x close

แคนดี้ ควง แม่บานเย็น เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยเคยมีปาฏิหาริย์ถึง 2 ครั้ง !

          แคนดี้ รากแก่น ควงคุณแม่ บานเย็น รากแก่น เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสีย คุณพ่อเทพบุตร วิมลชัยฤกษ์ เล่าปาฏิหาริย์จากการทำบุญถึง 2 ครั้ง
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

          เป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เช่นเดียวกับ แคนดี้ และ โทนี่ รากแก่น ที่ก่อนหน้านี้ได้เสีย คุณพ่อเทพบุตร วิมลชัยฤกษ์ ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยโรคมะเร็ง โดยล่าสุด (5 กันยายน 2562) คุณแม่บานเย็น รากแก่น ได้ควงลูกสาว แคนดี้ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร พร้อมกับเผยสิ่งที่ติดค้างคุณพ่อมาตลอดชีวิต
 

- ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ ทำใจกันได้หรือยัง ?
 

          แคนดี้ : ดีขึ้นค่ะ ช่วงแรก ๆ พูดถึงคุณพ่อไม่ได้เลย แล้วก็รู้สึกเป็นหนักมาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
 

          แม่บานเย็น : ก็น่าจะอิ่มบุญอยู่ เพราะเราทำบุญให้เยอะมาก
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

- ขอย้อนคุณแม่กับคุณพ่อหน่อย แยกทางกันตั้งแต่อายุเท่าไร ?
 

          แม่บานเย็น : โทนี่ 2 ขวบ แคนดี้ 4 ขวบ
 

- พอจะเล่าได้ไหม เหตุผลที่แยกทางกันเพราะอะไร ?
 

          แม่บานเย็น : นานมากเลย ช่วงนั้นพูดยาก เรื่องมันเยอะ เอาเป็นว่าเราทัศนคติไม่ตรงกัน คนเราอยู่ด้วยกันได้คงจะเป็นตั้งแต่ชาติปางก่อนทำบุญร่วมกันมามากน้อยแค่ไหน คงจะเป็นลักษณะนั้นมากกว่า
 

- ตอนแยกทางกัน ลูก ๆ อยู่กับใคร ?
 

          แคนดี้ : อยู่กับฝั่งคุณพ่อ คุณอาและคุณย่าเป็นคนเลี้ยงที่มหาสารคาม
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

- ยากไหมสำหรับคุณแม่ที่จะปล่อยลูกไป ?
 

          แม่บานเย็น : ก็กินข้าวกับน้ำตาทุกวัน แต่เราก็ไปเยี่ยมอยู่นะ ถ้าว่างก็ไป
 

          แคนดี้ : จริง ๆ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่นาน ๆ ถึงจะมาหาที เพราะต่างคนต่างทำงานหนักทั้งคู่
 

- ตอนเด็ก ๆ แคนดี้ผูกพันกับคุณพ่อมาก ?

            
          แคนดี้ : ใช่ค่ะ ผูกพันกับทางฝั่งคุณพ่อ แต่กับคุณแม่แอบผูกพันกันลึก ๆ ในใจ คือเราจะรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เขามา เขาเป็นผู้หญิงตัวหอมแล้วสวย เราจะรู้สึกชอบ แล้วแคนดี้อยู่บ้านนั้นถึงอายุ 13 ปี คุณพ่อก็พาลูก ๆ ทั้ง 3 คนไปอยู่เมืองนอก และนี่ถือเป็นโอกาสแรกที่เราได้อยู่กับคุณพ่อ
 

- เห็นว่าพอโตขึ้นมาความสัมพันธ์กับคุณพ่อไม่ค่อยดีเท่าไร ?

