มงลงเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเวทีสาวงาม Miss World 2019 โดยสาวสวยที่สุดในโลกคนล่าสุดคือ โทนี-แอน ซิงห์ (Toni-Ann Singh) วัย 23 ปี สาวงามผิวสีจากประเทศจาเมกา ส่วนตัวแทนจากไทย เกรซ นรินทร ชฎาภัทรวรโชติ แม้ไปได้ลึกสุดแค่เข้ารอบ 40 คนสุดท้าย แต่ก็เอาชนะใจคนไทยจำนวนมาก เพราะเธอทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 ธันวาคม 2562 เกรซ นรินทร ได้โพสต์เล่าความในใจภายหลังจบการประกวด เผยอีกด้านที่หลายคนอาจไม่รู้ ความยากลำบากเนื่องจากเป็นเวทีแรกที่เธอลงประกวด แถมโดนบูลลี่อย่างหนัก ถูกตำหนิว่าหน้าแป้น หน้าใหญ่ หน้าบานเป็นกระด้ง และอีกมากมาย จนเธอเกือบถอดใจแล้วหลายครั้ง นอนร้องไห้ทุกวัน ก่อนจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้าน และแอบไปจิ้มลดแก้มมาด้วย พร้อมสร้าง #ทีมแป้น ขึ้นมา ให้คนจำได้และรักในแบบที่เธอเป็น
จุดเปลี่ยน... ที่ผ่านมา เกรซไม่เคยได้เขียนหรืออธิบายเรื่องราวเลย ทุก ๆ คนจึงจะเห็นเกรซอยู่ในโทรทัศน์บ้าง รูปภาพ หรือสื่อต่าง ๆ ที่อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงตัวตนของเกรซในหลาย ๆ ด้าน แต่หลังจากการประกวดที่ผ่านมา แป้นยอมรับเลยว่า มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตมากจริง ๆ ในทุก ๆ วัน หลังจากได้รับมงกุฎที่ไทย เราเติบโตขึ้นมากทั้งจากเสียงคำชม และส่วนมากคือเสียงคำตำหนิ
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยในการประกวดครั้งแรกในชีวิต โดยที่เราไม่ได้ตั้งความหวังมากมาย แค่อยากให้โครงการเราเป็นที่รู้จัก จะตามมาด้วยโอกาสที่มีค่าในชีวิตเราได้มากมาย และตามมาด้วยความกดดัน รวมถึงความไม่เข้าใจ เราไม่เคยมานั่งบอกว่า เราเก่งด้านไหน ถนัดอะไร หรือปฏิเสธคำพูดของใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีอิสระและเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงเรารู้ว่า เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรักในแบบที่ "เราเป็นเรา"
เกรซร้องไห้เกือบทุกวันนะ หลังจากได้รับตำแหน่ง จากเด็กคนหนึ่งที่มีชีวิตธรรมดา ใช้ชีวิตมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองมี แต่พอคนรู้จักเรามากขึ้น สิ่งที่เรารัก ความเป็นเรามันกลับผิด แย่ ไม่ดี มีการใช้คำหยาบคายมากมาย ทั้งที่คุณไม่ได้รู้จักเราจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ เพียงเพราะเรา "หน้าใหญ่" และยังมีกระแสล็อกมงอีก เรายังเคยคิดเลยว่าถ้าเราล็อกมงจริง เราคงไม่มานั่งร้องไห้ขนาดนี้หรอก แต่ไม่มีใครรู้ เพราะเราไม่เคยบอก
