สุขภาพตอนนี้โอเคไหม แพ้ท้องบ้างไหม ?
แนท : แข็งแรงมากเลย แพ้ท้องน้อยมาก เคยอาเจียนแค่ 2 ครั้งเอง
กี่เดือนแล้ว ?
แนท : 4 เดือนแล้วค่ะ
ตั้งครรภ์ในสถานการณ์โควิด19 มีกังวลมากน้อยแค่ไหน ?
เป๊ก : อยู่บ้านอย่างเดียวเลย แนทจะอยู่บ้านคนเดียวเลยกับพ่อแม่ ส่วนผมก็จะออกไปทำงานข้างนอกบ้าง
ในช่วง covid 19 มีการดูแลตัวเองกับภรรยาอย่างไร ?
เป๊ก : โดยปกติก็ใช้เจลล้างมืออยู่แล้ว ใส่หน้ากากอนามัยตลอด
จุดเริ่มต้นของทั้งคู่เจอกันได้อย่างไร ?
เป๊ก : จุดเริ่มต้นคือผมพาลูกค้าไปเที่ยวที่เกาะสมุย ไปดูแลเทกแคร์ ตอนนั้นเราทำเกี่ยวกับพวกการลงทุน แล้วมันก็มีงานเฟสติวัลอยู่ แล้วน้องเขาก็ไปกับเพื่อนของเขา
แนท : แนทไปงานครั้งแรกเลย เป็นงาน EDM
เป๊ก : เพื่อนของเขาเป็นรุ่นน้องผม พอเจอเขาก็พอรู้จักบ้าง แต่ไม่ได้รู้จักขนาดคนนี้ชื่อแนท รู้แค่ว่าคนนี้เป็นลูกพ่อแหลม พอเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าอยากคุยนะ แต่รู้สึกมันอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน
แนทนึกว่าเป๊กเป็นเกย์ใช่ไหม ?
แนท : ใช่ เพราะว่าเขาขาวมาก แล้วเขาก็ดูแบบว่าหน้าใสมาก
เป๊ก : เรารู้แล้วว่าคนนี้อยากรู้จัก แต่อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ หลังจากงานนั้นต่างคนก็ต่างกลับ แต่เราก็รู้สึกว่าอยากจะติดต่อเขา อยากจะคุยกับเขา
ในใจลึก ๆ ตอนนั้นคือชอบ แต่แนทนึกว่าเป็นเกย์ ?
เป๊ก : ชอบ
แนท : ใช่ แล้วแนทก็คิดว่าเขาไม่ได้ชอบเราด้วย แต่แค่รู้ว่าเพื่อนบอกว่าพี่เขามอง ๆ นะ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้โฟกัสว่าอยากมีแฟน ช่วงนั้นก็มีหนุ่ม ๆ เข้ามาจีบบ้าง
เป๊ก : หลังจากสมุยก็ประมาณ 6 เดือน ที่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่ก็ถามกันไป-มา ไม่ได้คุยกันตรง ๆ จนเพื่อนบอกให้เอามือถือมา แล้วก็แอดไลน์ไปเลย แล้วก็คุยเลย พอทักไปน้องเขาก็ตอบมา จนสุดท้ายก็ได้คุย
อะไรทำให้แนทเปิดใจคุย ?
แนท : ตอนแรกยังไม่เปิดก่อน ตอนเริ่มคุยเรารู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่ดีมาก เพราะเพื่อนโฆษณาไว้เยอะมาก เขาบอกว่าพี่เป๊กเป็นคนดีมาก แต่เขาดีเกินไป เราก็ดีเกินไป แล้วมันไม่ดียังไง เราก็ไม่เข้าใจ พอเริ่มคุยเราก็อ๋อ เพราะตั้งแต่ที่เขาทักมาคุย เขาคุยแต่เรื่องพระเจ้าตลอดเวลา ทุกคำเลย แบบพระเจ้าต้องส่งน้องมาให้พี่แน่ ๆ อะไรแบบนี้
แล้วไปเดตครั้งแรกที่โบสถ์จริงไหม ?
แนท : อันนั้นคือเดตครั้งแรกที่แนทตกลงนะคะ ตอนแรกต้องบอกก่อนว่าแนทไม่คุย พอหลังจากที่พี่เป๊กจีบเราด้วยคำพูดเป็นพารากราฟเป็นเกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจ้า
เกิดอะไรขึ้นทำไมเราถึงมาทางพระเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนี้ ?
เป๊ก : ผมมีเพื่อนเป็นคริสเตียน แล้วเขาก็พาผมไปโบสถ์ ไปครั้งแรกผมรู้สึกว่าผมไม่เคยสัมผัสถึงความรักแบบนี้มาก่อน เพราะบ้านผมเป็นครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ทะเลาะกันทุกวัน พูดง่าย ๆ คือผมทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปอยู่บ้านเพื่อนเลย พอเข้าบ้านคุยกันไม่ถึง 3 คำก็ทะเลาะกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน ครอบครัวแตกแยก แต่พอไปที่โบสถ์เราสัมผัสถึงความรักที่มีให้กับเรา คนอื่น ๆ ที่มีให้เราทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกัน เราเลยเริ่มอยากจะคลุกคลี อยากจะศึกษาจริง ๆ ว่าคริสเตียนคืออะไร เพื่ออยากจะเข้าถึงพวกเขา พอเรารู้จักคริสเตียน เรารู้เลยว่าไม่ใช่เป็นแค่ศาสนา มันคือการเข้าถึงความรักที่พระเจ้ามีให้กับเรา เมื่อก่อนการที่ตัวผมเป็นคนแบบเวอร์ชั่นแรกก็คือพูดตรง ๆ คือ กินเหล้า สูบบุหรี่ เคยติดยาด้วย เคยทำทุกอย่างที่ไม่ดี จนกระทั่งผมมาเป็นคริสเตียน ผมทำไม่ลง ทำไม่ได้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่เป็นกฎว่าห้ามทำ แต่ทำไม่ได้เพราะผมรู้สึกผมรักพระเจ้ามากจนไม่อยากจะทำ เมื่อก่อนผมโกหกเป็นว่าเล่นเลยโดยไม่รู้สึกผิด ผมโกหกพี่ได้ โกหกแนทได้ แต่โกหกพระเจ้าไม่ได้ มีใครบางคนดูผมอยู่เหมือนกัน นั่นคือจุดเปลี่ยน
แล้วตอนที่เข้าไปในชีวิตเป๊กที่กำลังอินกับพระเจ้า แล้วพูดเกี่ยวกับพระเจ้าหมดเลย ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง ?
แนท : มาเป็นพารากราฟ แล้วหนูก็คุยได้อยู่อาทิตย์เดียว เริ่มกลัว เริ่มรู้สึกว่านี่อยู่ในลัทธิอะไรหรือเปล่า ก็เลยหายไปเลย ชิ่งแบบไม่คุยเลย
เป๊ก : มันมีจุดชิ่งตอนที่เปิดเพลง
แนท : หนูเป็นคนชอบฟังเพลงร็อกมาก เพราะพ่อหนูเป็นชาวร็อก พอหนูขึ้นไปบนรถ พี่เป๊กเขาเปิดเพลงนมัสการเป็นเพลงคริสเตียน ก็ฟังแล้วรู้สึกว่ามันคนละแนวกับเรามาก แล้วหนูก็เปิดเพลงแนวหนูให้เขาฟัง เขาบอกว่าเพลงที่หนูฟังมันเป็นเพลงที่ฟังแล้วเป็นโรคซึมเศร้า เครียด เดี๋ยวจะไปฆ่าตัวตาย เป็นเพลงผีอะไรแบบนี้ ว่าเพลงหนูสารพัดเลย หนูก็โกรธมาก ก็เลยแบบไม่คุยเลย หายไปเลย พอเขาทักเราก็เริ่มอ่านแล้วไม่ตอบอยู่ 5-6 วัน เราก็ไม่คุย ๆ จนพี่เป๊กทักกลับมายาวมากเหมือนกัน ประมาณว่าพี่รู้แล้วว่าน้องยังไม่พร้อมจะคุยกับพี่ ไม่เป็นไร พระเจ้ามีเวลาของพระเจ้า วันหนึ่งถ้าน้องใช่คู่พระพรของพี่ วันหนึ่งเราจะกลับมาคบกัน
แล้วกลับไหม ?
แนท : เขาบอกว่าอีก 2 ปี ถ้าน้องยังไม่มีใครจะมาจีบใหม่
แล้วเราเป็นไง ?
แนท : จังหวะนั้นก็ชิล เพราะเราไม่อยากคุยกับใคร ตอนนั้นคิดว่าเขาคงไม่ใช่ แล้วหนูก็ไม่คุย
แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
แนท : หลังจากนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ ช่วงนั้นหนูเป็นโรคซึมเศร้าหนักมาก แล้วพี่เป๊กเขารู้อยู่แล้วว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้า เวลาคุยกันเขาจะชอบส่งคำพูดดี ๆ มาหนุนใจหนู ว่าให้หนูอธิษฐานกับพระเจ้าแล้วหนูจะหายเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งตอนนั้นหนูไม่เชื่อทุกอย่างที่เขาพูดเลย หนูรู้สึกว่ามันไม่มีจริง เรื่องพวกนี้ไม่มีจริง หนูเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่าย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่หนูไม่ไหวแล้ว ช่วงนั้นหนูน้ำหนักเหลือ 39 กิโล
การที่เราเป็นโรคซึมเศร้ามันเกิดจากอะไร ?
แนท : เครียดอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ทำงานเยอะด้วย เมื่อก่อนติดน้ำมันกัญชามาก ถ้าไม่หยดคือจะหลับไม่ได้ ต้องใช้
มันเกี่ยวกับความรักครั้งเก่า ๆ ไหม เป็นส่วนหนึ่งไหม ?
แนท : แนทว่ามันคงเป็นส่วนหนึ่งค่ะ พอเราเริ่มผิดหวังจากความรักมากหนัก ๆ มันกลายเป็นว่ามันตกค้างอยู่ในใจของเราโดยไม่รู้ตัว เพราะเรารู้สึกว่าเราขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วพอแนทเริ่มเป็นหนักถึงขนาดไปถ่ายละครแล้วหน้าเบี้ยวไปข้างหนึ่ง หน้าข้างขวามันตกลงมา แนทก็เลยไปหาหมอ เขาบอกว่าเป็นเส้นปลายประสาทอักเสบ ไม่มียารักษาได้ ช็อตไฟฟ้าก็ไม่หาย ตอนนั้นเป็นหนัก น้ำหนักลด เริ่มอาเจียน บ้านหมุน เพราะว่านอนไม่ได้
เคยคิดฆ่าตัวตายด้วยเหรอ ?
แนท : คิดค่ะ วันนั้นแหละ ที่คิดว่าอยากหลับไปแล้วไม่ต้องฟื้นขึ้นมา คิดว่าอยากให้มันหลับไปเลย
แล้วได้ทำไหม ?
แนท : ยังไม่ทันได้ทำค่ะ คำพูดของพี่เป๊กที่ได้พูดไว้มันแวบเข้ามาในจิตใจเรา เขาบอกว่าพระเจ้ามีอยู่จริง ถ้าไม่เชื่อเขาไม่เป็นไร ให้ลองอธิษฐานดู หนูจำคำพูดเขาได้แม่นเลยว่าพระเจ้าจะตอบ แล้วหนูก็อธิษฐานที่แบบหมดความหวังสุดท้ายแล้วว่า ถ้าพระเจ้าอยากให้ลูกมีชีวิตอยู่ แล้วถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง บอกลูกทีว่าลูกมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ตอนนี้ลูกไม่อยากอยู่แล้ว
แล้วท่านตอบว่าอย่างไร ?
แนท : หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนูเริ่มรู้สึกอยากคุยกับพี่เป๊กแปลก ๆ จากที่ไม่อยากคุยเลย เรารู้สึกว่าเราอยากรู้จักเขา ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากคุย พูดง่าย ๆ ไม่ชอบเลยในตอนแรก จนโทร. ไปถามเพื่อนว่าพี่เป๊กเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม เขาก็บอกว่าให้โทร. เลย คุยเลย เราก็แบบจะดีเหรอ เพราะไม่เคยโทรศัพท์หาพี่เป๊กเลย จนสุดท้ายก็โทร. ไป พี่เป๊กก็แปลกใจมากที่โทร. มา
เป๊ก : ทักมาชวนไปดูหนัง รู้สึกในใจว่าอาจจะเป็นเวลาที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้แล้ว พอน้องทักมาก็พาไปเดตเลย พาไปที่โบสถ์ คือผมรู้ว่าน้องเขาเป็นซึมเศร้า สมัยนี้คนเป็นซึมเศร้าฆ่าตัวตายกันเยอะมาก ผมก็เลยพาเขาไปที่โบสถ์ ให้รุ่นพี่ผมก็คือพี่แชมป์ พี่เขาวางมืออธิษฐานให้ พอหลังจากวางมืออธิษฐานเสร็จ น้องเขาก็ร้องไห้น้ำตาไหล คือเป็นอะไรไม่รู้ รู้ตัวอีกทีหายเลย
วันนั้นหายเลยเหรอ ?
แนท : ใช่ หายเลย ปกติหนูนอนไม่เคยหลับเลย แต่หลังจากกลับมาบ้านวันนั้นจนถึงวันนี้ หนูนอนหลับทุกคืน หนูเลิกใช้ยานอนหลับ ยาทุกอย่างที่เคยใช้ หนูเลิกใช้หมด ยาทุกอย่างที่ใช้รักษาหนูทิ้งหมด คือมันหายหมดเลย คือหายแบบอัศจรรย์เลย หนูก็เลยรู้เลยว่าสิ่งที่พี่เป๊กพูดมีจริง
ผู้ชายคนนี้อยากจะใช้เวลาด้วยตลอดชีวิตจริงหรือเปล่า ?
แนท : ตอนนั้นหนูรู้สึกเหมือนต้นไม้ที่ตายไปแล้ว รู้สึกเราไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่พอเจอเขา เหมือนเขามาเติมเต็มชีวิตเรา เป็นพระอาทิตย์ที่คอยให้แสงสว่างกับต้นไม้ หนูรู้สึกฟื้นจากความตาย มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาเพราะเขา
เป๊ก : ผมรู้สึกรักเขามากขึ้นทุก ๆ วันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนทหรือคนรอบข้างที่ช่วย การที่ทำให้คนได้เจอแสงสว่างมันเป็นเรื่องที่ดี วันที่ผมเจอเขา ผมถามพระเจ้าว่าคนนี้คือคู่พระพรของผมหรือเปล่า ซึ่งสัญญาณจากพระเจ้าบอกว่าใช่ หลังจากนั้น 6 เดือน 8 เดือน เราก็รอ จนวันหนึ่งเราได้กลับมาคุยกัน หลังจากนั้นก็มีสัญญาณจากพระเจ้าบอกให้แต่งงานเลย
คบกันกี่เดือนถึงตัดสินใจแต่งงาน ?
เป๊ก : 3-4 เดือน
ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงต้องแต่งงาน ?
เป๊ก : ผมนอนแล้วตอนประมาณตี 5 ได้ยินเสียงพระเจ้าว่าให้ผมแต่งงาน คือผมก็แบบใช่หรือเปล่า ขอสัญญาณอีกที แล้วก็ได้ยินเหมือนเดิมตอนตี 5 ผมเลยโทร. ไปบอกเขาเลย
โทร. ไปบอกเขาว่าอะไร ?
แนท : แต่งงานกัน หนูช็อกมาก แบบเพิ่งตื่น มันงง คือมีคนมาขอแต่งงานตอนเพิ่งตื่นนอน ด้วยความช็อกแต่มันดีใจสุด ๆ เลย ก็ตอบไปว่าแต่งค่ะ
พ่อแม่ว่าอย่างไรบ้าง ?
