- จริงหรือเปล่าที่ว่ายากแค้น ?
แม่สีดา พัวพิมล : ณ ช่วงนี้จริงค่ะ สีดาก็ไม่รู้จะตอบยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น มันผกผันเป็นเรื่องที่แปลกนะ ว่าทำไมเราถึงตอบอะไรใครไม่ได้ ไม่ใช่ไม่อยากตอบ หรือปิดบังข้อมูลที่แท้จริง แต่เราไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้
- ตอนเป็นดารามีเงิน ไม่ได้เก็บเลยเหรอ ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่ได้เก็บเงินเลยค่ะ เป็นคนเก็บเงินไม่เป็น เก็บเป็นว่าอะไรก็ไม่รู้ แย่เนอะ ได้มาง่ายก็ใช้ง่าย
- พอเลิกเป็นดาราแล้วทำอะไร ?
แม่สีดา พัวพิมล : ช่วงที่สีดาเป็นนักแสดง สีดาก็ทำงานบริษัท ถ้ามีงานเกี่ยวกับการแสดงก็จะไป เมื่อก่อนทำงานด้านโฆษณามาก่อน ถามว่าทำไมไม่มีเงินเก็บก็ตอบไม่ได้ สีดาใช้เงินเก่ง ไม่ได้ไปใช้เงินผิดประเภทนะ
- ดาราบางคนเก็บเงินซื้อบ้านซื้อช่อง ?
แม่สีดา พัวพิมล : เมื่อก่อนก็ซื้อบ้านค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย มีแต่ตัวกับหัวใจ หัวใจก็แทบไม่มีแล้ว บ้านโดนยึดไปหมดแล้ว สีดาไปขายฝาก ช่วงเกิดวิกฤตปัญหาชีวิต เราก็เอาไปขายฝาก กะว่าแป๊บเดียว 2 เดือน ไม่ได้จ่ายดอก เขาก็หาเรื่องยึดเลย
- บ้านราคากี่ล้าน ?
แม่สีดา พัวพิมล : หลายล้านอยู่ค่ะ ขายฝากมา 3 ล้าน เขาก็ยึดไปเลย เราก็เอาคืนมาไม่ได้
- เล่นการพนันบ้างมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ข่าวนี้ออกมาทำให้สีดาหงุดหงิดมาก สีดาออกสื่อไปเยอะมาก เกี่ยวกับเรื่องการพนัน และมีที่ร้ายแรงกว่าการพนันอีก ถ้าถามว่าสีดาไม่เคยเล่นเลย ไม่เคยเล่นไพ่ แสดงว่าสีดาโกหก เล่นบ้างแต่ไม่ใช่ถึงขนาดทุกวี่ทุกวันเข้าบ่อน
- โดนข้อหากล่าวร้ายแรงกว่านี้ คืออะไร ?
แม่สีดา พัวพิมล : เขาว่าสีดาติดยา ก็เลยรู้สึกว่าเอาอะไรมาพูดกัน งงมาก
- จริง ๆ ไม่เคยยุ่ง ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่มีหรอกค่ะ หน้าตาเป็นยังไงยังไม่เคยเห็นเลยค่ะ สีดาคงไม่ขนาดนั้นมั้งคะ
- คำว่าวิกฤตชีวิตคืออะไร ?
แม่สีดา พัวพิมล : อยู่ ๆ ก็ระเนระนาดไป มันล้มเหมือนคนอยู่ดี ๆ ก็มิดธรณีสูบไปเลย ไม่มีเงินใช้ ถูกกล่าวหาฉ้อโกง หลอกลวง ในชีวิตไม่เคย ตอนสีดามีข่าวที่ออกมา โห กระหน่ำเลยที่ฟ้องร้อง แต่ขอโทษนะคะ ฟ้องร้องดังมาก แต่สีดาชนะคดีทั้ง 3 ศาล ถ้าโกงคงไม่ชนะมั้งคะอาจารย์
- ได้เงิน 3 ล้าน เอาไปทำอะไร ?
แม่สีดา พัวพิมล : ช่วงนั้นสีดาอาจคิดสั้น คิดผิด เอาเงินเพื่อทำมาหากินเกี่ยวกับรับจ้างทำละคร ทีนี้ด้วยเป็นคนที่ไม่มีเงินเก็บ ก็เอาบ้านไปไว้ อีกอย่างตอนนั้นไปกู้นอกระบบ ร้อยละ 60 ต่อเดือน สีดาคิดผิด อีกอย่างก็ไม่ได้อยากจะไปรบกวนคนอื่นเขา ก็คิดว่าแป๊บเดียว เดี๋ยวเราก็ได้งานทำแล้ว
- เคยประณามตัวเองว่าโง่มั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ทุกวันค่ะ ตอนนั้นเราคิดสั้นเพียงแค่ว่าหนึ่งเราเกรงใจเขา เราไม่อยากไปวุ่นวายกับใครเรื่องเงินก้อนใหญ่
- ไม่รู้เหรอดอกเบี้ยเท่าไหร่ ?