            
          แคนดี้ : คือพอเราโตขึ้นมา คนเป็นลูกย่อมอยากได้เวลา อยากได้ความรักจากคุณพ่อ แต่สิ่งที่คุณพ่อเขาให้เราเหมือนเขาให้ทุนทรัพย์ ให้เงินมาเลี้ยงดู แต่มันไม่พอสำหรับความเป็นลูก ตอนนั้นเรารู้สึกว่าพ่อไม่ให้เวลาเรา ก็เลยแอบน้อยใจ แต่ตัวแคนดี้เนี่ยกลับมาอยู่กับคุณแม่หลังจากอยู่ออสเตรเลีย 2 ปี เราก็เลยไม่ขาด เพราะเรามีคุณแม่อยู่ แล้วเราก็จะสนิทกับคุณแม่มากกว่าตั้งแต่กลับมา
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

- ตอนช่วงไหนของชีวิตที่เราเริ่มรู้สึกว่าทำไมพ่อต้องไปทาง แม่ต้องไปทาง ?

            
          แคนดี้ : น่าจะหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่แยกทาง ไม่ได้คุยกันเลย แล้ววันหนึ่งคุณพ่อเดินทางไปอยู่ออสเตรเลีย เราเห็นว่าคุณพ่อไม่มีที่พักชั่วคราวที่จะรอขึ้นเครื่อง เราก็เลยถามคุณแม่ว่าให้พ่อมาอยู่ที่บ้านได้ไหม
 

          แม่บานเย็น : ช่วงนั้นแม่ไม่ได้คิดอะไร เพราะหลังจากที่เราไม่ได้คุยกัน เหมือนต่างคนต่างมีอะไรในใจ โกรธกัน พอวันนั้นเราก็คิดทำไมคุณพ่อถึงอยากมาอยู่ด้วย ตอนนั้นแม่ลืมพ่อไปเลย นึกถึงแต่หน้าลูกว่าลูกอยากให้พ่อมาอยู่ใกล้ ๆ ความเป็นแม่ก็เอาลูกไว้ก่อน ก็ยอมให้พ่อมาอยู่

            
          แคนดี้ : นั่นแหละค่ะที่ช่วงนั้นมีข่าวว่าคุณพ่อคุณแม่กลับมาคืนดีกัน แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ แค่ได้กลับมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เราเลยได้รู้ว่าจริง ๆ คุณพ่อก็รักเรานะ เราก็เลยเริ่มสนิทกัน แต่มันก็จะมีบางเหตุ คือตอนนั้นคุณพ่อเริ่มติดโซเชียล เขาก็จะเขียนบทความเยอะแยะมากมาย ซึ่งบางครั้งมันไม่ถูกใจซะทุกคน บางทีไปกระทบใครบางคนเขาก็จะมาใส่ที่เรา เตือนพ่อหน่อย บอกพ่อหน่อย ลบอันนี้ได้ไหม ไม่เขียนอันนี้ได้ไหม แคนดี้ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเราโดนเยอะจัง เราก็มีเคืองคุณพ่อนิดหนึ่ง ก็มีดุท่านไป ช่วงนั้นเหมือนลิ้นกับฟันเลย
 

- นานเท่าไรถึงจะทราบว่าคุณพ่อป่วย ?

