ไผ่ พงศธร เผยเส้นทางเป็นนักร้องไม่ง่าย เคยขายลาบ-เหลือเงิน 5 บาท กินข้าวคลุกซอส

          ไผ่ พงศธร เผยชีวิตสุดทรหด ขึ้นกรุงเทพฯ มาขายลาบ สุดลำบากมีเงิน 5 บาท ต้องกินข้าวคลุกซอส เผยเคยดังจนลืมตัว ตวาดทีมงาน ทำคนรอบข้างไม่เข้าใกล้ สุดท้ายคิดได้ไปบวช
ไผ่ พงศกร

          เป็นอีกหนึ่งนักร้องขวัญใจประชาชน สำหรับ หนุ่มไผ่ พงศธร ที่เจ้าตัวนั้นมีผลงานเพลงออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังมากมาย แต่กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ มาเป็นที่รู้จักแบบนี้ หนุ่มไผ่ก็ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ล่าสุด ไผ่ พงศธร มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร

พอโตมาเราเป็นซุปตาร์อย่างนี้เลยไหม ?

          ไผ่ : สมัยก่อนผมเป็นลูกชาวนา สมัยก่อนผมไม่มีบ้าน ผมอยู่ทุ่งนา เวลาเดินไปเรียนต้องเดินไป 3-4 กิโล อาศัยเถียงนาเป็นบ้าน ในความลำบากตรงนั้นมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา แต่คนอื่นอาจจะมองว่าลำบาก

สถานะครอบครัวเป็นไง ?

          ไผ่ : ก็ชาวนาคนนึง พี่สาวส่งเงินมาทุกบาทมันมาลงที่เรา

ตอนเข้ากรุงเทพฯ มาอาชีพแรกที่ทำคืออะไร ?

          ไผ่ : ร้านลาบครับ ช่วงปิดเทอมเราก็มาช่วยตลอด แต่เราไม่ได้เป็นเงินเดือนนะ เขาอยากให้ก็ให้ เพราะมันคือธุรกิจทางบ้าน เราเคยพิสูจน์ตัวเองอยากทำงานที่อื่น แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ก่อนที่ผมจะมาช่วยเขาขายลาบ ผมเคยชกมวย ค่าตัว 150 บาท ไปซื้อรองเท้า เสื้อผ้าที่เราอยากได้ แล้วก็รำตามหมู่บ้าน

เส้นทางการเป็นนักร้องมันไม่ได้ง่ายเลย ?

          ไผ่ : มันชั่วข้ามคืน ก่อนที่ผมจะเป็นนักร้อง ผมรู้จักกับหยก ลูกหยี ซึ่งเป็นผู้จัดการคนแรกเลย พี่เขาพาผมไปนั่งดูเขาซ้อมเพลงในห้องอัดแถวลาดพร้าว แล้วอาจารย์สมพรเป็นคนถามผมว่าร้องเพลงเป็นไหม ผมก็ร้องเพลงให้เขาฟัง เขาก็บอกให้ทำเดโม่ หลังจากนั้นพี่หยกไปที่อุบลราชธานีแล้วไปเจอครูสลา ครูก็ถามว่าใครร้อง ครูบอกให้พามาเทสเสียง หลังจากนั้นผมก็กลับมาขายลาบเหมือนเดิม ขายอยู่เป็นปี เขาก็โทร. มาบอกว่ามาที่บริษัท ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะพาผมไปทำอะไร เขาก็ให้ผมเซ็นเอกสาร แล้ววันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเจอครูสลา

ช่วงก่อนที่เป็นนักร้องดังเคยลำบากเหลือเงิน 5 บาท ?

          ไผ่ : ช่วงนักร้องที่ลำบากน่าจะเป็นช่วงที่เซ็นสัญญา แล้วก็อยากพิสูจน์ตัวเองอยู่ด้วยตัวเอง ช่วงนั้นเหมือนเราเข้ามาใหม่ ๆ ไม่ได้มีอะไร ผมได้ว่าวันนั้นผมอยู่กับหลาน ผมเหลือเงินอยู่ 5 บาท เขาก็ไปทำงานกันหมดไม่รู้ทำไงก็ไปซื้อข้าวมาถุงนึงแล้วขอซอสเขามาคลุกข้าว แล้วก็กินน้ำประปา ในช่วงเวลานั้นก็มีการขึ้นรถเมล์ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเขา เพราะไม่มีเงินจ่ายเขาก็ไล่ลง

ช่วงนั้นลำบากสุดเลยไหม ?

