เขาบอกว่าที่ต้องถ่ายคลิปแบบนี้ เพราะพี่ลูกตาลจะไปตบเขาก่อน ?
ลูกตาล : จริง ๆ คลิปที่เขาเริ่มถ่ายตั้งแต่ตาลเดินออกมาแล้ว ถ้ามีชอตตบ เขาไม่พลาดแน่นอนที่จะเอามาออกค่ะ คือมันมีในกล้องวงจรปิด ตั้งแต่เขาเดินเข้า ตั้งแต่เราสองคนเดินออกนะคะ แล้วเขาก็เดินกลับเข้าไป มันมีอยู่ในกล้องทุกมุมอยู่แล้วค่ะ ไม่มีฉากที่จะตบหรืออะไรทั้งสิ้นนะคะ
เขาบอกว่าพี่ลูกตาลจะตบเขา เลยต้องเอามือถือมาถ่าย ?
ลูกตาล : ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ เขาก็ถ่ายตั้งแต่เข้ามาเลย ต้องไปดูกล้องวงจรปิดเลยค่ะ ว่ามันมีแค่ไหนยังไง ซึ่งตาลก็เอากล้องวงจรปิดของฟิตเนสมาให้ดูตั้งแต่จุดแรก คือตาลเดินออกมา และลืมกระเป๋า ก็บอกให้เด็กไปเอากระเป๋ากับกุญแจรถให้หน่อย เขาก็เริ่มถ่ายตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเลยนะคะ แล้วตาลก็เดินไปขึ้นรถ
ตอนเดินออกมาจากฟิตเนส มีการทะเลาะกันในฟิตเนสไหม ?
ลูกตาล : ก็ไม่มีการทะเลาะกันนะคะ คือพอตาลเดินเข้ายิม เขาก็เดินตามมาที่เคาน์เตอร์ เขาจะพูดแล้ว ตาลก็บอกว่าขอเชิญไปคุยกันข้างนอก เพราะมีลูกค้าในยิมค่อนข้างเยอะ ก็เลยเดินตามกันมาข้างนอก ถ้ามีคลิปตบก็มีแล้วนะคะ ซึ่งก็ไม่มีอะไร
พี่ลูกตาลมีหลักฐานเอามายืนยัน เพื่อจะบอกกับสังคมว่าไม่ได้จะมีการตบแต่อย่างไร ?
ลูกตาล : ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างไร ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้พูดกับเขาด้วยซ้ำ แค่บอกว่าไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว บอกให้ไปติดต่อทนาย มีแค่นี้แล้วก็ไปแจ้งความ
สิ่งที่อยู่ในคลิป ที่เขาถามคำถามสำคัญว่าหนีทำไม ?
ลูกตาล : ไม่ได้หนีนะคะ เราไม่อยากโต้ตอบ เหมือนกับเขาต้องการมาหาเรื่องเราอยู่แล้ว มาตั้งใจถ่าย เราไม่อยากมีวาทะโต้ตอบ ไม่มีประโยชน์ ไปแจ้งความดีกว่าไหม ไม่ตอบโต้อะไร จริง ๆ เราคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว จบกันที่ สน. แล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันตอนนี้
คือก่อนหน้านี้ไปคุยที่ สน. มาแล้วเหรอ ?
ลูกตาล : ไปมาแล้วค่ะ ไปคุยเรื่องหนี้ แล้วก็ส่งมอบทรัพย์สินให้ ก็คือรถมอเตอร์ไซค์ที่เขาเอาไปขาย
แล้วตอนนั้นตกลงกันว่าอย่างไร ?
ลูกตาล : ก็คือเอาทรัพย์สินที่เราให้ไปเอาไปขาย ส่วนเครื่องเพชรก็อยู่กับเขาอยู่แล้ว ก็ไปจัดการมา หรือยังไงไปหักลบกลบหนี้มา เหลือเท่าไหร่ เราก็ขอจ่ายเท่านั้น หรือไปไกล่เกลี่ยกันในศาล เพราะว่าเราต้องการความยุติธรรม
แล้วตอนนั้นที่คุยกันที่ สน. ว่าจบเรื่อง ตกลงตามนี้ จะไม่มีการออกมาทวงหนี้กันอีก ?
ลูกตาล : ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีการทวงกันอีก เพียงแต่บอกว่าเราก็เอาทรัพย์ให้แล้วนะ
แล้วเขาตกลงไหมคะ ?
ลูกตาล : เขาก็ตกลง เขาก็เอาของไปนะคะ เพราะเครื่องเพชรมันอยู่กับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่มอเตอร์ไซค์ตอนแรกมันเป็นแค่สมุด เราก็ตกลงเอามอเตอร์ไซค์ไปให้เขา เซ็นมอบให้เรียบร้อย ส่วนเครื่องเพชร มันก็อยู่ในหลักฐานที่เอาไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
คือหมายความว่าเขายอมรับทรัพย์แล้ว คิดว่าหมดหนี้กันไป ที่เหลือไปคุยกันในศาล ?
ลูกตาล : ค่ะ คือตอนที่ตกลงกัน ทนายคุยกับทนาย ก็คือคุยแบบนี้ค่ะ
แต่ว่าพอพี่ลูกตาลขับรถออกไปแจ้งตำรวจ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคืออะไร ?
ลูกตาล : คือตาลก็ไปแจ้งความ อยากให้ทางตำรวจมาเชิญเขาออกจากยิม ก็ไม่อยากให้เขาไปสร้างซีนอะไรในยิม ซึ่งตำรวจก็ตามมา 2 คนค่ะ ตำรวจก็บอกให้ลูกตาลไปแจ้งความได้เลย เดี๋ยวผมจัดการทางนี้ให้เอง เลยบอกตำรวจว่าอย่าให้เขาเข้าไปวุ่นวายในยิมมันเสียงดัง เดี๋ยวลูกค้าเยอะ เขาก็คุยกับตำรวจไป ตาลกลับไปที่ สน. วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ตำรวจก็น้อย คนแจ้งความเยอะ ตำรวจบอกให้มาวันหลัง
ขณะที่เขาอยู่ในยิมเรา เป็นยังไงบ้าง ?
ลูกตาล : เขาไปคุยเสียงดังอยู่ในยิม ว่านู่นนี่นั่น เจ้าของยิมเขาเป็นหนี้ไม่จ่าย เข้ามาประจานเราอะไรอย่างนี้ ลูกค้าก็หลายคน ยืนฟังกันหมด
จากในคลิปของลูกตาลก็จะมีดารา เหมือนจะเป็นคุณอองตวน ?
ลูกตาล : ค่ะ ใช่ค่ะ เขาไปคุยกับดารา มีผู้ชายเข้าไปคุย เขาก็บอกอีกว่า เจ้าของร้านนี้ไม่ยอมจ่ายเงินฉัน แล้วก็เล่ายาวไป แล้วเขาก็กลับไปอะค่ะ เขากลับไปแจ้งความว่าลูกตาลทำร้ายร่างกายเขาตอนเย็น
คุณลูกตาลสรุปสั้น ๆ ว่าหนี้ก้อนนี้มันเป็นมายังไง ?
ลูกตาล : คือเราต้องการใช้เงิน ก็เลยเอาเพชรไปขายคืน เขาไม่รับซื้อคืน ให้เป็นฝากแทน ก็เลยทำสัญญากู้ ซึ่งเราเอาเพชรไปให้เขา เขาก็ตีต่ำเลยไม่พอ ก็เลยเอามอเตอร์ไซค์ สมุดมอเตอร์ไซค์ ไปให้เขา มีสัญญา 3 ฉบับให้เราเริ่มผ่อน ไม่ได้เขียนว่าดอกเท่าไหร่ ให้เริ่มผ่อนเดือนละ 70,000 บาท มาเป็นเวลา 1 ปี สัญญาคือ 1 ปีเท่านั้น ถ้าลูกตาลไม่ผ่อนชำระ หรือไม่ไถ่ถอน ทรัพย์สินก็จะโดนยึด เขาบอกตอนเราทำสัญญากับเขา
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?
ลูกตาล : หลังจากครบ 1 ปี ตาลก็เข้าไปคุยกับเขาว่าเราผ่อนมาเยอะแล้ว รวมก็ 845,000 บาท ถามเขาว่ามีต้นมีดอกเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าที่ผ่อนมาทั้งหมด คือดอกอย่างเดียวไม่ได้หักต้นนะ เราก็บอกว่าหนูนึกว่าดอกเบี้ย 5% เขาก็บอกว่า ก็ 5% ต่อเดือน ไม่ใช่ต่อปี เราก็ไม่รู้เลยนี่เป็นดอกหมดเลย ซึ่งมันก็เยอะไง ถ้าเราไม่จ่ายเงินต้น ของก็จะยึดแล้วนะ ให้เราเอาเงินไปคืนเขา
คือในสัญญาไม่ระบุว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่ ?
ลูกตาล : ไม่ได้บอกค่ะ แต่ตอนไปกู้เขาให้เราเขียนเช็คไว้ 3 ใบ ทุกเดือน เขียนเช็คล่วงหน้าไปเลย 1 ปี พอโอนเงินไปก็ฉีกเช็คทิ้งทุกเดือน
ตามสัญญาครบ 1 ปี ต้องมาไถ่ถอนทรัพย์สินคืน พอจบปุ๊บ คืออะไร ?
