สิว มีแบบไหนบ้าง มาทำความรู้จักสิวแต่ละประเภท และวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องกันดีกว่า จะได้มีผิวหน้าเนียนใสไร้สิวเหมือนผิวเด็ก
ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าที่เนียนใสไร้สิว แต่ด้วยสภาพอากาศ และมลภาวะต่าง ๆ ที่เราต้องเจออยู่ทุกวัน เป็นเรื่องยากมากที่สิวจะไม่ขึ้น แต่รู้หรือไม่ ? ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดสิวได้อีก และสิวก็ยังมีหลายประเภทด้วยกัน โดยแต่ละประเภทนั้นก็มีวิธีรักษาสิวที่แตกต่างกันออกไป ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่า ว่าสิวที่มีลักษณะแบบนี้จัดอยู่ในประเภทไหน และควรรักษาสิวอย่างไรให้ได้ผล
1. สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะตุ่มนูนสีขาวอยู่ภายใต้ผิวหนัง สามารถพัฒนาเป็นสิวหนองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ สาเหตุของการเกิดสิวหัวขาวส่วนใหญ่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เครื่องสำอาง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
2. สิวหัวดำ (Blackheads)
เป็นสิวอุดตันแบบเปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีดำเล็ก ๆ มักจะพบบริเวณทีโซน คือ หน้าผาก จมูก และคาง สีดำของหัวสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรก แต่เกิดจากรูขุมขนอุดตันเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และน้ำมันที่อยู่บนผิวหน้าของเราทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำนั่นเอง
วิธีรักษาสิวหัวขาว และสิวหัวดำ : ใช้วิธีดูแลรักษาร่วมกันได้ เนื่องจากสิวทั้ง 2 ประเภทมีลักษณะเป็นสิวอุดตันเหมือนกัน โดยให้ทายาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide ที่จะช่วยลดการอุดตัน พร้อมเปิดรูขุมขนให้สิวอุดตันหลุดออกง่ายขึ้น หรือสามารถกดหัวสิวออกเองได้
3. สิวที่มีตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวแบบนี้มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวสิว แต่สามารถพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ สิวชนิดนี้เกิดจากแบคทีเรียอุดตันรูขุมขน ระบบภูมิคุ้มกันจึงต้องสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบ และบวมแดงขึ้นมา
วิธีรักษาสิวที่มีตุ่มนูนแดง : เนื่องจากเป็นสิวไม่มีหัว ทำให้ไม่สามารถกดออกได้ แนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide ทาลงบนตุ่มสิว เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียได้
การอุดตันของรูขุมขนไม่ได้ทำให้เกิดสิวหัวดำเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันมาก ผิวจะเริ่มบวม จนเกิดตุ่มหนองในที่สุด และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวประเภทนี้ก็คือการติดเชื้อของรูขุมขน โดยตุ่มสิวจะมีลักษณะเป็นตุ่มหนองบวมแดง และไวต่อการสัมผัส
วิธีรักษาสิวหัวหนอง : สามารถใช้แผ่นดูดสิวดูดซับหนองจากหัวสิวได้ แต่ไม่ควรใช้มือบีบ หรือกดออกเอง เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นได้ง่าย หากรักษาแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำควรพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะจะดีกว่า
5. สิวอักเสบ (Nodular Acne)
เมื่อแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขนที่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้ว บวกกับความมันบนผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงใต้ผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง อันเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มแข็งสีแดง และเป็นสิวไม่มีหัว
วิธีรักษาสิวอักเสบ : สิวอักเสบไม่สามารถกดออกเองได้ แต่บรรเทาการอักเสบได้โดยหาซื้อยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) มาทา หากอาการอักเสบไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะเพื่อรักษา หรือรับยาปฏิชีวนะ เพราะถ้ารักษาผิดวิธีอาจทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น และทิ้งรอยสิวขนาดใหญ่ไว้ให้ปวดใจ
6. สิวหัวช้าง (Cystic Acne)
แค่ชื่อก็รู้เลยว่าต้องมีขนาดใหญ่มากแน่ ๆ โดยอาการจะเริ่มจากเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ จากนั้นจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นก้อนแข็ง คล้ายซีสต์ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยหนอง เพราะเกิดจากการอักเสบรุนแรงในรูขุมขนจึงทำให้มีอาการเจ็บปวดมากเมื่อสัมผัส เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครอยากเป็นสิวหัวช้างแน่นอน
วิธีรักษาสิวหัวช้าง : ควรไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ไม่สามารถรักษาเองได้เพราะเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ และเกิดจากการอักเสบอย่างรุนแรง
เมื่อรู้ทันสิวประเภทต่าง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะสิวอะไรสาว ๆ ก็สามารถรับมือได้สบาย ๆ ลองสังเกตกันดูนะคะว่าตัวเองเป็นสิวประเภทไหน จะได้รักษาได้ถูกวิธี และทันเวลา แค่นี้ความหน้าเนียนใสก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว !
ข้อมูลจาก : beautybay.com, everydayhealth.com, goodrx.com
1. สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะตุ่มนูนสีขาวอยู่ภายใต้ผิวหนัง สามารถพัฒนาเป็นสิวหนองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ สาเหตุของการเกิดสิวหัวขาวส่วนใหญ่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เครื่องสำอาง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
เป็นสิวอุดตันแบบเปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีดำเล็ก ๆ มักจะพบบริเวณทีโซน คือ หน้าผาก จมูก และคาง สีดำของหัวสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรก แต่เกิดจากรูขุมขนอุดตันเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และน้ำมันที่อยู่บนผิวหน้าของเราทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำนั่นเอง
วิธีรักษาสิวหัวขาว และสิวหัวดำ : ใช้วิธีดูแลรักษาร่วมกันได้ เนื่องจากสิวทั้ง 2 ประเภทมีลักษณะเป็นสิวอุดตันเหมือนกัน โดยให้ทายาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide ที่จะช่วยลดการอุดตัน พร้อมเปิดรูขุมขนให้สิวอุดตันหลุดออกง่ายขึ้น หรือสามารถกดหัวสิวออกเองได้
สิวแบบนี้มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวสิว แต่สามารถพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ สิวชนิดนี้เกิดจากแบคทีเรียอุดตันรูขุมขน ระบบภูมิคุ้มกันจึงต้องสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบ และบวมแดงขึ้นมา
วิธีรักษาสิวที่มีตุ่มนูนแดง : เนื่องจากเป็นสิวไม่มีหัว ทำให้ไม่สามารถกดออกได้ แนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide ทาลงบนตุ่มสิว เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียได้
4. สิวหัวหนอง (Pustule)
วิธีรักษาสิวหัวหนอง : สามารถใช้แผ่นดูดสิวดูดซับหนองจากหัวสิวได้ แต่ไม่ควรใช้มือบีบ หรือกดออกเอง เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นได้ง่าย หากรักษาแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำควรพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะจะดีกว่า
เมื่อแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขนที่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้ว บวกกับความมันบนผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงใต้ผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง อันเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มแข็งสีแดง และเป็นสิวไม่มีหัว
วิธีรักษาสิวอักเสบ : สิวอักเสบไม่สามารถกดออกเองได้ แต่บรรเทาการอักเสบได้โดยหาซื้อยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) มาทา หากอาการอักเสบไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะเพื่อรักษา หรือรับยาปฏิชีวนะ เพราะถ้ารักษาผิดวิธีอาจทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น และทิ้งรอยสิวขนาดใหญ่ไว้ให้ปวดใจ
แค่ชื่อก็รู้เลยว่าต้องมีขนาดใหญ่มากแน่ ๆ โดยอาการจะเริ่มจากเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ จากนั้นจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นก้อนแข็ง คล้ายซีสต์ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยหนอง เพราะเกิดจากการอักเสบรุนแรงในรูขุมขนจึงทำให้มีอาการเจ็บปวดมากเมื่อสัมผัส เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครอยากเป็นสิวหัวช้างแน่นอน
วิธีรักษาสิวหัวช้าง : ควรไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ไม่สามารถรักษาเองได้เพราะเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ และเกิดจากการอักเสบอย่างรุนแรง
ข้อมูลจาก : beautybay.com, everydayhealth.com, goodrx.com