"หลังจากปฏิบัติงานต่าง ๆ ออกรายการสัมภาษณ์ ก็โดนคำถามบ่อยมาก เรื่องโดนบูลลี่หน้าใหญ่ คิดยังไงกับการล็อกมง เอาจริง ๆ เราก็แค่เด็กคนหนึ่ง อายุ 21 ยิ่งเจอบ่อย ๆ ยิ่งตอกย้ำถึงความไม่มีคุณค่าของตัวเอง จนเราเกือบที่จะยอมแพ้ แต่มีวันหนึ่งที่เรากลับมาฮึดสู้อีกครั้ง คือวันที่เราเห็นแม่เราร้องไห้ ใช่ค่ะ ร้องไห้แบบเงียบ ๆ เพราะกลัวหนูจะได้ยิน หนูแอบมองแม่อยู่นานมาก สงสัยว่าคนที่เข้มแข็งและเป็นต้นแบบ คอยให้กำลังใจเราทุกวัน ทำไมถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมือแม่คือโทรศัพท์ และ "ข้อความที่คนเขียนตำหนิหนู"
ตั้งแต่วันนั้น เราเลยตั้งเป้าหมายว่า ทำยังไงก็ได้ให้คนหันมา เปลี่ยนจากเกลียดเป็นรักเรา รักในแบบที่เราเป็น ให้ครอบครัวเราภูมิใจ และเราจะต้องไม่เห็นน้ำตาจากแม่หรือพ่อเราอีก เพราะเราถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นเกรซใช้กำลังใจจากครอบครัว เพื่อน พี่ทีมงาน และแฟนคลับบางกลุ่ม มาเป็นพลังบวก ตั้ง #ทีมแป้น ขึ้นมาเองให้คนจำเราได้ ถึงแม้ตอนแรกจะไม่ชอบก็ตาม และเริ่มเปลี่ยนจากความเครียด กดดัน มาเป็นแรงผลักดันให้เราทำโครงการของเราต่อ เพราะเกรซเชื่อจริง ๆ นะว่าถ้าเราทำดี ทุกอย่างมันเห็นผล โดยไม่ต้องมานั่งอธิบาย
กระแสก็เริ่มดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีคนคอยตามตำหนิบ้าง ไดเรกต์ไอจีมาก็เคย เราเก็บมานะ แต่เราเอามาพัฒนาตัวเอง แอบไปจิ้มแก้มให้หน้าเล็ก คนจะได้รู้สึกดีกับเราบ้าง พยายามลดน้ำหนัก ฝึกทุกอย่าง แต่งหน้า ทำผม เดินแบบให้ดีขึ้น โดยที่เราก็เรียนไปด้วย เราอ่านหนังสือสอบแทบทุกที่ที่เราไปทำงาน เราออกงานตอน 8 โมงเช้า แต่งหน้าตี 5 และขับรถกลับมานำเสนองานต่อ ขนาดเรากำลังจะมาอังกฤษ เรายังพรีเซ็นต์ไฟนอลวิจัยก่อนเลย มันหนักมากนะ และยิ่งหนักเมื่อสิ่งที่เราทำไป คนกลับไม่เห็นอะไรเลย
การที่เรามาได้ถึงขนาดนี้ก็เพราะเราเรียนจิตวิทยา เราทิ้งมันไม่ได้ มันมีค่าสำหรับเรามาก หลังจากเราทำโครงการ คนเริ่มหันมาสนใจมากขึ้น จากตอนแรกที่ไม่ค่อยสนใจ ทำให้เราดีใจมากที่คนเริ่มหันมามองทางเรื่องสุขภาพจิต และใช้การ "ฟัง" มากกว่าการ "พูด"
และแล้วก็มาถึง เมื่อแป้นได้มาประกวดที่อังกฤษ ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมาก เพราะเราต้องทำทุกอย่างคนเดียว แต่เราคิดว่า เราอยากทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุด เพราะเราไม่อยากให้คนที่เรารักผิดหวัง ครอบครัว ทีมงานที่คอยปกป้องและดูแลเรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็น พี่โก้ พี่โอ๋ พี่อั้ม พี่เบส พี่จ๊ะ พี่บอลลี่ พี่อ้อ พี่โป้ง และคนอื่นอีกหลายคน รวมถึงพี่ ๆ ช่างแต่งหน้า แม่ป้อม วินิจ แม่อ๊อด ที่คอยพิมพ์มาหา และดูการแต่งหน้าให้เสมอ ที่สำคัญคือ กำลังใจจากคนไทยที่มีมากขึ้น
