x close

ฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร นวัตกรรมความงามแบบใหม่ หน้าเนียนใส ไม่ต้องพึ่งแอปฯ

          ฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร หรือ  BB Glow Treatment นวัตกรรมความงามใหม่ ที่ช่วยให้หน้าของสาว ๆ เนียนใสขึ้นได้ภายในพริบตา อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการแต่งหน้า เพราะไม่ต้องง้อรองพื้น ถ้าอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลย

ศัลยกรรม

          เชื่อว่าใคร ๆ ก็ฝันอยากมีผิวหน้าเนียนใสไร้สิวด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องฝันสลายเพราะปัญหาสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ที่ทิ้งรอยเอาไว้ให้ปวดใจ บางคนเสียค่ารักษาและค่าสกินแคร์ไปเป็นหมื่น ๆ ก็ยังไม่หาย จนรู้สึกมืดแปดด้าน ทำได้เพียงแต่งหน้าหนา ๆ เพื่อปกปิดร่องรอยเอาไว้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น

          แต่อย่าพึ่งถอดใจ เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งด้านศัลยกรรมและความงาม โดยล่าสุดมีนวัตกรรมที่เรียกว่า BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร ช่วยให้ผิวหน้าของสาว ๆ กลับมาเนียนใสได้อีกครั้ง ถ้าใครอยากรู้รายละเอียด และขั้นตอนการทำว่าจะเป็นอย่างไร ตามมาดูพร้อมกันเลย

ศัลยกรรม

ฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร หรือ BB Glow Treatment คืออะไร ?

          ปัจจุบันการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร คือนวัตกรรมความงามแบบใหม่จากเกาหลีใต้ ที่ใช้เทคโนโลยี Microneedling ซึ่งเป็นวิธีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังโดยใช้เข็มขนาดเล็กผลักบีบีครีมที่อุดมไปด้วยวิตามินและอาหารผิวลงสู่ผิวหนังในชั้นบนสุด มาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงกำลังคิดว่าการทำแบบนี้ต้องเจ็บมากแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเข็มมีขนาดเล็กมาก อีกทั้งยังใช้ความเร็วสูงในการจิ้มลงบนผิวหนัง ดังนั้นสาว ๆ จะไม่ทันได้รู้สึกตัวแน่นอน ! โดยทรีตเมนต์นี้จะช่วยปกปิดรอยดำ รอยแดง รูขุมขนกว้าง และปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสคล้ายการลงรองพื้นหรือบีบีครีมก่อนแต่งหน้านั่นเอง

BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร อยู่ได้นานถาวรหรือไม่ ?

          โดยปกติแล้วการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวรจะสามารถอยู่ได้นาน 4-6 เดือน โดยแนะนำให้กลับมาทำทรีตเมนต์ซ้ำอีกครั้ง หลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอนการทำ BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร

1. ทำความสะอาดใบหน้า

          เช็ดทำความสะอาดใบหน้าและลำคอด้วยคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อกำจัดความมันและสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวหน้าออกให้หมด ก่อนเริ่มทำทรีตเมนต์

2. ผลัดเซลล์ผิว

          ใช้เจลผลัดเซลล์ ทำความสะอาดรูขุมขนและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก เพื่อให้ผิวมีประสิทธิภาพให้การดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น

3. ปรับผิวหน้าให้สมดุล

          นำโฟมที่มีปรับสิทธิภาพในการปรับสมดุลของผิวมาทาให้ทั่วใบหน้า จากนั้นนวดเบา ๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที จึงใช้ฟองน้ำค่อย ๆ เช็ดออก ขั้นตอนนี้จะช่วยปรับค่า pH เพื่อความสมดุลของผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น

4. ทำทรีตเมนต์ Carboxy

          เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น โดยเริ่มจากนำเจล Co2 (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) ทาให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้แผ่นมาสก์แปะทับลงไป จากนั้นค่อย ๆ ใช้ฝ่ามือกดจนทั่วใบหน้า เพื่อให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเจลซึมซาบลงสู่ผิว ทำให้ผิวผลิตก๊าซออกซิเจนมากขึ้น ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ล้างระบบน้ำเหลือง กระตุ้นการเผาผลาญ และการผลิตคอลลาเจน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

5. ลง Meso Serum

          ขั้นตอนต่อไปคือลง Meso Serum ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นผลักตัวเซรั่มลงสู่ผิวด้วยเทคนิค Microneedling เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าขาวใสขึ้น

6. ลง BB Glow Serum

          เริ่มจากเลือกเฉดสีของรองพื้นให้ตรงกับสีผิวของคุณมากที่สุด  จากนั้นลงเซรั่มให้ทั่วใบหน้า แล้วผลักลงสู่ผิวด้วยเทคนิค Microneedling

ศัลยกรรม

7. มาสก์หน้าเพื่อความชุ่มชื้น

          เมื่อลงผิวเสร็จแล้วจะต้องมาสก์หน้า โดยนำแผ่นมาสก์มาวางทับลงบนใบหน้าที่มีเซรั่ม ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

8. บำบัดผิวด้วยแสง LED (Light-Emitting Diode)


          หลังเสร็จขั้นตอนการมาสก์ผิวแล้ว ต่อไปคือการบำบัดด้วยแสง LED เพิ่มอีกประมาณ 15 นาที เพื่อให้เซรั่มทำงานได้อย่างเต็มที่ แล้วจึงเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า

9. บำรุงผิวหน้า

          ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการทาครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยปลอบประโลมและฟื้นฟูผิวหน้าหลังการทำทรีตเมนต์

วิธีดูแลผิวหลังทำทรีตเมนต์


          - งดล้างหน้า แต่งหน้า และทาครีมบำรุงผิว ในช่วง 24 ชั่วโมง หลังทำทรีตเมนต์ โดยจะสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ในวันถัดไป

          - หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 2 สัปดาห์ หลังทำทรีตเมนต์ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ทุก ๆ 2 ชั่วโมง

          - งดซาวน่า และว่ายน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์

          - งดขัดหน้า หรือนวดหน้า 1 สัปดาห์


          - งดออกกำลังการหนัก ๆ 1-2 วัน

          - หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ สครับ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว เป็นเวลา 1 สัปดาห์

ศัลยกรรม

ผลลัพธ์ของการทำ BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร

          - ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่ต้องการมีผิวสวยเนียนใสเร่งด่วน เช่น เจ้าสาวที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ประตูวิวาห์ หรือนัดเดตครั้งแรก เป็นต้น

          - นอกจากจะช่วยปกปิดรอยตำหนิต่าง ๆ บนใบหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าแล้ว ยังช่วยลดรอยเหี่ยวย่น รอยคล้ำรอบดวงตา รวมถึงสิวหัวดำและสิวอุดตันด้วย

          - ช่วยปกปิดรอยแดง และเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า

          - เนื่องด้วย BB Glow Treatment เป็นการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวรลงไปบนผิว เวลาเหงื่อออกหรืออาบน้ำจึงไม่ไหลเยิ้มหรือหลุดออก เหมือนมีผิวเนียนใสมาตั้งแต่เกิด


          - วิตามินและอาหารผิวที่ผลักลงสู่ผิวจะช่วยลดเลือนริ้วรอย พร้อมทำให้ผิวของคุณแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ลง

          - BB Glow Treatment มีอนุภาคขนาดเล็ก รวมถึงปราศจากซิลิโคน ดังนั้น จึงไม่ทำให้เกิดสิวและอุดตันรูขุมขน

          - ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ พร้อมเผยผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส และเรียบเนียนอีกครั้ง

ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการทำ BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร


          1. การแพ้สารน้ำที่ใช้สักแล้วเกิดผื่นหรือก้อน (Granuloma)

          2. การเกิดรอยคล้ำบริเวณที่สัก

          3. การติดเชื้อที่เกิดจากการปนเปื้อนเชื้อโรคของเข็ม และน้ำที่ใช้สัก เช่น เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา, เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี และเชื้อไวรัสเอชไอวี เป็นต้น

          4. ผิวหนังที่ได้รักการทำ BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร มีความเสี่ยงต่อการไหม้ หรือสีผิวเปลี่ยนแปลงจากการยิงเลเซอร์ เพราะสีเนื้อที่สักเข้าไปในผิวหนังสามารถทำปฎิกิริยากับแสงเลเซอร์ได้ โดยมีแพทย์ผิวหนังหลายท่านออกมาเตือนให้ระวังการสักผิวหนังประเภทนี้

          ต้องบอกเลยว่า BB Glow Treatment หรือการฝังสีรองพื้นกึ่งถาวรนั้นเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาเรื่องผิวไม่เรียบเนียน และสีผิวไม่สม่ำเสมอเป็นที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้หน้าขาวใสอย่างไร้ที่ติแล้ว ยังประหยัดเวลาในการลงรองพื้นไปได้เยอะเลยทีเดียว ทั้งนี้สำหรับสาว ๆ คนไหนที่สนใจ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความงามก่อนทำจะดีกว่า จะได้สวยอย่างปลอดภัยด้วยยังไงล่ะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Prof Dr Woraphong/ศ. นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ, askcares.com, serenitymedspa.com, stellakimartistry.com



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฝังสีรองพื้นกึ่งถาวร นวัตกรรมความงามแบบใหม่ หน้าเนียนใส ไม่ต้องพึ่งแอปฯ อัปเดตล่าสุด 2 พฤศจิกายน 2563 เวลา 17:55:00 72,080 อ่าน
TOP