แนท : พอหนูบอกตกลงแต่งก็ถามเขาว่าเมื่อไรพี่ เขาบอกว่าแต่งเลย หนูก็อึ้ง ๆ คิดในใจว่าพ่อแม่เราจะว่ายังไงเพราะมันเร็วมาก หนูก็ไปบอกพ่อกับแม่ แม่ก็ถามว่าไม่เร็วไปเหรอ พ่อหนูก็พูดเหมือนกันว่าเร็วไปหรือเปล่า เพิ่งรู้จักกันเองไม่ใช่เหรอ ตอนแรกก็เหมือนทีท่าว่าจะไม่ให้แต่ง เพราะหนูยังทำงานถ่ายละครอยู่เลย แล้วพ่อแม่เขาจะมองว่าเราเป็นเด็กเสมอ ห่วงแบบห่วงมาก คือพ่อบอกว่าไม่ให้แต่ง ให้อยู่คุยกันไปแบบนี้ ไม่ต้องรีบแต่ง ตอนแรกก็เสียใจมาก ร้องไห้ เพราะอยากให้ทุกอย่างมันแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ได้แค่อธิษฐานอย่างเดียวเลยทำอะไรไม่ได้
พอบอกพี่เป๊กว่าพ่อไม่ให้แต่ง พี่เป๊กว่ายังไง ?
แนท : พี่เป๊กบอกว่าไม่เป็นไรพี่จะแต่ง
เป๊ก : คือพอผมได้ยินเสียงจากพระเจ้าแล้วผมเชื่อว่าเดี๋ยวจะมีทางสักทางหนึ่งแหละ
แล้วทำยังไงเข้าไปสู่ขอไหม ?
เป๊ก : สุดท้ายแนทก็พาผมไปเจอพ่อ จริง ๆ ก็เจอกันบ้างแล้ว เจอกันหลายรอบอยู่ เหมือนพ่อก็สัมผัสได้ว่าผมไม่ได้เหมือนผู้ชายที่จะมาหลอกลูกเขา
สุดท้ายพ่อก็ยอม ?
แนท : ยอม สุดท้ายพ่อก็บอกหนูว่า พ่อรักหนูมาก ที่ไม่อยากให้แต่งเพราะเป็นห่วง กลัวหนูจะผิดหวังอีก กลัวโดนทิ้งซ้ำอีก แต่พอรู้จักพี่เป๊ก เขาก็รู้แล้วแหละว่าพี่เป๊กรักพระเจ้ามาก
แต่ก็ไม่พ้นดราม่าท้องก่อนแต่ง เรามานับเดือนกันเลยดีกว่า แต่งเดือนไหน ?
แนท : แต่งวันที่ 22 กันยายน ตอนนี้ท้อง 4 เดือนค่ะ ท้องเมื่อต้นปี
แพลนว่าจะมีลูกกี่คน ?
เป๊ก : ตอนนี้ยังไม่ได้แพลนอะไรเลย
ตอนนี้ตั้งชื่อหรือยัง ?
เป๊ก : ตั้งแล้ว ถ้าชื่อเล่นชื่อ น้องเร ชื่อเต็มว่า เรม่า ความหมายก็คือพระคำของพระเจ้า คำพูดของพระเจ้า ชื่อจริงก็คือ รัฐชา ชื่อพ่อแม่ผสมกัน ผมรัฐภูมิ แนท ณัฐชา
เคยมีเวลาเปิดใจแล้วบอกรักกันไหม ?
แนท : บอกตลอด
เป๊ก : ขอบคุณที่เชื่อพี่ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของพี่ มาทำให้ความฝันของเราทั้งสองคนเป็นจริง ขอบคุณที่อดทนแม้ในยามยากลำบาก แม้ในยามที่เรามีความสุขก็อยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน นี่คือการทดสอบความรักที่แท้จริง พี่รู้สึกว่าเสียงของพระเจ้าไม่เคยผิด รักที่รักมาก
แนท : รักพี่ค่ะ
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่