x close

มอร์ริส เค วัยเด็กชีวิตรันทด ถูกครอบครัวอุปถัมภ์ทำร้าย-เตะตกชั้น 2-เลี้ยงเป็นคนใช้

          มอร์ริส เค เล่าชีวิตรันทด วัยเด็กถูกรังแกจากบ้านอุปถัมภ์ ไม่ให้เรียนหนังสือ เลี้ยงเป็นคนใช้ แก้แค้นเอาขี้หมาให้กิน-ถูกด่า ไอ้ดำ น้อยใจจนต้องเอาสก๊อตช์ไบรต์ขัดผิวจนเลือดออก
          ร้อนแรงและแซ่บต่อเนื่อง สำหรับรายการ “เรื่องลับมาก (no censor)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (10 กันยายน 2562) พิธีกรสาวมากความสามารถ ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี พาไปล้วงลึกชีวิต มอร์ริส เค นักแสดงหนุ่มซึ่งผ่านอะไรมาเยอะ
มอริส เค

กว่าจะเป็นผู้ชายมีรอยยิ้มสดใส วีรกรรมตอนเด็กแสบสุด ๆ ?

          มอร์ริส เค : แน่นอนที่สุด

เคยเอาไม้เสียบลูกชิ้นไล่แทงเพื่อน ?

          มอร์ริส เค : เสียบแก้มเพื่อนจริง แต่ผมไม่ได้เอาไม้ไล่แทง ณ ตอนนั้นตอนประถม เราโดนเพื่อนแซว เพื่อนเข้ามาจะต่อย แต่ขณะนั้นเรากำลังกินปลาหมึกย่าง เกิดการไฟต์กับเพื่อนขณะถือไม้ปลาหมึกย่าง พอแยกกันไม้ปลาหมึกย่างก็ไปอยู่ที่แก้มเพื่อน หลังจากนั้นเราก็โดนเยอะมาก โดนทั้งครูตี ที่บ้านตี โดนประณามหยามเหยียดหนักมาก

ครูที่โรงเรียนเรียกคุณไปพบและบูลลี่ครั้งสำคัญ พูดจาบางอย่างจนเป็นแผลในใจ ?

          มอร์ริส เค : ใช่ ก็เกิดจากกรณีนี้แหละ และครูโกรธมาก ครูบอกว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะเป็นพันธุกรรม อาจด้วยครูโกรธมาก เราเป็นคนมีเรื่องกับเพื่อนแทบทุกวัน เพื่อนชอบล้อ แกล้ง แหย่ เราก็ปกป้องตัวเองไม่อยากให้ใครมาว่าเรา

เพื่อนใช้คำพูดอะไรล้อเลียน ?

          มอร์ริส เค : โหย ไอ้ดำ ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ที่เจ็บกว่านั้นคือแม่เป็นโสเภณี โอ้โห หรือแม้แต่ที่เราโดนเรียกบ่อย ๆ คือข้าวนอกนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราโกรธมาก โกรธเขาและโกรธพ่อแม่เราด้วย ทำไมทำให้เราต้องมาเจออะไรแบบนี้

ผ่านมาได้ยังไง ?

          มอร์ริส เค : เราต้องทำตัวไม่อ่อนแอ ตอนแรกเราพยายามหนีแต่ไม่รอด เราโดนตลอด ตอนหลังเราต้องทำตัวกร่าง ทำตัวใหญ่เพื่อปกป้องไม่ให้ใครมาล้อ ใครมาล้อเราต่อย ใครมาล้อเราก็ทำร้ายร่างกาย เพื่อไม่ให้เขามายุ่งกับเรา

มอริส เค

นอกจากผิวดำยังเป็นอันธพาล ?

          มอร์ริส เค : โดนมองว่าเป็นแบบนั้นเลย

แต่ก็เป็นปมในใจเรื่องผิว คุณเอาสก๊อตช์ไบรต์ขัดตัวให้ขาว ?

          มอร์ริส เค : จริง เพราะเราโดนว่าเยอะมาก จนเรารู้สึกว่าเราก็ไม่อยากโดนล้อ ไม่อยากแตกต่าง ไม่อยากให้ใครล้อเรา วันนั้นสิ่งหนึ่งเรารู้ว่าสิ่งที่จะทำให้เราไม่แตกต่างคือเราต้องเหมือนเขา เรากลับบ้านเห็นสก๊อตช์ไบรต์ขัดหม้อขาว มันก็น่าจะขัดผิวเราให้ขาวได้ ขัดไปก็แสบมาก เลือดออกซิบ ๆ ตอนนั้นเป็นความรู้สึกไม่ไหวแล้ว
 
คุณเอาขี้หมาผสมน้ำให้คนที่บ้านกินเพราะอะไร ?

          มอร์ริส เค : เพราะที่บ้านชอบใช้ความรุนแรง ใช้งานเราเยอะ บางทีเราก็ขี้เกียจ เวลาเราโดนตีมาก ๆ ทำอะไรเขาไม่ได้ หน้าที่เราทำหน้าที่เก็บขี้หมา กรอกน้ำ กวาดบ้าน  วันนั้นโดนตีมาก ๆ โดนทำร้ายมาก ๆ เราก็เก็บขี้หมาให้มือเลอะ ๆ แล้วเอามือนั้นไปกรอกน้ำแล้วใส่ให้เขากิน มันคงเป็นความแก้แค้นที่เราไม่รู้จะทำอะไรได้

คุณเคยถูกเตะตกจากตึกสองชั้นแล้วโดนกระทืบซ้ำอีก ?

          มอร์ริส เค : คนนี้เขาเลี้ยงนก แล้วนกพิราบของเขาต้องกินข้าวตรงเวลา วันนั้นเขาบอกให้ผมให้อาหารนกตอน 5 โมงเย็น น้องชายเขาใช้ให้ผมทำงานจนปลีกตัวไม่ได้ เลยเวลามายี่สิบนาที ไม่ได้ให้ข้าวนก พอเขารู้ ก็เรียกผมไปกรงนกชั้นสอง เขาก็โมโห ตบตีผมจากตรงนั้น จนผมตกมาชั้นนึงก็คิดว่าจบแล้ว แต่เขาก็รีบลงมากระทืบและเตะซ้ำอยู่ตรงนั้น

ทำไมต้องอยู่ตรงนั้น ?

          มอร์ริส เค : เพราะผมไม่รู้จะไปไหน ไปไหนไม่ได้ เขาคือครอบครัวที่เอาผมไปเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเลี้ยงเด็กอยู่ในบ้านประมาณ 7 คนได้

ต้องทนมากี่ปี ?

          มอร์ริส เค : 17 ปี กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาก ๆ ตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคืออดทน

มอริส เค

หลุดออกมาได้ยังไง ?

          มอรืริส เค : พอเราอายุ 17 เราไม่ได้เรียนหนังสือ เรามีเวลาว่างมาก เขาให้เราอยู่ในบ้านอย่างเดียว แล้วเรารู้สึกเราอยากมีคุณค่ามากกว่านี้ ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ถามว่าเขาเลี้ยงเราดีมั้ย โอเค เรามีที่นอน เรามีอาหารการกิน แต่ความสุขทางใจเราไม่มี แล้วต้องโตไปเรื่อย ๆ โดยเราไม่ได้เรียนหนังสือ เราอยากมีชีวิตที่ดี นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่ไหวแล้ว เราต้องการเรียนหนังสือ ก็ขอเขาเรียน เขาก็ไล่เราออกจากบ้าน
 
เขาเลี้ยงคุณเพื่อเป็นคนใช้ ?

          มอร์ริส เค : ใช่

ทุกวันนี้เขาทำแบบนั้นไหม ?

          มอร์ริส เค : ทุกวันนี้คงไม่ทำแล้ว เพราะเขาแก่มากแล้ว

คุณมาประกวดโดมอนแมน แรงบันดาลใจหรือใครชวน ?

          มอร์ริส เค : ไม่มีใครชวน ครั้งแรกที่มาประกวดเพราะมีเพื่อนผมคนหนึ่งทำงานด้วยกัน เป็นลูกครึ่งผิวขาว เขาหน้าตาดี วันหนึ่งที่เราทำร้านอยู่ด้วยกัน เจ้าของโดมอนชี้มาที่เราว่าไอ้นี่น่าจะประกวดนายแบบได้ดี ตอนนั้นเรารู้สึกว่าไอ้นี่มาเปรี้ยวเรา เราก็จะเข้าไปหาเรื่องเขา แต่พอคุยกับเขาก็โอเค เข้าใจแล้ว แต่เราไม่ไปหรอก เราผิวดำ คิดว่าเขาคงไม่ยอมรับหรอก นายแบบผิวดำ ตอนนั้นยังไม่มี แล้วเพื่อนผิวขาว หน้าตาดีมาก เขาอยากประกวด ก็ชวนผมไปประกวด รุ่งขึ้นไปกรอกใบสมัครโดมอนเลย แล้วคนที่รับสมัครเขาบอกว่าเราไม่สมัครด้วยล่ะ ผมก็บอกว่าผมไม่มีตังค์ เขาบอกไม่เป็นไร เขาให้ฟรี เราก็กรอกเล่น ๆ คิดว่าขำ ๆ ชีวิตพลิกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ได้ตำแหน่งอะไร ?

          มอร์ริส เค : รองอันดับหนึ่ง ปี 1988 ชีวิตเปลี่ยนมาก ตอนนั้นงานทุกอย่างวิ่งเข้ามา โดยเฉพาะงานเดินแบบ เริ่มมีงานแสดง งานอะไรเข้ามา

มอริส เค

เข้าวงการ คุณเป็นพิธีกรชื่อดัง ทำหลายรายการประสบความสำเร็จ เป็นแดนเซอร์ชื่อดัง แต่เวลาไปตามงาน ก็ยังเจอเจ้าของงานบอกว่าอย่าไปใกล้มันเดี๋ยวสีดำติด ?

          มอร์ริส เค : เป็นอะไรที่โหดมาก ตอนนั้นผมไปในฐานะแดนเซอร์ให้เจ เจเขาไปงานจ้างต่างจังหวัดและไปที่บ้านเจ้าของงาน ไปเอนเตอร์เทนเขา ลูก ๆ ของเขาเห็นเราก็อยากถ่ายรูปกับเรา แต่คนเป็นเจ้าของงานบอกว่า เฮ้ย อย่าเข้าไปใกล้มัน มันดำ เดี๋ยวติด เขาอาจพูดเล่น คิดว่าตลก แต่มันไม่ตลก คนที่รู้สึกมากที่สุดคือเพื่อนเจ เขาออกอาการเลยนะ พูดแบบนั้นกับเราได้ยังไง ให้กำลังใจพวกเรา
 
วงการเรียกคุณป้ามอ แต่ที่ช็อกคือเพิ่งรู้ว่าคุณเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ?

          มอร์ริส เค : ใช่ครับ ตั้งแต่ผมเริ่มเข้าวงการ เรารู้จักกันตอนอายุ 24 ผมเข้าวงการแล้ว ตอนนั้นไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่รู้สึกดีจังที่มีคนสนใจเราและอยากคบเรา เรารู้สึกว่าผู้ชายต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง สังคมทำให้เราต้องคิดแบบนั้น เราก็คุยกัน ที่ชอบคือเขาลูกครึ่งเหมือนกัน เขาผิวสีเหมือนกัน เขาเป็นนางแบบที่อเมริกา ปีนึงหรือสองปีเขามาเมืองไทยที เราก็ติดต่อเรียนรู้กันไป 10 ปี 10 ปีที่รู้จักกันมา

ความสัมพันธ์ไปขนาดไหน ?

          มอร์ริส เค : เหมือนแฟนทั่วไป
 
คุณก็ไม่ได้สไตล์สาวอย่างเดียว ?

          มอร์ริส เค : ถูกครับ
 
จุดเปลี่ยนไม่เอาผู้หญิง ?

          มอร์ริส เค : เป็นเรื่องความรับผิดชอบ เรารักใครสักคนและไม่สามารถดูแลเขาได้ อย่ารั้งเขาไว้ดีกว่ามั้ย เรารู้สึกว่าถ้าแต่งงาน เรายังไม่สามารถเลือกความชัดเจนทางเพศได้ รู้ใจตัวเองมาพอสมควร แต่ถามว่าทะเลาะกับตัวเองบ่อยมั้ย บ่อยมาก เพราะสังคม ศาสนาที่นับถือเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เราก็พยายามทำให้ถูกต้อง เรามีแฟนเป็นผู้หญิง เราอยู่กับเขา เรามีความสุข แต่ถ้าเราได้อยู่กับผู้ชายเราจะอบอุ่นมากขึ้น

มอริส เค

เขารู้ไหมคุณเป็นป้ามอ ?

          มอร์ริส เค : เขารู้ตั้งแต่คบแล้ว เราบอกว่าผมอยู่กับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ คุณโอเคเปล่า เขาก็โอเค วันหนึ่งเราไปอี๋อ๋อกับผู้ชาย นางเห็นก็หน้าเหวี่ยงมา และจะกลับเลย เขาบอกเขาทนไม่ได้ เราก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องเคลียร์ ถ้าผมต้องแต่งกับคุณ เพราะเรามีแพลนจะแต่งงานกัน ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ อย่าอยู่เลย ผมไม่สามารถดูแลคุณให้มีความสุขได้ตลอด

ใครจะรับได้ที่สามีเป็นภรรยาคนอื่น ?

          มอร์ริส เค : ถามว่าปัจจุบันนี้มีมั้ย (หัวเราะ)

เราไม่เคยเห็นคุณคบผู้ชายเป็นตัวเป็นตนเพราะอะไร ?

          มอร์ริส เค : เรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เรารู้สึกว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ถูกจับตาของสังคม เราก็พยายามทำให้ทุกสังคมไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะในสังคมของศาสนา เราคิดว่ามันเป็นความผิดพลาด เป็นอุบัติเหตุทางอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกขาดความอบอุ่นจากผู้ชายเพราะเราไม่มีครอบครัว จนทำให้เราไขว่คว้าตรงนั้นมั้ย แต่ถามว่าอยากเป็นคู่กับใครมั้ย ไม่มีความอยากเป็นคู่กับใคร

เพราะคนเข้าหาไม่ได้แสดงความจริงใจ ต้องการเงินจากคุณหรือเปล่า ?

          มอร์ริส เค : สิ่งหนึ่งเข้ามาเพราะเห็นเราเป็นบันได เป็นสายเปย์ ซึ่งเราเป็นเรียลเลิฟ (หัวเราะ) ต้องรักฉันในแบบที่ฉันเป็น ซึ่งคนเหล่านั้นมันไม่มี ก็เลยคิดว่าฉันไม่ต้องมีใครก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีแฟน เพราะเป็นคนขี้รำคาญมาก ถ้านอนกับใครบนเตียงเดียวกัน ผมหลับไม่ได้ เพราะมันไม่สบายตัว ผมมีความสุขด้วยตัวเองจนไม่ต้องมีใครก็ได้

คุณอยากเจอพ่อที่แท้จริง โหยหา ?

          มอร์ริส เค : เราเกิดมาก็อยากรู้ว่าต้นตอมาจากไหน ผมโหยหามาสองอย่าง โหยหาแม่และโหยหาพ่อ เจอแม่ตอนอายุ 30

มอริส เค

ตอนมีคุณ แม่บอกพ่อเป็นคนไทย ?

          มอร์ริส เค : ผมเป็นลูกเชื้อสายใต้ แม่ผมมีสามีอยู่แล้ว แม่ผมไปป๊ะพ่อผม ออกมาเป็นผม ตอนออกมาสามีคนแรกที่เป็นคนไทยก็ยังอยู่ ผมก็แตกต่างจากคนอื่น ผมหัวดำ ผิวหยิก พ่อคนไทยก็ถามว่าทำไมคล้ำจัง แม่บอกก็มันเป็นลูกเชื้อสายทางใต้ไง ผมเข้าใจว่าแม่พูดปกป้องตัวเอง แล้วพ่อเป็นคนจันทบุรี (หัวเราะ) แม่ก็เอาตัวรอดไปได้ จนเมื่อเราไปอยู่ครอบครัวนั้น สามีคนแรกเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป แม่ก็ต้องการมีสามีคนที่สอง เพราะตอนนั้นแม่มีลูกเยอะมาก เพราะลูก 5 คนแล้ว รวมผมเป็น 6 คน พอได้สามีคนนี้เราก็ต้องออกไป ออกหลายคนเหมือนกัน เราออกไปอยู่กับคนอื่นเลยโดยไม่ใช่ญาติ และแม่ไปมีสามี มีลูกอีก 5-6 คน แม่แซ่บมาก (หัวเราะ)

คุณเริ่มต้นยังไง ทำไมตามหาพ่อ ?

          มอร์ริส เค : แม่ไม่บอกว่าพ่อชื่ออะไร ไม่มีรูปพ่อ รู้แค่ว่าพ่อมาเจอแม่ที่ฉะเชิงเทราแค่นั้น พอเราเป็นนักแสดง เพื่อน ๆ ก็บอกว่าจะช่วยหาพ่อ พ่ออยู่หน่วยไหน ข้อมูลไม่มีอะไรเลย

คุณติดต่อไปทางธนาคารดีเอ็นเอที่อเมริกา ?

          มอร์ริส เค : ถูกต้อง เพื่อนเป็นลูกครึ่งที่อเมริกา เขาก็ตามหาพ่อเหมือนกัน เขาบอกว่ามีนวัตกรรมแบบนี้ แล้วง่ายมาก แค่มีหลอดแล้วคุณถุยน้ำลายลงไปส่งไปอเมริกา เขาก็จะบอกได้เลยว่าญาติโกโหติกาอยู่ที่ไหนบ้าง ผมทำเดือนกุมภาพันธ์ พอมีนาคม ผมรู้ผลเลย

พ่ออยู่เมืองไหน ?

          มอร์ริส เค : แอละแบมา คุณพ่อวางแผนว่ากรกฎาคม ปีหน้า เป็นเดือนเกิดของผม จะจัดแฟมิลี่มีตติ้ง จะเชิญญาติพี่น้องมาให้รู้จักว่านี่คือลูกชายอีกคนของพ่อ แต่ผมอยากเจอคุณพ่อก่อน เพราะตัวคุณพ่อเองก็อายุมากแล้ว เราอยากอยู่กับท่านแบบไพรเวต อยากกอด อยากคุย เวลาเจอพ่อ พ่อน่ารักมาก สนุกสนานมาก

วินาทีแรกที่เห็นหน้ากันทางเฟซไทม์ ?

          มอร์ริส เค : เฮ้ย คนนี้เหรอพ่อเรา จริงเหรอ สังเกตหน้าเขาตรงไหนคล้ายเราบ้าง เขาคล้ายเรามากน้อยแค่ไหน

มอริส เค

ตอนเราแสดงตัวเป็นลูกคนหนึ่ง ลูกคุณพ่อที่อยู่ที่โน่นเขาว่ายังไง ?

          มอร์ริส เค : ตอนแรกเขาช็อกก่อน ถามว่าแอนตี้มั้ย มีบ้าง ตอนที่เจอกัน พ่อก็ไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ ทุกคนอยากให้ตรวจดีเอ็นเอให้เคลียร์ พ่อบอกว่าไม่อยากตรวจ เพราะดีเอ็นเอฉันอยู่บนหน้ายูแล้ว มันชัดมาก แต่เราก็บอกว่าช่วยกรุณาตรวจเถอะ เพื่อความสบายใจของญาติ ๆ พอตรวจ รู้ว่าทุกอย่างโอเค พี่น้องคนอื่นก็ไม่สามารถอะไรได้แล้ว ต้องยอมรับ เพราะพ่อบอกว่ายอมรับในสิ่งที่ทำลงไป

เขากลัวคุณไปแย่งมรดกไหม ?

          มอร์ริส เค : คงไม่กลัวมั้งครับ เพราะพ่ออยู่ในฐานะข้าราชการบำนาญ สามารถอยู่ได้อย่างสบาย อีกอย่างพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เหลือเขาทำงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว

เพื่อนบางคนคุณไปตรวจดีเอ็นเอแบบคุณ แต่เขาไม่ยอมรับ ?

         มอร์ริส เค : ใช่ เป็นเรื่องน่าเศร้า บางคนเขาไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำ บางคนด้วยตำแหน่งหน้าที่ ฐานะทางสังคม มีชาติตระกูลทั้งหลายแหล่ มีหลายคนตรวจเจอพ่อแล้วพ่อไม่รับ แล้วเขาชีวิตแย่หนักกว่าเดิม เพราะเขารู้สึกเขาไม่มีตัวตนและเป็นคนไร้ค่า

อยากฝากอะไรถึงคนที่ถูกบูลลี่เหยียดหยาม ใช้คำตลกแต่คนที่โดนไม่ตลก ?

         มอร์ริส เค : อยากบอกทุกคน ไม่ว่าใครทำอะไรคุณ ไม่มีคุณค่า ไม่มีอิทธิพลไปมากกว่าสิ่งที่คุณจะทำกับตัวเอง ถ้าคุณไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง ก็ไม่สามารถทำให้คุณมีชีวิตดีได้หรือก้าวผ่านได้ จงให้กำลังใจตัวเอง มากกว่าที่จะทำลายตัวเอง ชีวิตเป็นของคุณ คุณเลือกได้ 
 
เสียใจไหม ตัวเองผิวดำ ผมหยิก ?

          มอร์ริส เค : ไม่เสียใจเลย และภูมิใจมาก ๆ ด้วย

มอริส เค

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มอร์ริส เค วัยเด็กชีวิตรันทด ถูกครอบครัวอุปถัมภ์ทำร้าย-เตะตกชั้น 2-เลี้ยงเป็นคนใช้ อัปเดตล่าสุด 19 พฤศจิกายน 2562 เวลา 17:22:53 25,561 อ่าน
TOP