เป็นสามีในอุดมคติของสาว ๆ หลายคน สำหรับหนุ่ม ฮิวโก้ จุลจักร ที่ตอนนี้สาว ๆ กรี๊ดและพากันอิจฉาภรรยาสาว ฮาน่า ทัศนาวลัย กันทั้งประเทศ ที่มีสามีทั้งหล่อ และไม่เจ้าชู้แบบนี้ ล่าสุด ฮิวโก้ ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
เส้นทางความรักกับพี่ฮาน่าเริ่มต้นได้ยังไง ?
ฮิวโก้ : รู้จักกันตามกองถ่าย ร่วมงานกันแบบห่าง ๆ รู้จักกันไม่ได้สนิท เวลาผ่านไปหลายปีแล้วเราพลาดมาเจอกันอีกครั้ง ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าอย่างน้อยเราควรจะขอเบอร์ไว้ แล้วก็จีบ ๆ กันไปตามประสา ตอนนี้ก็ 14 ปี แต่งงานมา 10 ปี มีลูก 3 คน
ตอนที่จีบใหม่ ๆ รู้ไหมว่าเขาจะเป็นแม่ของลูกเรา ?
ฮิวโก้ : ผมไม่รู้ว่ารู้หรือไม่รู้ แต่ในที่สุดผมก็จับทำแม่เลย
ตอนที่ขอเบอร์รู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ ?
ฮิวโก้ : แน่นอน เราไม่ได้ขอเบอร์คนเยอะนะ เพราะมันเสี่ยงกับการโดนปฏิเสธ เพราะตอนนั้นผมก็เซอร์ เลยป้ายคำว่าเซอร์ไปแล้ว ผมยาว หนวดเฟิ้มรุงรัง ยังร้องเพลงอยู่วงสิบล้อ ลุคมันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง มันก็เลยน่าไว้ใจเพราะถ้าเขาคบเราตอนนั้นได้ พอมาสะอาดสะอ้านขึ้นก็คงจะดี
แล้วตอนนั้นขอเบอร์เขาให้เลยไหม ?
ฮิวโก้ : เขาก็ต้องให้ เพราะเขาดันพูดปัดเราไปว่า "เออ ครั้งหน้าเดี๋ยวเราก็ต้องแฮงก์เอาต์กันนะ" พูดแบบตามมารยาทเขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ เราก็เลยบอกว่าเราจะแฮงก์เอาต์ได้ยังไงถ้ายังไม่มีเบอร์โทรศัพท์
ตอนที่ต้องแยกกันตอนคุณไปทำเพลงที่อเมริกา 3 ปี ?
ฮิวโก้ : ตอนแรกไปอังกฤษ แล้วหลังจากนั้นไปนิวยอร์ก แล้วหลังจากนั้นเริ่มรู้สึกว่าถ้าเราจะอยู่ด้วยกันต้องแต่งงาน เพราะว่าการคบกันห่าง ๆ โอกาสรอดมันยาก แล้วผมรู้สึกว่าถ้าเรารู้ตัวว่าเราอยากได้ เราก็ต้องทำทุกทางที่จะรักษาไว้ นั่นคือเหตุหลัก ๆ ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้อง
แต่ตอนนั้นมีช่วงเวลาพิสูจน์ใจในเรื่องของระยะห่าง 3 ปี ที่ต้องห่างกัน ตอนนั้นไว้ใจเชื่อใจกันถึงขั้นพี่ฮาน่าบอกพี่ฮิวโก้ว่า คุณสามารถวันไนท์สแตนด์ได้ ?
ฮิวโก้ : เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่เคยเชื่อเลย
ฮาน่า : เขาคิดว่าเราขู่เขามากกว่า แต่จริง ๆ เรารู้จักเพื่อนผู้ชายเยอะก็รู้ว่าอาจจะมีเวลาเหงา เศร้า เจอสาว ๆ เข้ามายุ่งอะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นเพื่อนมันจะสานต่อยาวไกลได้ แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าฉันทำได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น จบ เขาคงคิดว่าเราลองใจเขา เขาลองใจเรา
คำว่า วันไนท์สแตนด์ สำหรับผู้หญิงพูดไป ถ้าเขาทำจริง ๆ เราจะรู้สึกยังไง ?
ฮาน่า : ถ้าเขาทำจริง ๆ เราไม่รู้หรอก เขาไม่บอก แต่ว่าสิ่งที่เราคบกับเพื่อนผู้ชายเหมือนกะเทยที่แมนมากไปแล้ว ไม่มีความเป็นผู้หญิง จนรู้สึกว่าผู้ชายมันจะมีอะไร แต่เรามองสามีเราตอนนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ยังไง ถ้าจะเป็นระยะทางทำให้เราจากกันไหม หรืออะไรยังไง แต่มันก็พิสูจน์ว่า 4 ปีแล้ว มันต้องอยู่ด้วยกัน แล้วเรายังซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน เรายังโหยหาซึ่งกันและกันอยู่ มันก็เลยมีวันนี้ 14 ปี
พี่ฮิวโก้กลัวอย่างนั้นจริงไหม ถ้าเราทำขึ้นมาพี่ฮาน่าจะทำกลับ ?
ฮิวโก้ : เขาก็มีสิทธิ์ โดยรวมแล้วผมว่าในเมืองไทยอาจจะดูถูกนิสัยและสันดานผู้ชายมากจนเกินไป เพราะว่าคนส่วนมากที่ผมรู้จักที่แต่งงานหรือมีคู่ มีอะไร ส่วนมาก 80% เขาก็คิดแล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนผม ผมไม่ได้แปลกประหลาดอะไรเลย แล้วบางทีผมว่าการเอาการไม่เจ้าชู้ไปยกย่อง หรือมาฮือฮากับมัน ผมว่าเรากำลังตั้งมาตรฐานการประพฤติต่ำเกินไป เพราะว่ามันคือมาตรฐานขั้นต่ำ มันไม่ได้เป็นความบุญ มันแค่ไร้บาปเฉย ๆ มันคือศูนย์ ผมว่าคุณควรจะใจเย็น ๆ นิดหนึ่งกับประเด็นนี้
มีคนเข้ามาหาพี่บ้างไหม ?
ฮิวโก้ : ในเมืองไทยไม่ค่อยมี เพราะว่าคนส่วนมากก็รู้สถานะผมว่าผมแต่งงานแล้ว จะไม่ค่อยเจอใครล้ำเส้นเลย แต่ในเมืองนอกเขาไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ในช่วงเวลาที่ผมไป แล้วมันก็มีครั้งสองครั้งเองที่รู้สึกว่ามีโอกาสถึงขั้นที่เราต้องหลีกเลี่ยงหลบ มันก็มีบ้างที่เข้ามาหา แค่เขาเห็นแหวนก็โอเคแล้ว มันมีแค่คนเดียวเองที่เห็นแหวนแล้วไง ถามว่าสวยไหม ก็โอเค แต่มันก็ไม่เกี่ยวแล้วความสวย ถ้าไม่มีแฟนเราก็ยังไม่รู้เลยว่าอย่าไปมีอะไรกับคนที่ไม่รู้จัก เราอาจจะถือตัวก็ได้
หลังจากแต่งงานแล้วความหวานลดลงไหม ?
ฮิวโก้ : ไม่ เพราะความหวานมันไม่มีตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยมี มันอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ฮาน่า : เขาไม่ได้หวาน เราจะแบบพูดกันตรง ๆ มากกว่า แต่จะมีความรู้สึกว่ารักทุกวัน เราจะต้องมีการคิสก่อนจะออกจากบ้าน วันไหนที่ลืมคิสเขา เขาโทร. เช็กเลย ทำไมออกไปไหน ทำไมไม่มาร่ำลากัน ไม่ได้ อันนี้คือความหวานที่มีให้ทุกวันตั้งแต่คบกันจนถึงทุกวันนี้
เมื่อกี้พี่ฮิวโก้ยังบอกเลยว่าวันไหนถ้าไม่คิสพี่ฮิวโก้รู้สึกยังไง ?
ฮิวโก้ : มันแค่ทักกัน คือเรื่องพวกนี้มันต้องรักษา คำว่าความรักเนี่ยบางทีคนอาจจะไปหมกมุ่นอยู่กับรัก แต่มันมีเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญด้วย ความไว้วางใจอย่าว่าแต่ผัวเมีย เพื่อน หรือพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ มันเป็นสิ่งที่น่ารักษา มันเป็นประโยชน์ มันมีคุณค่า ความไว้วางใจ การหักห้ามตัวเองจากสิ่งที่มันไม่ดี นอกจากดีกับเขา มันก็ดีกับเราด้วย มันไม่ใช่แค่เรื่องความรัก บางทีคนอาจจะให้ความสำคัญกับความรักมากเกินไปว่าเป็นสิ่งที่ถ้ารักยังไงเราก็ทำตัวดี ไม่ มันต้องมีเรื่องอื่น ๆ ด้วย มันต้องชอบ มันต้องเห็นใจ มันต้องเคารพ ความรู้สึกอีกหลาย ๆ ความรู้สึก นี่คือสิ่งที่ผมทำคือปกติสุดแล้ว ผมก็แอบแปลกใจว่ามันเป็นประเด็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง
พี่บอกว่าความหวานมีให้กันตลอด แล้วมุมทะเลาะมันมีด้วยเหรอ ?
ฮิวโก้ : ก็ต้องมีสิคนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน เห็นตรงกันทุกอย่างมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราแตกต่างกันมาก แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
คู่ของเรามีคำว่าเบื่อกันบ้างไหม ?
ฮิวโก้ : ถ้ามองคู่รักเหมือนสิ่งของก็คงเบื่อ ถ้ามองผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นสิ่งประดับ ที่ไม่ได้เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่ง แน่นอนก็เบื่อได้ เพราะเราเบื่อสิ่งของได้มันเป็นเรื่องปกติ ก็อย่ามองอย่างนั้น ต้องคิดซะว่าเราเป็นองค์กร เป็นพาร์ตเนอร์ เป็นทีมมากกว่า ไม่มีสิทธิ์เบื่อ มันเหมือนเบื่อประเทศ มันย้ายไม่ได้นี่คือประเทศเรา เราก็ต้องอยู่ มันมีบางอย่างที่ต้องยอม ห้ามเบื่อ คุณต้องไม่อนุญาตให้อารมณ์เหล่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิต ชีวิตมันต้องบังคับ มันไม่ใช่ปล่อยตามอารมณ์ที่รู้สึกยังไงก็ต้องได้อย่างนั้น เราต่างคนต้องปรับตัวเข้าหากัน มันไม่ใช่ผมฝ่ายเดียว
แล้วบทบาทของความเป็นพ่อ ตอนแรกผู้ชายคนนี้บอกว่าไม่อยากมีลูก ?
ฮิวโก้ : ก็เราอยากเที่ยวกันสนุก 2 คน เที่ยวทั่วโลก ทำงานทำการ เพราะเราทั้งสองคนเป็นคนที่อินกับงาน ไม่ได้อยากอยู่เฉย ๆ ผมก็ชอบเดินทางไปเล่นดนตรี เขาก็มีธุรกิจ มันไม่ได้ต้องการตรงนั้นอยู่แล้ว แต่พอแต่งงานแล้วมีลูกคนแรกมันก็เข้าระบบครอบครัว จะมีอีกคน อีก 3 คน มันก็คือโลกเดียวกันแล้ว มันไม่ประหลาด แต่คนแรกจะเป็นภูเขา วิวที่ตกใจสุด โอ้โห...แต่หลังจากนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ
มีทะเลาะกันเรื่องการดูแลลูกบ้างไหม ?
ฮิวโก้ : ไม่เท่าไร เราจะทะเลาะกันเรื่องไร้สาระกว่านั้น
แล้วลูกอีกคนที่เราอุปการะมา นั่นก็คือ น้องนาดา ได้มีการตกลงคุยกันก่อนไหม ?
ฮิวโก้ : มันไม่มีอะไรให้ตกลง
แล้วทำไมไม่อยากให้ลูกเข้าวงการ ?
ฮิวโก้ : คือสมมุติว่าผมเป็นนักบิน ถ้าผมเป็นคนขับสิบล้อ ผมเป็นทนาย คงไม่มีใครมาถามว่าทำไมไม่อยากให้ลูกเป็นนักบิน ณ ตอนนี้ ทำไมไม่อยากให้ลูกเป็นทนาย หรืออยากให้เป็นยาม หรืออยากให้เป็นตากล้อง หรืออะไรก็ตาม คือมันเป็นอาชีพผม ผมก็อยากให้ลูกได้เรียน ได้เป็นเด็กไป โตขึ้นอยากเป็นอะไรก็เชิญ
3 คนว่าไง ?
ฮิวโก้ : เขาจะมองยังไงก็ตาม เขาเป็นเด็ก เขาไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งสิ้น เราเป็นพ่อแม่เขา เดี๋ยว 18 อยากจะทำอะไรก็เชิญ อยากจะไปเป็นทหาร เป็นนักบิน เป็นอะไรก็เป็นไป แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในบ้านเรา แล้วทั้งพ่อทั้งแม่มีงานทำก็ไม่จำเป็น นี่ไม่ได้เป็นการพาดพิงถึงคนอื่นที่เอาลูกเข้าวงการ ผมเองแค่ไม่สะดวก ไม่ถนัดที่จะให้ลูกต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงาน มันไม่จำเป็นสำหรับผม แล้วโลกนี้มันมีอะไรอีกเยอะ เราก็อยู่วงการบันเทิงก็อยากจะเห็นเขาทำอะไรที่ฉีกไปจากเรา ไปทำอย่างอื่นบ้างเถอะ โลกมันมีอะไรอีกเยอะให้ศึกษา ค้นหา
สมมุติว่าลูกยังไม่ถึง 18 แล้วพี่ฮาน่าเดินมาบอกว่าลูกอยากเข้าวงการ เปิดโอกาสไหม ?
ฮิวโก้ : ไม่จำเป็น แต่ส่งไปเรียนโรงเรียนดี ๆ แล้วไปส่งทุกวัน ผมก็เปิดโอกาสให้เขามีสิทธิ์เติบโตมากกว่านี้ ผมในฐานะที่อยู่วงการบันเทิง ผมรู้ว่ากับดักของวงการบันเทิงมันมีอะไรบ้าง แล้วไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้น หรือมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น มันไม่ใช่ แต่มันมีโอกาส แล้วหน้าที่เราก็คือปกป้อง มันมีชีวิตหลังจากนั้นที่จะเข้าวงการ ที่จะหลงทาง ที่จะไปอะไร ความดังเนี่ยมันไม่ได้เป็นอะไร ผมแนะนำนะสำหรับสุขภาพจิตที่ดี ลองใช้ชีวิตแบบไม่ดังมันอาจจะดีก็ได้
ก่อนหน้านี้ลูก ๆ เข้าใจผิดอยู่ช่วงหนึ่ง บ้านเราไม่มีตังค์เหรอพ่อ ?
ฮิวโก้ : ไม่หรอกมั้ง เขาคงไปบ้านเพื่อนที่อลังการกว่าบ้านเราแค่นั้นเอง
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.30 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama