ตอนน้องเล็ก ๆ พี่เหนื่อยไหม เพราะพี่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ?
แอน : คือตอนนั้นเราก็ละครเยอะ รับหมดเลย บางทีกลับไปบ้านเราก็อยากจะพัก แต่มันก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ก็กลายเป็นเหมือนจู้จี้ขี้บ่น เด็กคงจะรู้สึกแบบนั้น
คุณแม่ต้องทำงานหนักเลี้ยงลูกคนเดียวด้วย ในทางกลับกันเรารู้สึกไหมว่าแม่ทำงานหนักเกินไป ?
นนนี่ : ตอนเด็ก ๆ เราไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนได้อยู่กับแม่ ทุกคนได้อยู่กับพ่อ บางที่เราได้เจอแค่ตอนเช้า ตอนเย็นก็ไม่ได้เจอแล้ว ไม่ได้มารับที่โรงเรียน
พี่แอนรู้ไหมว่าตอนเด็กเขารู้สึกแบบนี้ ?
แอน : ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละค่ะ
นนนี่ : แต่โตมาก็เข้าใจแล้ว รู้สึกโชคดี
ช่วงหนึ่งชีวิตในวัยเด็กเห็นว่าไม่ชอบสื่อมวลชนเลย ไม่ชอบวงการบันเทิง เพราะแย่งความรักจากแม่ไป ?
นนนี่ : ก็ไม่ใช่แย่งความรักขนาดนั้น แต่เราแค่รู้สึกว่าทำไมทุกคนได้เจอแม่ แล้วเราได้เจอแม่น้อย เหมือนอารมณ์งอน ๆ มากกว่า
แล้วพี่แอนรู้ไหมว่าสมัยก่อนลูกแอบน้อยใจสื่อ น้อยใจทุกอย่างที่สัมพันธ์กับชีวิตเรา ?
แอน : คือเรารู้สึกว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ปากแข็ง
ทำไมไม่บอกคุณแม่ไปตรง ๆ ว่าอยากให้คุณแม่อยู่ด้วย ?
นนนี่ : ก็เขาดูมีความสุขเวลาเขาทำงาน เราก็ได้เห็นจากในทีวี
มีช่วงหนึ่งที่เขาเรียนแล้วจู่ ๆ เขาก็ไปเรียนเมืองนอกเลยทันที พี่แอนรู้สึกเคว้งไหม ?
แอน : จริง ๆ เราเป็นคนอยากให้เขาไปเรียนเอง เวลาเราเห็นคนได้เปิดโลกทัศน์ เห็นโลกกว้างมันเป็นยังไง เราถ่ายแต่ละครอย่างเดียว ชีวิตเราอยู่แต่กับกองถ่าย เราไม่ได้เปิดโลกทัศน์เท่าไหร่
แล้วเขาไปจริง ๆ พี่แอนเหงาไหม ?
แอน : มันก็หวิวเหมือนกัน มันมีความรู้สึกว่ามีอะไรที่เราต้องห่วงแล้ว พอเราไม่เห็นมันก็คนละภาพกับที่เราเห็น
นนนี่ตอนนั้นไปเมืองนอก ไปกี่ขวบ แล้วไปที่ไหน ?
นนนี่ : เคยไปอยู่นิวซีแลนด์ประมาณ 13-14 แล้วไม่ชอบ เลยเปลี่ยนไปอยู่อังกฤษ
แสดงว่าวันหนึ่งแม่เดินมาบอกนนนี่ว่า นนนี่ ไปเรียนเมืองนอกเถอะ ?
นนนี่ : ก็คือคุยกันดี ๆ แบบว่าเดินเข้ามาปรึกษากันมากกว่าว่าอยากไปเรียนเมืองนอกไหม
แล้วเราบอกว่า ?
นนนี่ : ยังไงก็ได้
แล้วไม่คิดถึงแม่หรอ ?
นนนี่ : ก็เหมือนอารมณ์งอน เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว
พอไปแล้วคิดถึงคุณแม่ไหม ?
นนนี่ : ก็คิดถึง แต่ไม่โทร. หานะ งอน เมื่อไรแม่จะโทร. หา
แอน : ช่วงว่างเวลาคนละเวลา
นนนี่ : พอเราไปเรียนก็จะเป็นรูทีนแล้ว ตื่น กินข้าว ไปเรียน เลิกเรียน ที่เมืองไทยก็ตี 3 แล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้คุย
แล้วตอนย้ายไปอยู่อังกฤษเป็นยังไง ?
แอน : อังกฤษมันชิลกว่า เพราะพี่สาว น้องสาวก็อยู่นั่น คือถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อได้หมด
นนนี่ : ตอนไปอยู่เป็นโรงเรียนประจำ ทุกคนจะโดนรูทีนเหมือนกันหมด ตื่นเวลานี้ กินข้าวเวลานี้ ทำเหมือนกันหมด ก็เลยรับได้มากกว่า
ช่วงที่ไปอยู่นิวซีแลนด์ที่อยากกลับ เพราะไม่มีคนคอยทำอะไรให้หรือเปล่า พี่เลี้ยงก็ไม่มี ?
นนนี่ : นิวซีแลนด์ไม่เท่าไร เพราะบางทีโฮสต์เขาจะเป็นคนคอยจัดการซักผ้าให้เรา ทำความสะอาดบ้านให้ ตอนอยู่อังกฤษ ต้องเริ่มทำอะไรเอง จะเหมือนฝึกระเบียบเพราะเป็นโรงเรียนประจำ ช่วงเหลือตัวเองทั้งหมดประมาณ 70-80%
ตอนนั้นคือมีปัญหาไม่อยากอยู่แล้ว ?
นนนี่ : ก็มีงอแงบ้าง เพราะอยู่เมืองไทยเรามีพี่เลี้ยงตลอด
พี่แอนคิดว่าเราเลี้ยงลูกสปอยล์ไหม ?
แอน : ของพี่พี่ไม่รู้ แต่แม่พี่ก็เลี้ยงพี่แบบนี้ เขาก็ฝึกก็ตี แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ไม่เคยทำกับเขาก็คือการตี ก็จะใช้วิธีการพูดการอธิบาย ก็เลยดูเป็นจู้จี้ขี้บ่น แต่ตอนเด็ก ๆ แอนโดนตีฟาดกระหน่ำ
ไปอยู่ที่อังกฤษเขาจ่ายค่าเทอมให้ แต่การใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ เห็นบอกว่าต้องทำงานด้วย ?
นนนี่ : ช่วงเรียนปริญญาก็จะมีเวลาที่สามารถออกไปทำงานข้างนอก ได้ตามชั่วโมงของเขา ก็ไปทำงานเสิร์ฟ รีเซปชั่น ถ้าช่วงเปิดเทอมก็จะทำ 4 วัน ถ้าปิดเทอมก็จะทำเต็ม 5 วัน 5 คืน
ช่วงหลัง ๆ พี่ก็ไปใช้ชีวิตที่อังกฤษบ่อย ?
แอน : ใช่ พี่อยู่คนละโซนกับเขา พี่อยู่เชลซี
ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน ?
นนนี่ : เขาไม่ให้หนูอยู่ด้วยไง เขาบอกว่าโตแล้วไปอยู่เองไป จริง ๆ แล้วไม่หรอก เพราะบางทีเรากลับบ้านเขาหลับแล้ว ระบบน้ำอะไรก็เสียงดัง ประตูก็เสียงดัง
แล้วเราอยากอยู่กับแม่ไหม ?
นนนี่ : ไม่อยากค่ะ โตแล้วไม่อยากอยู่กับแม่
เห็นว่าคุณแม่รู้ข่าวเรื่องการขอแต่งงานผ่านไอจี ?
นนนี่ : ใช่ คือตอนเขาขอเราแต่งงาน เราก็คงไม่ได้โทร. บอกแม่ว่าเขาขอแต่งงาน เราก็โพสต์รูปไปแล้วก็หลับ นางก็มีมิสคอลประมาณ 30 สาย
ประโยคแรกที่ลูกรับโทรศัพท์คุยอะไรกับลูก ?
แอน : ตามนั้นเลยเหรอ คุยกับลูกไม่ได้คุยเป็นภาษาแม่มาก
นนนี่ : อืม ตามนั้นแหละ
แอน : พอเขามาบอกว่าจะแต่งงาน ถ้าจะแต่งงานก็ควรที่จะบอกทุกคนนะ เราก็มีบทเรียนว่าจะทำอะไรก็ต้องบอกแจ้งให้ถูกต้อง ถ้าเราส่วนตัวมาก ๆ ก็อาจจะทำให้คนสงสัย ก็คิดไปต่าง ๆ
ระยะเวลาปุ๊บปั๊บแล้วประกาศแต่งเลย ?
แอน : ใช่ คนก็จะหาว่าลูกท้องเหรอ
นนนี่ : อันนี้คือเศร้ามากเลยนะ คืออยากจะบอกทุกคนว่าเราไม่ได้ท้องนะ แต่เราอ้วน พูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เปิดโซเชียลมีเดีย
เราเตรียมงานแต่งมานานขนาดไหน ?
นนนี่ : เขาก็เคยคุยกับเราว่าเขาอายุมากแล้วนะ เขาอยากแต่งงาน สำหรับเราก็ยังว่าเร็ว คุยกับแม่ก็บอกว่าเร็วไป เราก็บอกว่าแม่ก็แต่งงานตอนอายุเท่านี้ไม่ใช่หรอ
ลูกเราอายุห่างจากแฟน 17 ปี พี่แอนรู้สึกว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรไหม ?
แอน : คือแอนก็มีความสมัยใหม่ แต่ก็มีความหัวโบราณอยู่ด้วย แต่แอนก็พยายามทำให้ดีที่สุดทั้งสองฝ่าย ก็มองว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป ช่องทางเดินของชีวิตมันอาจจะมีถูกบ้าง ผิดบ้าง คละเคล้ากันไป เราก็เป็นแม่ลูกกัน ต้องดูแลซึ่งกันและกันตลอดไป เพราะว่าความเป็นแม่ลูกก็ต้องอยู่กันไปจนวันตาย
ถ้าย้อนเวลาได้พี่อยากจะมีลูกตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนอายุมากแล้ว ?
แอน : แอนเป็นคนโตตั้งแต่เด็ก มีหน้าที่ความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก แอนจะขาดช่วงชีวิตวัยรุ่นไป แอนเรียนจบแล้วก็มีแฟนเลยเหมือนกัน แล้วก็ทำงานเลย รูทีนชีวิตเป็นแบบนี้ไปเลย มันก็จะแตกต่างกัน พอมีช่วงหยุดอยู่ต่างประเทศ เราได้ไปเที่ยวโน่นนี่ ได้เห็นโน่นนี่ มันมีอะไรน่าตื่นเต้นมากมาย
วันที่เจอหน้าคุณลูกเขยครั้งแรกที่เขาพามาแนะนำเป็นยังไง ?
แอน : จริง ๆ เขาก็เป็นเด็กไทยที่มีมารยาท เขาก็มากราบขอขมาเรา เขาก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมก็จะดูแลน้องให้เต็มที่ ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในมุมมองของคุณแม่ ลูกเรากับพอล (ลูกเขย) อนาคตไปด้วยกันสำเร็จไหม ?
แอน : เราก็ตอบไม่ได้ อันนี้มันต้องอยู่ที่เขาจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ยังไงเราก็พร้อมที่จะดูแลทั้งสองฝ่าย
แล้วนนนี่อายุห่างกันมีปัญหาอะไรไหม ?
นนนี่ : ก็มีนะคะเป็นเรื่องปกติ เอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เราทำตอนนี้ให้ดีที่สุด จะได้หรือไม่ได้ยังไงเป็นเรื่องของอนาคตมากกว่า
ตอนนั้นที่เรากินเยอะเพราะเราได้ยินคอมเมนต์ว่าเราสวยไม่เท่าแม่หรือเปล่า ?
นนนี่ : จริงๆ อันนี้คือเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว จะโดนคอมเมนต์ตลอดเวลาว่า ลูกไม่สวยเลย ดั้งก็ไม่มี แม่สวยกว่าตั้งเยอะ มันมีการเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กมากแล้ว โตขึ้นมาก็เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะสวยเท่าแม่ ก็กินไปเลยแล้วกัน อยากกินอะไรก็กิน ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมน้ำหนัก
แอน : บางทีมันก็เฮิร์ตจิตใจเราที่ได้ยิน คนที่พูดส่วนมากก็เป็นผู้ใหญ่ ทำไมลูกสาวไม่สวยเหมือนแม่เลย
เรากดดันไหม ?
นนนี่ : เราไม่กดดัน เราโกรธ เราโกรธว่าทำไมเราไม่ได้จมูกแบบนี้บ้าง แต่ไม่กดดันอะไรเลย
ตอนนี้แต่งงานแล้วจะมีลูกไหม ?
นนนี่ : หนูยังไม่อยากมีตอนนี้ จริง ๆ เราตั้งใจทำงานเก็บเงินแล้วไปเที่ยว
หลังจากโควิดจะกลับไปใช้ชีวิตที่อังกฤษไหม หรือมาอยู่เมืองไทย ?
นนนี่ : แล้วแต่แม่ เพราะเอาจริง ๆ ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อ พอเราได้กลับมาอยู่ยาว มาใช้ชีวิตอยู่กับแม่กับยาย กลายเป็นว่าเราก็ชอบนะ
แม่อยากให้ลูกสาวกลับมาอยู่เมืองไทยไหม ?
แอน : อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา ประเทศไทยนี่คือที่สุดของความสุขแล้ว อยู่เมืองนอกตื่นเต้น แต่ความสุขก็ไม่เหมือนประเทศไทย
ทำไมน้องนนนี่เป็นคนที่พิเศษและวิเศษที่สุดในโลกนี้ ?
แอน : เราก็มีลูกคนเดียว จะอะไรก็แล้วแต่ลูกเรา เราก็รักที่สุด มันเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา คุณแม่ทุกคนก็ต้องรักลูก หวงด้วย ห่วงด้วย แม่ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน แต่แอนก็จะเคารพการตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่าง
รักเขามากขนาดไหน ?
แอน : รักที่สุด มีอยู่คนเดียว
นนนี่ล่ะเห็นบอกว่าปากแข็ง ?
นนนี่ : เราก็ปากแข็ง แต่ทุกคนก็รู้ว่าเราก็รักแม่มาก อยากให้แม่มีความสุข อยากให้เขาสบาย
บอกความในใจกับแม่หน่อย ?
นนนี่ : หนูรักแม่ที่สุดในโลก หนูจะเป็นเด็กดีของแม่ตลอดไป อยากจะให้แม่มีความสุขมาก ๆ อะไรที่ทำให้แม่ไม่สบายใจแล้วก็เคยทำร้ายจิตใจแม่ หนูขอโทษค่ะ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.45-14.45 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama