ช่วงโควิด 19 ต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง คู่นี้มีอะไรต้องปรับตัวบ้างไหม ?
ดี้ : บางทีเราเจอกันเช้า บางทีเจอกันแค่ตอนเย็น เจอกันก่อนนอน แต่โควิดเขาไม่ให้ไปไหน 24 ชั่วโมง ต้องอยู่ด้วยกัน คือทุกคนมีมุมเล็ก ๆ ที่อาจจะดาร์ก ๆ มีโลกส่วนตัว แต่พอเราต้องมาเจอกัน 24 ชั่วโมง เอ๊ะจะยังไง เดี๋ยวก็รู้กัน แต่พออยู่กัน 24 ชั่วโมง ก็รู้สึกประทับใจมากขึ้น โควิดทำให้พี่รักพี่เอ๋มากขึ้น เพราะมันมีหลายมุมที่เขาเทกแคร์ใส่ใจตลอด
ลูกเป็นคุณหมอที่มีโอกาสไปช่วยผู้ป่วยโควิด-19 ?
ดี้ : พี่คุยโทรศัพท์กับลูก ลูกก็บอกว่าตอนนี้มีโควิดที่สระบุรี คือรู้ก่อนที่เขาจะประกาศ แล้วลูกเป็นอายุรกรรม ก็ต้องเป็นด่านหน้า เราก็เป็นห่วงไปหมด
เอ๋ : เพราะเขามี 1-2 วันที่เขาต้องตรวจแล้วรอผล แล้วที่โรงพยาบาลเขาประชุมกัน แล้วก็มาแจ้งว่าน้องพลอยกับเพื่อน เป็นกลุ่มแรกที่จะต้องไป
ในความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ กลัวไหม ?
ดี้ : วางหูจากลูกปุ๊บน้ำตาไหลเลย มันเป็นอาชีพนี้ทำไมเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายมานั่งคิดว่าทุกอาชีพ ทุกคนก็เสี่ยงหมด เขาเกิดมา โตมา เพื่อจะเป็นหมอ เขาเลือกแล้ว เราไม่ได้บังคับเขา ฉะนั้นเวลาที่เขาได้ทำหน้าที่ที่เขาชอบ เขารัก เขาก็มีความสุข
เอ๋ : ก็ตกใจนะ แต่ด้วยความที่เราตกใจไม่ได้ เราก็ทำเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก ช่างมัน ก็คุณเลือกเอง ลึก ๆ ในใจมันก็กลัว ถ้าติดแล้วหายมันก็จบ แล้วถ้าลูกติดแล้วไม่หาย ตอนนั้นเราก็ไม่รู้อะไร แต่รู้ว่าโรคนี้เป็นแล้วมีสิทธิ์ตาย แต่จริง ๆ แล้วน้องพลอยเป็นห่วงที่บ้านมากกว่า
อะไรที่ทำให้ครองรักกันมากว่า 20 ปี ?
ดี้ : พี่ว่าความดีนะ พี่เห็นว่าพี่เอ๋ดีกับพี่ แต่ก็ส่วนหนึ่ง แต่พี่เอ๋ดีกับลูกของพี่เนี่ย มันทำให้พี่เนี่ยข้อเสียอะไรมันก็ไม่สามารถมาหักล้างมันได้
เอ๋ : คืออยู่ด้วยกันอย่าไปคิดมาก เด็กสมัยนี้มักจะบอกว่าฉันเป็นอย่างนี้ อยู่กับฉันได้ก็อยู่ ซึ่งจริง ๆ แล้วขนาดพี่น้องที่พ่อแม่เดียวกัน โตมาด้วยกัน ยังทะเลาะกันเลย แต่เราเลี้ยงมาคนละแบบเลย
อะไรที่ทำให้พี่เอ๋ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ แล้วยอมเปลี่ยนตัวเอง ?
เอ๋ : คือหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ได้เจอกัน สมัยก่อนจะมีพวกสารคดี แล้วเขามาบอกว่าพี่เอ๋เอาไหม เขารู้จักคน เขาไปถ่ายละคร แล้วได้งานนี้มา เอาไปเลย เขาทำไม่เป็น พี่บอกว่าพี่เอาเลยไม่ได้ มันเป็นของคุณก็ต้องมาแบ่งกัน
พี่ดี้รักอะไรในตัวพี่เอ๋ ?
ดี้ : เริ่มแรกเลยพี่ชอบพี่เอ๋ เพราะพี่เอ๋เป็นคนที่อารมณ์ดี พี่จะเป็นคนจริงจังกับชีวิตในทุก ๆ เรื่อง ทุกอย่างซีเรียสหมด เครียดหมด ฉะนั้นเหมือนเราขาด แล้วพอเวลาที่เจอเขา แล้วเขาจะเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง เราก็เคลิ้มไป
มีข่าวเมาท์ออกมาว่าพี่ดี้ป่วยหนัก ?
ดี้ : พี่ไม่ป่วย อาจจะเป็นรูปที่เขาแคปมา มุมนั้นอาจจะดูผอมมาก แล้วดูแก้มตอบ เพราะว่าเงามันดำ ๆ จริง ๆ ผอมลงจริง แต่ไม่ใช่อยู่ ๆ แล้วผอม คือตอนแรกพี่ก็ไม่ได้อ้วนมาก พี่ก็กิน 8 หยุด 16 มันก็ลงไปเยอะอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนั้นพี่ก็วิ่งมันก็ลง ๆ เสร็จแล้วพอโควิดมันไม่มีอะไรทำก็ออกกำลังกาย ปรากฏว่ามันก็ลีน ไขมันก็หายไปเรื่อย ๆ แล้วพอพี่มาทำหน้ากากปุ๊บ พี่ไม่มีเวลากินเลย มือมันไม่ว่าง ลูกค้ารอเราก็ต้องรีบทำ เมื่อก่อนน้ำหนัก 48-49 ตอนนี้แค่ 46 กิโล เราต้องมีเป้าหมาย แล้วพอเราเริ่มเห็นผล เราจะมีกำลังใจ
โกรธไหมมีคนมาเมาท์ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไร ?
ดี้ : ไม่โกรธหรอก คือเขาอาจจะไม่ได้เมาท์อย่างนั้น แต่เขียนมาเราอาจจะไม่ได้รับรู้ความห่วงใยผ่านน้ำเสียง เขาอาจจะหวังดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราไม่เคยคิดร้ายกับใคร เรามั่นใจมากว่าเขาไม่เกลียดเรา
เอ๋ : มองให้มันพลิกมุม
แล้วเรื่องเย็บหน้ากากผ้าขายเขาก็ไปเมาท์กันอีก แต่จริง ๆ คนที่อยู่ใกล้ตัวจะรู้ดีว่าพี่ดี้ทำเพื่อทำบุญ คนก็ไปเมาท์อีกว่าครอบครัวนี้ตกอับ ไม่มีงานทำ ?
เอ๋ : ใช่ ถูกต้อง ใครออกกองล่ะ มันก็ไม่มีงาน แล้วนอนหายใจทิ้งไปวัน ๆ เช้าทำกับข้าว กินข้าวเที่ยง ข้าวเย็นเสร็จ เข้านอน
ดี้ : ตอนโควิดใครมีงาน มันเบื่อมาก ในขณะที่พี่มีกิจกรรมทำ คือยังมีหมาแมวที่พี่ต้องดูแล แต่ระหว่างตรงกลางมันว่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนจะทำบุญ จะทำหน้ากากไปบริจาค แล้วเราก็มีจักรแต่ว่าเย็บไม่เป็น ไม่เคยเรียนรู้ใด ๆ เลย แต่ตอนนี้เย็บได้ เพราะพี่ว่าถ้าทำอะไรด้วยใจ แล้วก็มีแรง ใครจะอุดหนุนช่วยครอบครัวพี่ก็ทำบุญมาได้เลย อันละ 120 บาท พร้อมค่าจัดส่ง เราจะเอาเงินทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายไปช่วยทำถุงยังชีพ
เอ๋ : เราเริ่มจากเย็บให้เพื่อน เขาก็บอกว่าเย็บได้ เราลองไหม มันก็เกิดความลำบากที่เรา เพราะเราต้องเป็นคนพาออกไปซื้อ โห...ซื้อของเยอะมากนะ ซื้อกรรไกรใหม่ ซื้อผ้า เขาจะทดลองเยอะมาก แต่มันสนุกตรงที่มันได้ทำเพื่อคนอื่น
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.45-14.45 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama