ดูแลผมหลังตากฝน แบบง่าย ๆ เพื่อให้เส้นผมดูสวย ไม่แห้ง อับชื้น จะมีวิธีดูแลเส้นผมสำหรับคนที่ผมเปียกได้อย่างไรบ้าง ช่วงนี้ฝนตกบ่อยสาว ๆ มาดูกันไว้เลย
ในวันที่ฝนตก เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงไม่ค่อยพกร่มติดตัวกันสักเท่าไร ด้วยขนาดกระเป๋าที่เล็กเกินไป หรือไม่ก็อาจจะลืมถือมาจริง ๆ ทำให้บางครั้งต้องวิ่งฝ่าสายฝน เพื่อกลับไปยังออฟฟิศนั่งทำงานต่อ หรือต้องวิ่งตากฝนเพื่อกลับบ้านตอนเย็น จนทำให้เกิดความกังวลและข้อสงสัยว่าควรดูแลผมหลังตากฝนอย่างไรถึงจะไม่เป็นการทำลายเส้นผม แล้วถ้าเปียกฝน ไม่สระผมได้ไหม ?
ความจริงแล้วเส้นผมที่โดนน้ำฝนไม่ได้มีแค่เพียงความชื้นฝากทิ้งไว้เท่านั้น แต่สิ่งสกปรกและเชื้อโรคในน้ำฝนก็อาจจะตามมาติดบนผมเราได้แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นการสระผมทุกครั้งหลังเปียกฝนจึงคือสิ่งจำเป็น ซึ่งสาว ๆ ต้องทำเป็นอันดับแรกเมื่อกลับมาถึงบ้าน หรือถ้าไม่สะดวกจริง ๆ ก็ควรหาทางทำให้ผมแห้งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าปล่อยให้ผมเปียกนานจนเกิดความอับชื้นและเส้นผมมัน เพราะอาจจะทำให้เป็นไข้หวัดเอาได้
1. ซับผมให้แห้ง
หากตากฝนมาแล้วยังไม่ได้กลับเข้าบ้าน ควรหาผ้าหรือกระดาษทิชชูมาซับฝนให้แห้ง เพื่อไม่ให้มีความอับชื้น อีกทั้งสิ่งสกปรกที่มากับฝนก็จะได้ลดน้อยลงตอนซับน้ำฝนนั้นด้วย
2. เลี่ยงการมัดผม
เวลาเปียกฝนมาแล้วมีธุระต้องไปทำต่อ สาว ๆ หลายคนเลือกที่จะมัดผมปกปิดความเปียกชื้นบนหัวไว้เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นได้ แต่การมัดผมไว้อย่างนั้น อาจสร้างความอับชื้น และกลิ่นอับได้มากกว่าที่คิด ถ้าไม่มีกระดาษหรือผ้าซับจริง ๆ ทางที่ดีควรปล่อยให้ผมแห้งไปเองจะดีกว่า
3. เป่าผมให้แห้งสนิท
แม้ว่าฝนอาจจะตกไม่หนักและเส้นผมก็แค่ชื้นนิด ๆ ไม่ถึงขั้นเปียก ก็อย่ามองข้ามจนปล่อยให้ผมแห้งเอง เพราะบางครั้งความชื้นที่อยู่ในเส้นผมอาจทำให้เกิดกลิ่นอับหรือเกิดเชื้อราขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นควรใช้ไดร์เป่าผมจนแห้งสนิท จากนั้นก็ลงเซรั่มสำหรับเส้นผม 1 รอบ แล้วปิดท้ายด้วยการเป่าผมอีกครั้ง เพียงเท่านี้เส้นผมก็จะกลับมาสวยเหมือนตอนสระใหม่ ๆ แล้ว
4. ใช้หวีซี่ใหญ่ในการสางผม
ผมที่เปียกฝนมาจะมีความอ่อนแอมากกว่าปกติ หากใช้หวีแปรงหรือหวีซี่ถี่ ๆ มาจัดระเบียบทรงผมทันทีอาจทำให้ขาดร่วงได้ง่ายมาก เพื่อป้องกันปัญหานี้และจำเป็นต้องหวีผมจริง ๆ ก็หันมาใช้หวีซี่ใหญ่ในการหวีจะดีกว่า เท่านี้เส้นผมก็จะเรียงสวยแบบไม่ขาดหลุดร่วงแล้ว
5. อย่าใช้มือแตะผมบ่อยเกินไป
พอตากฝนจนผมเปียกปอนเหมือนเพิ่งสระผมมาหมาด ๆ สาว ๆ หลายคนก็จะติดนิสัยคอยสางผมอยู่เรื่อย ด้วยหวังว่าผมจะแห้งเร็วกว่าเดิม แต่การทำอย่างนี้จะยิ่งกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อผมแห้งจากฝนก็จะกลายเป็นคนผมมันแทนนั่นเอง
6. หมักผมล้างสิ่งสกปรก
สิ่งสกปรกที่มาพร้อมฝน แค่ใช้แชมพูสระออกอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องใช้การหมักผมล้างสิ่งสกปรกคู่กันด้วยจะดีที่สุด โดยใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 3 ถ้วย คนให้เข้ากันดี จากนั้นล้างผมด้วยน้ำเปล่า เอาแค่พอเปียกหมาด แล้วจึงเอาเบกกิ้งโซดามาล้างเส้นผม นวดวนประมาณ 3-5 นาที ปิดท้ายด้วยการสระผมตามปกติ เพียงเท่านี้ก็ล้างความสกปรกจากน้ำฝนออกไปได้หมดแล้ว
7. สระผมแบบครบขั้นตอน
การดูแลผมหลังฝนตกแบบถูกวิธีและดีที่สุด คงหนีไม่พ้นการสระผมแบบครบขั้นตอนนั่นเอง เริ่มจากล้างผมให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นประมาณ 3 นาที แล้วใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนสระและนวดลงไปบนหนังศีรษะ จากนั้นใช้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์มาบำรุงเป็นขั้นตอนสุดท้าย หมักไว้ 3 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น เป็นอันจบขั้นตอนกู้คืนผมสวยจากสายฝนได้ง่าย ๆ
คราวหน้าถ้าสาว ๆ ไปเจอกับพายุฝนจนผมเปียกปอน ลองเอาวิธีดูแลผมหลังฝนตกเหล่านี้ไปปรับใช้ดู รับรองว่าผมจะกลับมาสวยและไม่เป็นไข้หวัดเพราะสายฝนแน่นอน
ข้อมูลจาก : stylecraze.com, myhaircare.com.au, hairmnl.com
ความจริงแล้วเส้นผมที่โดนน้ำฝนไม่ได้มีแค่เพียงความชื้นฝากทิ้งไว้เท่านั้น แต่สิ่งสกปรกและเชื้อโรคในน้ำฝนก็อาจจะตามมาติดบนผมเราได้แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นการสระผมทุกครั้งหลังเปียกฝนจึงคือสิ่งจำเป็น ซึ่งสาว ๆ ต้องทำเป็นอันดับแรกเมื่อกลับมาถึงบ้าน หรือถ้าไม่สะดวกจริง ๆ ก็ควรหาทางทำให้ผมแห้งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าปล่อยให้ผมเปียกนานจนเกิดความอับชื้นและเส้นผมมัน เพราะอาจจะทำให้เป็นไข้หวัดเอาได้
ดังนั้นเพื่อช่วยให้สาว ๆ ได้ดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี กระปุกดอทคอมจึงมี 7 วิธีดูแลผมหลังตากฝน มาฝากกัน ทั้งการดูแลสำหรับคนที่ต้องไปทำงานต่อ และการดูแลสำหรับคนที่กลับถึงบ้านเรียบร้อย ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง มาดูเคล็ดลับกันเลยค่ะ
หากตากฝนมาแล้วยังไม่ได้กลับเข้าบ้าน ควรหาผ้าหรือกระดาษทิชชูมาซับฝนให้แห้ง เพื่อไม่ให้มีความอับชื้น อีกทั้งสิ่งสกปรกที่มากับฝนก็จะได้ลดน้อยลงตอนซับน้ำฝนนั้นด้วย
เวลาเปียกฝนมาแล้วมีธุระต้องไปทำต่อ สาว ๆ หลายคนเลือกที่จะมัดผมปกปิดความเปียกชื้นบนหัวไว้เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นได้ แต่การมัดผมไว้อย่างนั้น อาจสร้างความอับชื้น และกลิ่นอับได้มากกว่าที่คิด ถ้าไม่มีกระดาษหรือผ้าซับจริง ๆ ทางที่ดีควรปล่อยให้ผมแห้งไปเองจะดีกว่า
3. เป่าผมให้แห้งสนิท
แม้ว่าฝนอาจจะตกไม่หนักและเส้นผมก็แค่ชื้นนิด ๆ ไม่ถึงขั้นเปียก ก็อย่ามองข้ามจนปล่อยให้ผมแห้งเอง เพราะบางครั้งความชื้นที่อยู่ในเส้นผมอาจทำให้เกิดกลิ่นอับหรือเกิดเชื้อราขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นควรใช้ไดร์เป่าผมจนแห้งสนิท จากนั้นก็ลงเซรั่มสำหรับเส้นผม 1 รอบ แล้วปิดท้ายด้วยการเป่าผมอีกครั้ง เพียงเท่านี้เส้นผมก็จะกลับมาสวยเหมือนตอนสระใหม่ ๆ แล้ว
ผมที่เปียกฝนมาจะมีความอ่อนแอมากกว่าปกติ หากใช้หวีแปรงหรือหวีซี่ถี่ ๆ มาจัดระเบียบทรงผมทันทีอาจทำให้ขาดร่วงได้ง่ายมาก เพื่อป้องกันปัญหานี้และจำเป็นต้องหวีผมจริง ๆ ก็หันมาใช้หวีซี่ใหญ่ในการหวีจะดีกว่า เท่านี้เส้นผมก็จะเรียงสวยแบบไม่ขาดหลุดร่วงแล้ว
5. อย่าใช้มือแตะผมบ่อยเกินไป
พอตากฝนจนผมเปียกปอนเหมือนเพิ่งสระผมมาหมาด ๆ สาว ๆ หลายคนก็จะติดนิสัยคอยสางผมอยู่เรื่อย ด้วยหวังว่าผมจะแห้งเร็วกว่าเดิม แต่การทำอย่างนี้จะยิ่งกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อผมแห้งจากฝนก็จะกลายเป็นคนผมมันแทนนั่นเอง
6. หมักผมล้างสิ่งสกปรก
สิ่งสกปรกที่มาพร้อมฝน แค่ใช้แชมพูสระออกอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องใช้การหมักผมล้างสิ่งสกปรกคู่กันด้วยจะดีที่สุด โดยใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 3 ถ้วย คนให้เข้ากันดี จากนั้นล้างผมด้วยน้ำเปล่า เอาแค่พอเปียกหมาด แล้วจึงเอาเบกกิ้งโซดามาล้างเส้นผม นวดวนประมาณ 3-5 นาที ปิดท้ายด้วยการสระผมตามปกติ เพียงเท่านี้ก็ล้างความสกปรกจากน้ำฝนออกไปได้หมดแล้ว
การดูแลผมหลังฝนตกแบบถูกวิธีและดีที่สุด คงหนีไม่พ้นการสระผมแบบครบขั้นตอนนั่นเอง เริ่มจากล้างผมให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นประมาณ 3 นาที แล้วใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนสระและนวดลงไปบนหนังศีรษะ จากนั้นใช้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์มาบำรุงเป็นขั้นตอนสุดท้าย หมักไว้ 3 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น เป็นอันจบขั้นตอนกู้คืนผมสวยจากสายฝนได้ง่าย ๆ
คราวหน้าถ้าสาว ๆ ไปเจอกับพายุฝนจนผมเปียกปอน ลองเอาวิธีดูแลผมหลังฝนตกเหล่านี้ไปปรับใช้ดู รับรองว่าผมจะกลับมาสวยและไม่เป็นไข้หวัดเพราะสายฝนแน่นอน
ข้อมูลจาก : stylecraze.com, myhaircare.com.au, hairmnl.com