จากกรณี ฟ้าใส ปวีณสุดา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 เป็นตัวแทนสาวไทยเดินทางไปแข่งขันประชันความงามกับสาวงามจากทั่วโลก ในการประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2019 (Miss Universe 2019) ที่สหรัฐอเมริกา โดยฟ้าใสทำเต็มที่ เข้ารอบลึกที่สุดถึง TOP5 ชวดมงฯ ที่ 3 ให้เมืองไทยไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการประกวดบนเวที คำถามที่ฟ้าใสได้รับเกี่ยวกับ "Privacy" และ "Security" ก็ยังเป็นข้อถกเถียงในสังคมขณะนี้
โดยล่าสุด ดร.เสรี วงษ์มณฑา ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงเรื่องดังกล่าวในรายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 - 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 โดยเผยว่า ฟ้าใส ปวีณสุดา ได้คำถามที่ไม่แฟร์ และยากที่จะตอบได้โดนใจกรรมการทุกคน
"เป็นคำตอบที่ดีแน่นอน สองสิ่งสองอย่างควรไปด้วยกัน น้องฟ้าใสพูดหมายถึงทางสายกลาง ถ้าเราจะมี Privacy ถึงกระทั่งเรามีสิทธิทำอะไรโดยไม่มีใครตรวจสอบได้เลย มันอันตรายนะ สมมติไปเอาซิมโทรศัพท์มาแล้วเขาไม่ให้ลงทะเบียนอะไรเลย เพราะอยากให้มี Privacy แล้วหากเอาไปกดระเบิดล่ะ เราต้องยินยอมสูญเสียความเป็น Privacy ของเรา เพื่อ Security ตรงนี้ หรืออย่างมีกงสุลแห่งหนึ่ง ใครไปขอวีซ่า เขาขอตรวจสอบข้อความในไลน์และเฟซบุ๊กเราย้อนไป 5 ปีแสดงว่าเขาก็กลัวเหมือนกัน ว่าถ้าปล่อยให้คนบางประเภทเข้าประเทศเขา เขาจะสูญเสีย Security นั่นคือเขาเข้ามาใน Privacy ของเรา ขณะเดียวกันถ้าถึงขนาดล้วงความลับเราทุกเรื่อง ในเรื่องส่วนตัว มันก็ไม่ใช่"
นอกจากนี้ ดร.เสรี ยังกล่าวอีกว่า "ตอนนี้พี่มองว่ารัฐบาลล้วงความลับเรายังไม่เท่าธุรกิจเลย เคยได้รับโทรศัพท์มั้ย ยี่ห้อรถทะเบียนนี้ ประกันกำลังจะหมด ต่อหรือยัง เฮ้ย ไปเอาข้อมูลมาจากไหน นี่แหละล้ำเส้น Privacy ของเรา ตรงนี้ไม่ใช่รัฐบาลเลยนะ เอกชนนี่แหละ แล้วเคยได้รับมั้ย อีเมลก็ดี จดหมายก็ดี เอามาจากไหนวะ นี่คือการล้วง Privacy น้องฟ้าใสบอกว่าอย่าล้ำเส้น แต่จะมี Privacy ถึงขนาดบ้านเมืองสั่นคลอนมันก็ไม่ได้ เขาตอบได้ดีมาก แต่เนื่องจากเป็นคำถามที่หากสมมติกรรมการ 15 คน ชอบ Security 10 คน ชอบ Privacy 5 คน ฟ้าใสเข้าเลยค่ะ แต่ถ้าเกิดกรรมการชอบ Privacy 10 คน ชอบ Security เพียง 5 คน แล้วฟ้าใสตอบอย่างนี้ เขาบอกว่าไม่ฟันธง คำถามแบบนี้ฟันธงข้างไหนก็เสี่ยงทั้งนั้นเพราะเราไม่รู้ เหมือนชอบกินกล้วยหรือกินแตงโม ถ้าเราตอบไม่ตรงใจก็ซวยสิ
แต่ถ้าเกิดเขาถามเราว่าปัญหายาเสพติดมีมากมาย คุณจะแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดยังไง ตรงนี้เราดูสมองได้ หรือตอนนี้เรามีปัญหาเรื่องโลกร้อน พวกเราทั้งหลายจะมีส่วนช่วยป้องกันโลกร้อนยังไง คำถามแบบนี้ถึงจะแฟร์ แต่คำถามแบบฟ้าใสเสี่ยงมาก ไม่ควรจะถามเลย นอกจากนั้นคำถามที่มันแฟร์ต้องไม่ใช่คำถามเจนเนอรัล เหมือนอย่างที่มารีญาโดน คุณต้องการโซเชียลมูฟเมนต์เรื่องอะไร โอ้โห มันไปได้หมด รอบลึก ๆ คำถามควรเป็นคำถามเดียวกัน การเอาหูฟังให้ฟังเพลง มันคงไม่สิ้นเปลืองงบประมาณเท่าไหร่นักหรอก"
แนวทางคำถามแต่ละประเทศ เป็นคำถามที่เขาเตรียมมาให้ อย่างนี้เขาว่ารัฐบาล หรือการจัดการแต่ละประเทศมีผลกับการประกวดนางงามมั้ย ?
ดร.เสรี : ถ้าเราตัดสินแบบนั้น อันนี้เป็นความคิดเห็นนะ หลายคนอาจมองว่าการเมือง การค้า มันมีส่วนเรื่องของการประกวดหรือเปล่า ถ้ามีการเมืองเข้ามา กรรมการก็ต้องพิจารณาว่าในเชิงการเมืองเราจะให้ใคร อย่างเช่นตอนนี้ต้องส่งเสริมสตรี งั้นคำตอบอะไรก็ตามที่เป็น เอ็มพาวเวอร์ วูเมน เราให้คะแนนอันนั้น หรือถ้าต้องการความเสมอภาคเรื่องสีผิว ถ้าใครพูดเรื่องนั้นก็จะได้คะแนน นั่นคือการเมือง
แต่ขณะเดียวกันมีเชิงพาณิชย์ ใครเป็นสปอนเซอร์เรา เราจะตัดสินอย่างไรให้โดนใจสปอนเซอร์ ให้สปอนเซอร์พอใจ และเป็นสปอนเซอร์ต่อไปในอนาคต สองเรื่องนี้หลายที่หลายแห่งเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน แต่เกี่ยวข้องระดับใด แค่ไหนเท่านั้นเอง ถ้าเกี่ยวข้องชนิดครอบงำผลการตัดสินเลย อันนี้มันแย่นะ มีครั้งนึงสบู่ยี่ห้อนึงเป็นสปอนเซอร์ในการประกวดในเมืองไทย มีตำแหน่งนางงามผิวสวย ปรากฏในช่วงต้น ๆ เขาก็ดูจริง ๆ เลยว่าคนนี้ผิวสวย แต่คนนั้นไม่ได้มงกุฎ เขาเอาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเขา พอเขาเอาคนไม่ได้เป็นมงกุฎไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ แล้วคู่แข่งเอาคนที่ได้มงกุฏมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เขาจะแย่มั้ย เขาก็เปลี่ยน ใครได้มงกุฎ ก็เป็นนางงามผิวสวยอัตโนมัติ คนก็ด่าอีก มีคนผิวสวยกว่า คุณมาทำแบบนี้ ไม่ตรงไปตรงมา สุดท้ายเขาเลิกเป็นสปอนเซอร์เลย ทำยังไงมันก็ไม่ดี อิทธิพลทางการค้าและกระแสทางการเมือง สองอย่างนี้มีผลต่อเวทีประกวด แต่ไม่ควรมีผลมากระดับไปครอบงำผลการตัดสิน