ลูกตาล : คือเราไม่ได้ไปไถ่ถอน เพราะคิดว่าตอนแรกที่จ่ายไปจะมีการหักดอก หักหนี้บ้าง แล้วเราจะจ่ายน้อยหน่อย ก็คิดว่า 5% ต่อปี แต่เขาบอกว่าไม่ใช่ ดอกเบี้ย 5% ต่อเดือน ไม่ใช่ต่อปี ยอด 1.4 ล้าน คือดอกเบี้ย 840,000 บาท คือในสัญญาไม่ได้บอกไว้ว่าเงินต้นเท่าดอกเบี้ยเท่านี้ มันไม่ละเอียด คือเราไม่รู้จริง ๆ พอเรากู้เงิน ก็ตีเช็คอีก 3 ฉบับเป็นการการันตี ซึ่งเราก็แค่เซ็นชื่อไว้เฉย ๆ เป็นการันตีไว้อีกก๊อกหนึ่ง
ทนายเจมส์ว่าไงบ้างคะ มีความเห็นยังไงบ้าง ?
ทนายเจมส์ : คือผมเห็นว่าการทำสัญญาเงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ จะมีผู้เขียนเป็นพยานอยู่
ลูกตาล : เป็นสามีของเขาค่ะ
ทนายเจมส์ : ลักษณะการเซ็นสัญญาเงินกู้ฉบับนี้ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามกฎหมายให้คิดแค่ 7.5% ต่อปี ทางกฎหมายบอกไว้
แสดงว่าดอกเบี้ยต้องไม่ถึง 70,000 บาทใช่ไหม ?
ทนายเจมส์ : ใช่ครับ ถูกครับ ต่างที่เขาคิดอัตราดอกเบี้ยแบบไหนเท่านั้นเอง ถ้าเขา 5% ต่อเดือน มันเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เดิมทีตามกฎหมายฎีกาเก่ากล่าวไว้ การจ่ายดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ คุณจะมาเอาหักต้นเงินไม่ได้ แต่พอมาเป็นปี 2560 เข้ามา คือมีคำรักษาฎีกาใหม่เข้ามาเขาบอกว่า การตกลงที่มีการชำระหนี้เกินตามที่กฎหมายกำหนด มันเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มแรกเลยครับ ฉะนั้นดอกเบี้ยที่ชำระให้เอาไปหักเงินต้นได้ ดังนั้นที่พี่ลูกตาลชำระมา 845,000 นั้นเท่ากับว่าต้องเอาไปชำระเงินต้นด้วย ในแนววิธีการ ผมเห็นเจ้าหนี้หลาย ๆ เคส ไม่ได้หมายถึงเจ้านี้นะครับ หมายถึงเขาจะฉลาดในการที่จะเขียนสัญญาเงินกู้ 1. คือจะไม่ระบุไว้เลย 2. คือไม่ใส่ยอดเงินด้วย บางครั้งมาเติมยอดเงินทีหลัง ซึ่งลูกหนี้จะเสียเปรียบเพราะเป็นลายมือชื่อของตัวเอง เพราะฉะนั้นวิธีการนำสืบก็ต้องให้ศาลเห็นได้ชัดเจน
สุดท้ายหลังจากนี้จะมานั่งเจรจาคุยกันกับคุณลูกตาล ตกลงเจอกันได้ไหมคะ ?
ลูกตาล : เจอกันได้ค่ะ อย่างรายการวันนี้นัดให้มาเจอกันก็ไม่ยอมมา อีกรายการก็ไม่ยอมให้เราไปออก ตาลก็ไม่อยากออกมาพูด 2 ฝั่ง เขาพูดที ตาลพูดทีนะคะ อยากมานั่งคุยทั้ง 2 คนพร้อม ๆ กัน แต่ทุกรายการที่ติดต่อไปให้มาออกพร้อมกัน เขาก็ปฏิเสธไปไม่มาออกนะคะ
เขาพูดไว้วันนี้ว่า บทเรียนที่เกิดขึ้นกับเขา เหมือนกับว่าเป็นชาวนากับงูเห่า ?
ลูกตาล : ตาลก็อยากจะบอกว่า สำหรับคนที่ให้เงินใครยืมนะคะ ถ้าให้ด้วยจิตใจที่มีเมตตา ให้ด้วยจิตใจที่จะช่วยเหลือเขาจริง ๆ คุณจะได้บุญ แต่ถ้าคุณให้เขาไปแล้ว แต่ก็หวังผลประโยชน์ หวังผลกำไร ขูดรีดขูดเนื้อคนที่ไม่มี นั่นคือคุณก็จะมีบาปค่ะ