จนวันที่แป้นรู้สึกมีความสุขก็มาถึงคือ รอบของ Head to head ถึงแม้แป้นจะไม่ชนะ แต่แป้นสามารถชนะใจใครหลายคนที่เคยไม่ชอบแป้นได้ โดยที่แป้นเป็นตัวของแป้นเอง ดีใจมากจริง ๆ ที่ทุกคนหันมามองเรามากขึ้น หลังจากนั้นกำลังใจมาเต็มมากค่ะ ไม่เคยได้รับข้อความบวกมากขนาดนี้ จนมาถึงตอนนี้วันไฟนอล ถามว่าแป้นเสียใจไหม แป้นเสียดายที่ทำให้คนไทยไม่ได้ตามที่หวัง แต่แป้นไม่เสียใจเลย เพราะเราได้เรียนรู้อะไรมากมาย และเราตั้งใจทำทุกวันมาก สิ่งที่เราได้กลับมาคือ การเติบโต
เติบโตที่จะอยู่ในท่ามกลางทั้งเสียงชมและตำหนิ เติบโตจากการที่ร้องไห้ในทุก ๆ วัน ไม่อยากออกสื่อ ไม่อยากทำอะไร เพราะไม่อยากโดนว่าอีก เติบโตเมื่อเห็นคนอื่นสู้ไปกับเรา ทุ่มเทให้กับเรา ร้องไห้ไปกับเรา และเติบโตจากคำแนะนำจากคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เรามาตลอด
แป้นไม่ใช่คนสวย แป้นไม่ได้เพียบพร้อม แต่มนุษย์ทุกคนมีทั้งข้อดี ข้อเสียค่ะ สิ่งที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ คือ การที่เรามองเห็นถึงด้านบวกของเขามากกว่าจะไปมองแต่ด้านลบ เพราะชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว "อย่าให้ใครมาทำร้ายชีวิต โดยเฉพาะความคิดของคุณเอง" หวังว่าเรื่องราวที่แป้นแชร์ในวันนี้ จะเป็นข้อคิดสำหรับคนที่ถูกบูลลี่ และกำลังบูลลี่คนอื่นอยู่นะคะ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า คำพูดของคนเรามันทำร้ายจิตใจใครมากขนาดไหน
ถ้าแป้นไม่ได้เรียนจิตวิทยามา และไม่มีคนรอบข้างคอยให้กำลังใจ แป้นก็ไม่รู้เลยว่าแป้นจะเป็นยังไง และนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าเป็นคนอื่นที่เขาโดนบูลลี่อยู่ เขาจะรู้สึกแย่ขนาดไหน ดังนั้นหยุดเถอะนะคะ เรามาทำให้ชีวิตของเราเองมีความสุขดีกว่า เอาความเป็นอิสรเสรี และโลกของอินเทอร์เน็ตไปใช้ให้ถูกทาง โดยที่ไม่ต้องทำร้ายใครดีกว่า ขอบคุณนะคะที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอ
ตอนอยู่หลังเวทีถอดถุงเท้ามาเพื่อนตกใจ เลือดเต็มถุงเท้าเลย เพราะเราซ้อมเดิน ทั้งรองเท้าและชุดมันบาด แต่เรามีกำลังใจ เราถึงไปต่อได้ แป้นรักทุกคนนะ หวังว่าทุกคนจะเห็นความพยายามทั้งหมดของแป้น #ยาวไปหน่อยแต่มาจากใจนะ #เด็กเรียนได้มง #น้องนก #ล็อกมง #หน้าบานเป็นกระด้ง #ทีมแป้น"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก