราะเราก็ไม่เคยเป็นลม แล้วพอเป็นปุ๊บก็รู้สึกปวดตั้งแต่ท้ายทอยไปจนถึงกลางหลังเหมือนเราตกหมอน ซึ่งอยู่ดี ๆ มันก็เป็นขึ้นมา ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นลมแล้ว พอดีที่ไปทำงานชั้นบนเขามีโรงพยาบาลก็ขึ้นไปวัดความดัน ผลออกมา 280 นั่นคือมันแตกไปแล้วขึ้นรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลไปทำ ทีซีสแกน คุณหมอก็มาบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก มีเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมอง

มาที่เรื่องหัวใจบ้าง 8 ปีที่พี่แต่งงานมาจบลงแล้วมันเกิดจากอะไร ?

             ครูรัก : มันไม่มีสาเหตุหลัก ๆ เช่น ว่ามีการนอกใจ ผมเจ้าชู้ ไปติดพนัน ขี้เหล้า เมายา ติดเพื่อน มันไม่มี มันเหมือนความรักมันค่อย ๆ ลดลง

เรื่องอายุเกี่ยวไหม ห่างกัน 24 ปี ?

             ครูรัก : ก็คงเกี่ยวแหละ เหมือนพอเวลาผ่านไปเขาเริ่มโตขึ้น เราก็เริ่มแก่ลง ความรู้สึกที่มันโตขึ้น ความต้องการในการมีครอบครัวมันอาจจะมีจุดเปลี่ยน เราก็ตอบไม่ได้ แต่ว่าขอยอมรับว่าตัวเราไม่สามารถที่จะประคับประคองได้ ก็ด้วยนิสัยของเราด้วย การที่พยายามมีเหตุผลมาก การที่เหมือนขัดแย้งกันแล้วเราพยายามทำให้เขาเข้าใจไปสั่งสอนเขาเยอะ มีเหตุผลตลอดเวลาทุกเรื่องมากมาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความรักมันลดน้อยลง แล้วพอมันลดน้อยลงเราก็รู้สึกว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มันกลับกลายมาเป็นความขัดแย้ง ทะเลาะกันมากขึ้น ทะเลาะกันง่ายขึ้น จากเดิมที่เรารักกันมันก็มีความอดทน ความอภัย ความเข้าใจ รวมไปถึงพอมีลูกด้วยมันก็เหมือนว่ามีภาระความรับผิดชอบ เหนื่อยกันมากขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าเราเป็นคนที่ผิดเองที่ไม่สามารถจะทำให้เขาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่มีความสุขไปตลอด รอดฝั่งได้

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ทะเลาะกันมาเรื่อย ๆ แล้วอะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจแยก ?

             ครูรัก : มันไม่มีเหตุอะไรที่มันเป็นเหตุหลัก พอทะเลาะกันบางคำพูดของเรามันก็ไปทำร้ายจิตใจเขา เขาก็จะรู้สึกว่าเราไม่เข้าใจเขา เราทำร้ายจิตใจเขา คือเราก็พยายามคุยกันเพื่อที่จะหาวิธีแก้ไขด้วยกันตลอด เราก็ไม่อยากให้ลูกมีปัญหา ประมาณ 2 ปีที่เราพยายามลองวิธีนู้น วิธีนี้ เปลี่ยนแปลงตัวเราหรือพยายามทำความเข้าใจ มองข้ามบางประเด็นอะไรอย่างนี้ แต่ก็ประเมินว่าเรื่องหลัก ๆ ก็คือความรู้สึกที่มันเปลี่ยนไป

ใครเป็นคนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ ?

             ครูรัก : ทางเขามันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราแย่เอง เขาบอกเราว่าไม่อยากทนแล้ว ไม่อยากทะเลาะกันให้ลูกเห็น ก็เลยเกิดความรู้สึกว่าแยกกันอยู่ดีไหม เผื่อว่าในช่วงแรกเรายังคุยกันว่ามันอาจจะดีขึ้นได้ การที่แยกไปต่างคนต่างได้คิดทบทวน อาจจะคิดถึงกัน และอาจจะรู้สึกว่าสุดท้ายกลับมา มันก็ยังอยู่ในวิถีที่เราคาดหวังว่ามันจะดีขึ้น

แล้วเรื่องลูกตกลงกันยังไงบ้าง ?

             ครูรัก : เนื่องจากผมต้องทำงาน แม่ก็จะดูแล เพราะต้องไปรับ ไปส่งที่โรงเรียน ส่วนเราบางทีเรามีงานเช้าเราก็ไปส่งลูกไม่ได้ หรือเราเลิกงานดึกก็ไปรับลูกไม่ได้ก็คิดว่าแม่เขาจะดูแลได้ดีกว่าเราเยอะ

มีร้องไห้คนเดียวไหม ?

             ครูรัก : มี ๆ มันรู้สึกเคว้งคว้าง มันรู้สึกเหงา แล้วมันเติมมาด้วยความรู้สึกผิดของเราที่เราไม่สามารถประคับประคองความรักหรือความเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ได้ แล้วเราต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ คนเดียว โดยที่เขามีสิ่งแวดล้อมใหมที่ไม่มีเรา

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ตอนนั้นพี่รู้สึกสูญเสียหรือเสียศูนย์มากกว่ากัน ?

            ครูรัก : ทั้งสองอย่าง เอาจริง ๆ ถ้าไม่มีลูกมันจะไม่แย่แบบนั้น มันแย่เพราะมันมีลูก พอบางทีรับลูกมาลูกร้องไห้ว่าอยากเป็นเหมือนเด็ก ๆ จังเลย กลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหม อันนี้โหดสุด เราก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็น อยากให้เขารู้สึกว่าให้เขามั่นคงมากที่สุด อยากให้เขารู้สึกว่ายังมีพ่อที่เขาพึ่งได้ เราก็พยายามอธิบายให้เขาฟังว่ายังไงพ่อก็รักลูกมากที่สุด แม่ก็รักลูกมากที่สุด หัวใจของพ่อ แม่ ก็คือลูกคนเดียว

วันแรกที่แยกกันแล้วพี่กลับมาบ้านมาเห็นสิ่งของของลูกและภรรยาก็ไม่อยู่ มีความคิดสักแวบไหมที่แบบไม่อยากอยู่แล้ว ?

            ครูรัก : วันแรกไม่คิด อยู่ไปเรื่อย ๆ มันเริ่มแบบกัดกร่อนต้องที่ว่าเราได้รับการยอมรับว่าเราเก่ง เราช่วยคนนู้น คนนี้ เราสอนคนนู้น คนนี้ได้ แต่ตัวเองเอาไม่รอด แล้วมันเป็นเรื่องเบสิก เรื่องครอบครัว มันเหมือนกับว่าความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด เรารู้สึกว่าเราผิด สิ่งที่รู้สึกมากก็คือเราไม่น่าทำให้ลูกเราต้องเจอภาวะนี้ ไม่อยากให้เขาเป็นเด็กมีปัญหา เป็นเด็กบ้านแตก เราก็เก็บทุกอย่างมา รวมไปถึงช่วงนั้นเรื่องงาน เรื่องอะไร มันก็ล้มเหลวหลายเรื่องมากในจังหวะเดียวกัน มันก็เกิดความรู้สึกว่าเราเป็นคนไม่ได้เรื่อง เราเป็นคนห่วยแตก เราเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ล้มเหลวทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว แล้วมันก็วนลูปอยู่อย่างนี้ ความสงสารลูก ความอะไรต่าง ๆ มันก็เลยรู้สึกว่าเราไม่มีค่า ความภาคภูมิใจทั้งหมดก็หายไป

            ครูรัก : พยายามโทร. คุยกับพี่สาวว่าตอนนี้มันแย่มาก รู้สึกความภาคภูมิใจในตัวเองมันหายไปหมด ด้วยเรื่องนี้เรื่องเดียว ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้ไปมันก็คงไม่มีผลอะไร เราหายไปคงไม่มีใครมาเสียใจ ชีวิตมันก็แค่นี้ แต่พอคิดถึงลูกยังเล็ก มันก็เป็นจุดจุดหนึ่งที่ทำให้เราสู้ต่อไป ถึงแม้เราแยกกันเราก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเขา อันนั้นเป็นจุดหนึ่งที่เราต้องอยู่ ถึงแม้จะอยู่แบบไร้คุณค่า อยู่ไปก็ไม่เห็นรู้สึกว่าเราสำคัญ มันก็เป็นแบบนี้ไม่อยากทำไรเลย ไม่อยากจะลุกจากเตียง ซื้อหนังสือมาก็ไม่อยากอ่าน มันไม่มีแรงบันดาลใจ

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

              ครูรัก : ตอนนั้นคาแรกเตอร์เปลี่ยน ไปทำงานก็ไปแค่รับผิดชอบในหน้าที่ พอเลิกงานไปมันก็เป็นบ้านที่มืด ๆ เงียบ ๆ จากเมื่อก่อนมีเสียงลูก ได้กินข้าวด้วยกัน ความคิดเราก็จะวนกลับมาอีกแล้วว่าเรามันไม่มีค่า จะอยู่ไปทำไม เราอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร มันไม่มี เพื่อนโทร. มาชวนไปเที่ยวเราก็ไม่ไป เริ่มรู้สึกแย่แล้ว ถ้าอยู่แบบนี้ เราก็พยายามเสิร์จหาข้อมูลอาการแบบนี้อีกนิดหนึ่งมันจะทำให้เคมีในสมองไม่สมดุล คราวนี้ไม่ใช่เรื่องใจแล้ว มันเป็นเรื่องกาย ต้องไปพบแพทย์ ต้องกินยาก็รู้สึกว่า เห้ย ไม่ควรแล้ว เราต้องหาอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจไม่งั้นอยู่อย่างนี้มันจะดิ่งลง ๆ

มีโมเมนต์ไปง้อเมียให้กลับมาอยู่ด้วยกันไหม ?

              ครูรัก : ก็มันทำมาเต็มที่แล้ว ก่อนที่จะถึงจุด ๆ นั้น มันก็อยากไปนะ แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ค่อยอยากคุย อยากเจอ มันยังมีความกรุ่นอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเพราะตัวเราด้วย บางทีคิดว่าเขาอาจจะทนไม่ไหวแล้วเราไม่อยากไปฝืน เพราะฝืนไปก็เท่านั้นเหมือนเราเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ดึงเขามาอยู่ในจุดที่เขาเป็นทุกข์ มันก็เลยคิดว่าถ้ามันคือความสุขของเขามันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะดึงเขากลับมา

ส่วนหนึ่งของความเศร้า พี่ยังรักภรรยาเก่าอยู่ ?

              ครูรัก : ความรักมันก็ไม่เท่าเดิม มันจะมีบางช่วงที่เรารู้สึกว่าเรารักเขา แต่เขาไม่ได้รักเราแล้ว ซึ่งมันทุกข์มากเหมือนกัน เราก็พยายามคิดว่าถ้าเราไม่รักเขาเมื่อไรมันก็จะเบาลงเมื่อนั้น

ถ้าเกิดมีผู้หญิงเข้ามาจีบพี่จะสนใจไหม ?

              ครูรัก : เขาคงเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก คือตอนนี้คิดว่าเป็นเรื่องยากนะ ถ้าเราจะมีใครสักคนมาในจังหวะที่เรายังต้องรับภาระเรื่องครอบครัวของเรา แล้วก็ลูกเราก็ยังเล็ก ยังต้องการการโฟกัสเยอะ คนคนนั้นจะต้องมีความเข้าใจระดับซูเปอร์แมน เพราะว่าส่วนใหญ่เราไม่สามารถทุ่มเทกับเขาได้ เรายังต้องโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องลูก การให้เวลา การให้ทุนทรัพย์อะไรต่าง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีคนที่พร้อมจะเข้ามาหรือมีความเข้าใจ เพราะฉะนั้นไม่ควรเลยที่จะดึงใครเข้ามาอยู่ในวังวนความทุกข์ตรงนี้ ถ้าเกิดลูกเริ่มโตแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง

            ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.35-14.35 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูรัก เปิดใจ หลังหย่าภรรยา สุดช้ำ ลูกร้องไห้ อยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกัน อัปเดตล่าสุด 22 สิงหาคม 2562 เวลา 10:02:05 33,332 อ่าน
TOP