โควิด 19 ส่งผลกระทบอะไรกับชินบ้าง ?
ชิน : ผมมีละครที่กำลังถ่ายอยู่ 2 เรื่อง กำลังจะเปิดเรื่องที่ 3 เสร็จก็มีอีกเรื่องหนึ่งเข้ามา ทีนี้ทุกอย่างมันโดนเลื่อนหมด พอสถานการณ์มันกลับมาพอจะถ่ายได้ แปลว่าผมต้องถ่าย 7 วัน ก็คือทั้งหมด 4 เรื่อง แล้วเพลงที่กำลังจะปล่อยก็เลื่อนด้วย
กักตัวกี่รอบ ?
ชิน : คือรอบแรกผมเจอพี่แมทธิวที่ผมไปซ้อมมวย จริง ๆ สิ่งที่พี่แมททำมันเป็นสิ่งที่ดีมาก เขาเป็นแล้วเขาบอกทุกคน เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาได้กักตัวเอง ผมก็เลยไปตรวจ แล้วก็กักตัว 14 วัน พอกักเสร็จคิดว่าจะออกมาทำงาน ปิดเคอร์ฟิวเรียบร้อย อยู่ต่อยาว ๆ กันไป
มีผลกระทบอะไรกับลิลลี่ไหม ?
ลิลลี่ : ละครค่ะ คือที่ถ่ายอยู่ก็ต้องหยุดเลย ธุรกิจทางบ้านก็กระทบเรื่องส่งออก มันกระทบหลายด้าน แล้วพอพี่ชินกักตัวเสร็จปุ๊บ หนูกักต่อ ตอนนั้นมันมีข่าวน้องแพรวา แล้วเราก็อยู่ในงานนั้นด้วย
คบกันมาทั้งหมดกี่ปีแล้ว ?
ลิลลี่ : ปีนี้ปีที่ 6 แล้ว
ชิน : เจอกันในกองถ่าย ตอนนั้นลิลลี่เล่นเรื่อง ร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย เล่นคู่กับพี่พุฒ ก็เจอกันในกองละคร
เจอเขาปิ๊งเขาเลยไหม ?
ชิน : จริง ๆ ครั้งแรกที่เจอ เจอกันตอนเวิร์กช็อปก่อน แต่เจอกันแบบคร่าว ๆ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ตอนนั้นผมยังมีแฟนอยู่ เว้นไปประมาณ 5 เดือน แล้วผมก็เลิกกับแฟน แล้วก็อยู่ในกองละคร คุยกัน ผมไม่ได้มีสเปกนะ ตอนแรกผมไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้รู้จัก เหมือนได้คุย ได้เห็นเขา ผมรู้สึกว่าเขาค่อนข้างธรรมชาติ แล้วผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ผมชอบ
เห็นว่าพอเขาเริ่มจีบมีไปปรึกษาคนรอบข้างแต่ไม่มีใครสนับสนุนสักคน ?
ลิลลี่ : ใช่ค่ะ ไม่มีแม้แต่คนเดียว คือหนูไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว และด้วยความที่เพื่อนเราเยอะ เราก็ไปสืบ แล้วเพื่อนก็จะชอบบอกว่าดูบุคลิกเขาสิ เขาเป็นแบดบอยจะตาย เขาต้องมาหลอกยูแน่ ๆ เลย เขาต้องเล่นผู้หญิงแน่ ๆ เขาเจ้าชู้
ชิน : ซึ่งเพื่อนเขาไม่รู้จักผมสักคนเลยนะ แต่เหมือนรู้จักทุกคน ผมก็ไม่เข้าใจ
ลิลลี่ : แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ฟัง เรารู้สึกว่าเราจะคบใครสักคน คนรอบข้างไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนเรา เราต้องสัมผัสเอง เรียนรู้เอง ถ้ามันเสียใจก็คือเราเอง ไม่เป็นไร ก็เลยลองดู แล้วด้วยความที่เราเป็นคนชัดเจนมาก ลี่ชอบที่เขาเป็นคนสู้ ถึงแม้ลี่จะบอกเลิกคุย เขาก็บอกไม่ จะจีบต่อ ลี่บอกจะเลิกคุย 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 เขาบอกรักเลย หนูงงมาก
ชิน : ผมนี่ถ้าจะบอกรักเราต้องมั่นใจจริง ๆ เราไม่อยากจะพูดออกไปทำให้เขารู้สึกโดยที่เราไม่รู้สึก
บอกรักกันบ่อยไหม ?
ชิน : หลังจากนั้นเราก็พูดกันปกติทุกวันอยู่แล้ว
ตอนนั้นคบกันนานหรือยังที่ชินต้องไปเกณฑ์ทหาร ?
ชิน : ปีกว่า ๆ เกือบ 2 จริง ๆ เราคบกันมาในระดับที่พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง แล้วก็คิดว่าเราก็รู้จักกันแล้วเจอเรื่องนี้เข้ามาอีกมันก็เป็นบทพิสูจน์ใหญ่
ลิลลี่พอรู้ว่าชินจับได้ใบแดง ?
ลิลลี่ : วันที่รู้หนูไม่ได้รู้จากปากเขาด้วยนะ หนูอยู่ในห้องเรียน แล้วเห็นข่าว ช็อกค่ะ ตอนนั้นมีเวลาอีกแค่เดือนเดียวที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ชิน : เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผมทุก ๆ อย่างเลย เราไม่ได้คุยกันจริง ๆ 3 เดือน ช่วงฝึกทหารใหม่ ก็เป็นช่วงที่เราไม่ได้คุยกันเลย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนัก ท้าทายเลย ถ้าเรามีโทรศัพท์ วิดีโอคอล ไลน์กันมันก็ยังดี แต่ในช่วง 10 อาทิตย์แรก ก็ไม่ได้คุยกัน แต่นางก็แอบมาดู เราก็โบกมือไป ก็โดนทำโทษกันไป
ลิลลี่ : ตอนนั้นเราไม่ได้บอกลากัน อยู่ดี ๆ เขาเข้าไปเลย มันช็อก โทรศัพท์ก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ เราก็เลยอยากรู้ความเป็นอยู่ของเขา เขาจะอยู่ยังไง จะกินยังไง คนมันไม่เคยอะ
ลิลลี่แสดงความชัดเจนยังไงว่าเราจะซื่อตรงและมั่นคงในเขา ?
ลิลลี่ : หนูว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง แล้วด้วยความที่โทรศัพท์เขาใช้ไม่ได้ แล้วมันก็มีผู้ชายส่งข้อความมา แล้วเราก็แคปส่งให้พี่ชินดู
ชิน : อันนี้พีคมากเลยนะ คือผมเพิ่งเข้าทหารไปไม่ถึงวัน ผู้ชายทักไปหา คิดดู
ลิลลี่ : ถ้ามีอะไรแบบนี้หนูจะแคปแล้วส่ง ถึงแม้เขาจะดูไม่ได้ แต่มันคือความสบายใจ อย่างน้อยเขาเปิดมาเธอไม่ต้องห่วงนะลี่ไม่ได้คุย ลี่อยากให้รู้ว่าคนนี้ทักมา เธอไม่ต้องกลัว
ทราบข่าวว่าเธอไม่เก็ตกับครอบครัวของชิน ?
ลิลลี่ : มันไม่ใช่ไม่เก็ต คือด้วยความที่มันแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าหนูจะโตอินเตอร์ ไปเมืองนอกมาก็ตาม แต่พี่ชินเขาเป็นฝรั่งเลย มันก็ปรับกันค่อนข้างเยอะพอสมควร
ชิน : เรื่องหนึ่งที่ปรับ ผมว่าเอาจริง ๆ เลย เป็นเรื่องความเข้าใจในตัวกันและกัน เหมือนลี่เขาจะเป็นห่วงตลอดเวลา เป็นห่วงทุกเรื่อง แล้วในความเป็นห่วงมันมีความดุ เราทำอะไรมาตั้งแต่เด็ก แล้วเหมือนเราพิสูจน์อะไรมาหลาย ๆ อย่าง จนถึงจุดหนึ่งเราก็ประสบความสำเร็จในตัวเรา เราก็จะมีความดื้อ มันก็เลยกลายเป็นว่าเราเถียงในความเป็นห่วงของเขา แต่สุดท้ายเราก็ยอมเขา เพราะเราเข้าใจในความหวังดี
คุณอยู่ในสมาคมกลัวแฟนไหม ?
ชิน : ใช้คำว่า Respect (เคารพ) ดีกว่าครับ ถามว่ากลัวไหม ก็มีกลัวบ้าง เวลาเขาดุ แต่ว่าอีกมุมหนึ่งคือถามว่ากลัวไหม ก็ไม่ได้กลัว แต่เราเข้าใจว่าเขาเป็นห่วง ที่เขาดุเพราะเขาเป็นห่วงเรา
เวลาคุณสวีต คุณสวีตหนักไหม ?
ชิน : ก็หนักอยู่นะ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับตัวลี่ เขาเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก
อยากรู้ว่าคุณจะมีข่าวดีเมื่อไร ?
ชิน : เมื่อไรดี คือผมกับลี่ เราไม่ได้คุยกันว่าการแต่งงานเป็นเป้า แต่เราคุยกันถึงการอยู่ด้วยกันเป็นเป้า เพราะฉะนั้นการแต่งเป็นเหมือนสิ่งที่เราต้องทำเพื่อจะไปตรงนั้น เราคุยกันเรื่องอนาคตที่จะอยู่ด้วยกันมากกว่าที่จะแต่งเมื่อไร แต่ถามว่าเราคุยกันเรื่องนี้ไหม เราคุย แต่อาจจะไม่ใช่ช่วงนี้ เพราะว่าล่าสุดนางทำธุรกิจเพิ่มอีก 2 ตัว ฉะนั้นให้นางทำงานก่อน