          ไผ่ : ในตอนที่เราเป็นเด็กมันก็ลำบากแบบนั้นแหละพี่ เราใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตลอด มีก็กิน ไม่มีก็ไม่เป็นไร เมื่อก่อนอยากกินข้าวเราก็ถือแหไปหว่านก็ได้กิน แต่ชีวิตในกรุงเทพฯ มันไม่ง่ายเหมือนที่เราคิด สุดท้ายมันก็ไปจบที่ร้านลาบเหมือนเดิม ซึ่งหลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นศิลปินแกรมมี่ผมก็ไม่ได้ทำงานเลย 2 ปี หลังจากเซ็นจะได้ออกอัลบั้มชุดแรก และหลังจากนั้นบริษัทก็ช่วยเหลือให้ผมมาอยู่แถวรัชดา แล้วก็ไปวงพี่ไมค์

ตอนนั้นคนเริ่มรู้จักหรือยัง ?

          ไผ่ : ยังครับ ขนาดออกอัลบั้มยังไม่รู้จักเลย เงียบมาก 8-9 เดือน เขาจะถอดแล้ว คือมันไม่ไหวแล้ว ทำงานมันต้องได้กำไร ทางผู้บริหารก็คุยกับครูที่ดูแลผม
ไผ่ พงศกร

พีคมาก ๆ กับเพลง คนบ้านเดียวกัน ตอนที่ร้องเพลงนี้คิดไหมว่าจะดัง ?

          ไผ่ : ไม่คิดครับ เหมือนกันทุกอัลบั้ม เราทำงานเสร็จปุ๊บอยู่ที่คนฟังว่าเขาจะคิดยังไงมากกว่า เราก็ดีใจที่คนฟังเพลง หลังจากนั้นก็มีงาน มีเงินเยอะขึ้น

ณ จุดไหนที่เราดังมาก ๆ แล้วเริ่มที่จะฟุ้ง ?

          ไผ่ : ลืมตัวใช่ไหม ผมว่าคนมีชื่อเสียงหลาย ๆ ท่าน หรือนักร้องหลาย ๆ เขาเรียกว่าอะไร เราไม่เคยเจอ ทุกคนอวยเรา เราเริ่มรู้สึก สมัยก่อนเคยเดินไปตักน้ำแก้วนึง ทุกวันนี้เริ่มรู้สึกนั่งเฉย ๆ แล้วมีคนเอาน้ำมาให้ กลายเป็นช่วงนั้นเริ่มตวาดทีมงานทั้งที่ผมไม่เคยทำ จนรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเสียคนรอบข้างร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามว่ามีคนพูดไหม มันไม่มีคนพูดหรอก แต่ทุกคนเริ่มไม่เข้าใกล้ ผมก็เลยตัดสินใจไปบวชก่อนดีกว่า

อีกหนึ่งอย่างที่ไม่เคยรู้คือพี่ไผ่มีของดีไม่รู้ว่าได้มาจากเกจิอาจารย์ดังท่านใด ?

          ไผ่ : เป็นรอยเท้ากับฝ่ามือแม่ผม ผมไปหาครูบาอาจารย์เยอะมาก แต่ที่สุดแล้วครูบาอาจารย์ทุกรูป ทุกองค์บอกคำแรก คำเดียวเลยว่าไม่ต้องไปหาของดีที่ไหน อยู่ที่บ้านนั่นแหละ ถ้าเกิดไม่มีพระ 2 รูปนี้ คุณไม่มีเนื้อหนังมานั่งกราบพระอาจารย์อย่างผมหรอก คุณไม่มีชีวิตที่เป็นนักร้องหรอก คุณไม่มีสังขารที่จะไปทำความดีหรืออะไรก็ตาม มันต้องเริ่มต้นจากตรงนั้น
ไผ่ พงศกร

ตกลงความสัมพันธ์กับคุณต่ายจริงหรือจิ้นกันไปเอง ?

          ไผ่ : จริง ๆ มันเริ่มต้นจากคนเห็นภาพเราถ่ายรูปคู่กันบ่อย ๆ แต่คนเขาว่าน่าจะเป็นแฟนกัน จริง ๆ มันก็เล่นกันแบบพี่สาว น้องชาย

แฟนคลับเขาเชียร์ขนาดนี้มีโอกาสไหม ?

         ไผ่ : ตอนนี้ก็ยังเป็นพี่สาว น้องชายกันปกติ ผมชอบพี่ต่ายในฐานะไอดอล คือผมเห็นเขาทำงานตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่

แล้วตอนนี้ผู้ชายที่ชื่อไผ่มีคนดูแลหัวใจหรือยัง ?

          ไผ่ : ผมก็มีคนคุย ก็ทั่วไปเป็นกำลังใจ

เคยกลัวไหมถ้าวันหนึ่งเปิดตัวแฟนแล้วเรตติ้งจะตก ?

          ไผ่ : ผมไม่กลัวหรอก ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าใครก็ตามชีวิตต้องมีครอบครัว

          ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไผ่ พงศธร เผยเส้นทางเป็นนักร้องไม่ง่าย เคยขายลาบ-เหลือเงิน 5 บาท กินข้าวคลุกซอส อัปเดตล่าสุด 20 กันยายน 2562 เวลา 14:07:19 7,230 อ่าน
TOP
x close