            
          แคนดี้ : คุณพ่ออยู่ที่บ้าน 4-5 ปี คุณพ่อเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในตระกูลเลย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพ่อไปทำบุญที่เชียงรายกับแคนดี้ เราก็นั่งเครื่องไป คุณพ่อบอกว่าปวดหลัง เราก็ไปหายาแก้อักเสบมาให้คุณพ่อกิน คุณพ่อก็บอกว่าดีขึ้น เสร็จเราก็ไปทำบุญที่น่านต่อ แต่คุณพ่อก็ยังปวดหลัง เราก็หายาที่แรงขึ้นให้พ่อกิน หลังจากนั้นคุณพ่อก็ไปตระเวนทำบุญที่อื่น ๆ พอกลับมาถึงบ้านคุณอาที่เป็นน้องสาวคุณพ่อบอกว่า แคนดี้ดูพ่อหน่อย พ่อยังปวดหลังอยู่นะ โทนี่อาสาพาพ่อไปหาหมอ ไปตรวจร่างกาย เราสงสัยว่าพ่อเป็นโรคไต ก็ตรวจว่าเป็นนิ่วในไต ก็สลายนิ่ว หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ แคนดี้กับแม่ไปแสดงที่เกาหลี คนที่บ้านส่งรูปมาบอกว่าพ่อกินข้าวไม่ลงมา 2 วันแล้ว พอเรากลับมาเราก็ทำส้มตำให้พ่อ อยากให้พ่อเจริญอาหาร แต่ปรากฏว่าพ่อไม่ลงมากินเลย แคนดี้ก็เลยเดินไปที่ห้องพ่อ เอ๊ะ...ทำไมพ่อผิวเหลือง ๆ เราก็ถ่ายรูปไปให้อา อาก็ตกใจบอกว่ารีบพาไปหาหมอด่วนเลย พอเราพาไปหาหมอแล้วตรวจคัดกรองมะเร็ง ผลออกมาว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ตอนนั้นสมองเบลอไปหมด เป็นไปได้เหรอ พ่อนี่นะในชีวิตไม่เคยเข้าโรงพยาบาล นี่เป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก แล้วจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ถัดมาคุณหมอบอกว่าตกลงเป็นนะ และเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คือไม่มีเวลาเลย เราก็บอกว่าคุณหมอรักษาคุณพ่อยังไงก็ได้ ตอนนั้นสิ่งที่เรารู้ก็คือว่าเราไม่มีการเตรียมพร้อมเรื่องค่ารักษาใด ๆ ไม่มีประกัน ไม่มีอะไร 3 คนพี่น้องมองหน้ากัน เอาไงเอากัน จะรักษาพ่อให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตาม แต่คุณหมอบอกว่ามันรักษาอะไรไม่ได้แล้ว  ซึ่งคุณหมอได้บอกคุณพ่อเพื่อทำการรักษา ไม่งั้นคุณพ่อก็ไม่ยอมรักษา เขาก็จะมีวิธีการบอกคุณพ่อ แต่ภายในระยะเวลาอาทิตย์เดียวเราได้ทราบว่ามันลามไปหมดแล้ว
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

- ตอนที่รักษาพ่อเห็นว่ามีปาฏิหาริย์ด้วยเหรอ ?

            
          แคนดี้ : ใช่ ๆ มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกที่พ่อตัวเหลืองป่วยมาก ๆ ต้องขอบคุณเฮียโน้ส อุดม ที่นิมนต์พระมาให้คุณพ่อถึงโรงพยาบาลเลย 5 รูป มาให้ทำสังฆทาน ปรากฏว่าพ่อมีแรงลุกขึ้นมา ตัวหายเหลือง ตอนนั้นคิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ครั้งที่ 2 หลังจากที่คุณพ่อทรุดลง ไม่มีแรง พูดไม่ได้เลย ได้แต่มอง หมอมาแนะนำว่าจะให้คุณพ่อไปอย่างสบายที่สุด หนูก็พยายามพูดข้างหูคุณพ่อว่า คุณพ่อไม่ต้องคิดอะไรนะ ปล่อยวางทุกอย่าง แล้วหนูก็นิมนต์พระรูปเดิมมา ตอนนี้มา 7 พระท่านตั้งใจจะมาส่งพ่อขึ้นสวรรค์นั่นแหละ แต่ว่าพอมาถึงปุ๊บเราทำบุญ ทำอะไรเสร็จ พ่อพยายามยกมือไหว้ เราก็ถามว่าพ่ออยากพูดอะไรหรือเปล่า พ่อก็บอกว่า ขอต่อเวลาอยู่กับลูกได้ไหม เราก็บอกให้พ่อสู้ แล้วพ่อก็กลับมาจริง ๆ กลับมาพูดได้ แข็งแรง ลุกขึ้นมาคุยกับพวกเราได้ จากที่พ่อกำลังจะไปแล้ว คือสภาพคุณหมอให้เราเซ็นแล้ว เขาฟื้นจากการได้ทำบุญ


- แต่เห็นว่าวินาทีสุดท้ายไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ?
 

          แคนดี้ : มีค่ะ วันนั้นเป็นวันที่ทุกคนมา อานาง น้องสาวพ่อ ก็มา มีพี่ดา ผู้หญิงที่ดูแลพ่อจนถึงวินาทีสุดท้าย หนูมาแต่เช้าแล้วกะว่าจะอยู่กับพ่อ แล้วอยู่ดี ๆ โทนี่มาถึงแล้วบอกว่ากินข้าวกันเที่ยงพอดี ใจแคนดี้ไม่อยากลง ก็เลยบอกว่าทุกคนลงไปกินข้าวเลย แล้วอยู่ ๆ แคนดี้ก็ลุกขึ้นบอกว่าไปด้วย แล้วก็วิ่งตามเขาลงไปกินข้าว แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วพี่ดาก็โทร. มา บอกว่าแคนดี้ขึ้นมาด่วน นาทีนั้นวิ่งแบบไม่เห็นอะไรข้างหน้าเลย พอมาถึงปุ๊บพ่อไปแล้ว สติหลุด ลงไปนอนร้อง พ่อเขาเลือกไปตอนที่เราไม่อยู่ เขาบอกว่าถ้าเขาไปขอให้ทุกคนสงบ
 

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

- เห็นว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่แคนดี้ติดค้างในใจเกี่ยวกับคุณพ่อ ?

            
          แคนดี้ : คือเราคิดไปเองว่าคุณพ่อไม่ให้เวลาเรา จนเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่พ่อมาบ้านเรา เราจะแอบแหย่ว่า สงสัยพ่อไม่มีที่ไปหรือเปล่า พ่อถึงมาที่นี่  คือเราซื้อบ้านให้พ่อที่คลองหก พ่อก็ไม่ยอมไปอยู่ แล้วก็สงสัยพ่อไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาอยู่บ้านเราหรือเปล่า จนกระทั่งวันหนึ่งนั่งคุยกับพี่ดา แฟนของคุณพ่อ เขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่เริ่มคบกับพ่อ พี่ต้องแอบ ถ้าแคนดี้เดินผ่านต้องหลบ ถ้าไปดูคอนเสิร์ตห้ามให้แคนดี้เห็นนะ แล้วพี่ดาก็พูดมาเรื่อย ๆ บอกว่าอาทิตย์หนึ่งป๊าจะอยู่กับหนู 2-3 วันนะ ที่เหลือป๊าจะไปอยู่กับแคนดี้ ป๊าอยากอยู่กับลูก คือหนูแบบ..เรามองพ่อผิดมาตลอดเลย เรานึกว่าพ่อไม่มีที่ไปก็เลยมาอยู่กับเรา และหลังจากที่เรารู้หลาย ๆ เรื่อง แคนดี้โยนทุกอย่างออกไป หลังจากนั้นพ่อน่ารักที่สุดกับแคนดี้เลย


- คุณบุ๋ม ปนัดดา เขามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งแปลกในงานศพพ่อ ?

            
          แคนดี้ : มีค่ะ แม่บุ๋มเขาจะสัมผัสได้ ปกติแม่บุ๋มบอกว่าถ้างานศพแม่จะไม่ไป แต่งานนี้ต้องมาเพราะรู้ว่าจิตใจแคนดี้แย่ที่สุดแล้ว แม่บุ๋มมาถึงปุ๊บก็เล่าให้ฟังว่า ฉันเห็นพ่อแกยืนอยู่ตรงนั้น หนูรีบมองตามเลย แม่บุ๋มก็เล่าว่าพ่ออยู่ในงานนี่แหละ หนูกับน้องก็บอกว่า แม่บุ๋มถามพ่อให้หน่อยว่าชอบไหมงานที่เราจัดให้ แม่บุ๋มบอกว่าฉันไม่รู้ ฉันถามไม่ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้พ่อแกเดินถ่ายรูปกับทุกคน

            
          ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.30 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แคนดี้ ควง แม่บานเย็น เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยเคยมีปาฏิหาริย์ถึง 2 ครั้ง ! อัปเดตล่าสุด 6 กันยายน 2562 เวลา 10:11:24 11,682 อ่าน
TOP