แม่สีดา พัวพิมล : รู้ค่ะ แต่พอดีงานพลิกผันด้วย ทุกสิ่งที่เราคิด มันไปหมดเลย
- ไปกู้เขาได้ยังไง ?
แม่สีดา พัวพิมล : เจ้านึงจ่ายดอกวันละ 2-3 หมื่น สีดาวิ่งจนต้องกลายเป็นว่าแทบจะทั่วประเทศเพื่อหาเงินมาใช้หนี้
- สีดามีลูกชายที่เป็นพระเอก ตอนอ๊อฟอยู่ อ๊อฟมีรายได้เยอะ ตอนเสียชีวิตไม่ทิ้งสมบัติไว้ให้สีดาบ้างเลยเหรอ ?
แม่สีดา พัวพิมล : อ๊อฟก็ไม่ได้หนีไปจากสีดาเท่าไหร่ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (หัวเราะ) อ๊อฟเป็นคนที่ไม่ได้เก็บเงินเก็บทอง ได้มาก็ใช้ไป เขาจะแอบเก็บตรงไหนหรือเปล่า สีดาไม่ทราบ แต่ที่สำคัญที่สุด ข่าวออกไปว่าสีดาติดการพนัน ผลาญเงินลูกไปจนหมด มันขำจนขำไม่ออก สีดาไม่เคยเอาเงินลูก ไม่เคยขอเงินอ๊อฟเลย
- ตอนที่เสียชีวิตไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่มีเลยค่ะ มีแค่ค่าตัวงวดสุดท้ายที่เขาเสียชีวิตที่เล่นหลังสุด ก็แค่แสนกว่าบาท
- เคยได้เห็นบัญชีเงินฝากลูกมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ขอโทษนะคะ ไม่เคยเห็นค่ะ ลูกตายที่บ้าน เอทีเอ็มควรอยู่บ้านก็ไม่มีเลย สมุดเงินฝากก็ไม่เห็นเลย ด้วยความสัตย์จริงไม่มีเลย ตอนนั้นอยู่บ้านด้วยกัน แต่ไม่เคยรู้เรื่องบัญชี สีดาไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องเงินทองของลูก
- เคยคิดไปธนาคารที่ลูกเปิดบัญชีมั้ยว่าลูกมีมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : เคย โทร. ไปครั้งเดียวแล้วเขาบอกว่าน้องปิดบัญชีไปแล้ว ก็เลยหยุด สมุดมันต้องมีอัปเดต ทั้ง ๆ ที่อ๊อฟตายที่บ้าน สมุดก็ไม่อยู่ เอทีเอ็มก็ไม่มี ไม่รู้หายไปไหน เราไม่ได้ไปเช็กทุกธนาคาร และไม่ทราบว่าอ๊อฟใช้แบงก์อะไร
- อ๊อฟมีบ้านมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : พอเขาตายไปแล้ว ทางเพื่อน ๆ ร่วมกตัญญูบอกว่าแม่รู้มั้ยว่าอ๊อฟเขาซื้อบ้านเอาไว้หลังนึงกลางกรุง แม่ไม่รู้จริง ๆ นะว่าลูกเคยซื้อบ้านเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้ว่าตรงไหน ก็ยังไม่ได้เช็กจนทุกวันนี้
- ถ้ารู้ว่าลูกมีบ้าน ทำไมไม่ตามบ้านของลูก ?
แม่สีดา พัวพิมล : ก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
- รถอ๊อฟล่ะ ?
แม่สีดา พัวพิมล : รถก็ขายไปแล้ว เอาไปจำนอง เป็นช่วงวิกฤตด้วยแหละ ขายได้น่าจะแสน ได้แสนกว่า
- นาฬิกาแพง ๆ อ๊อฟมีบ้างมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : สีดาไม่ทราบค่ะ สีดาทราบจากผู้ช่วยเขานะ ว่าก่อนตายหมอดูทักได้ 3 วัน ว่าชะตาเขาขาดให้เขารีบไปทำบุญ เราก็ไม่รู้เรื่อง ถ้าลูกมาพูดเราอาจช่วยอะไรได้ แต่อาจเป็นแม่ลูกที่ไม่คุยกัน
- เขามีแฟนมั้ยตอนเสียชีวิต ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่เห็นนะคะ แต่คนก่อน ๆ สีดาจะรู้
- ข้อสงสัยว่าแฟนเอาทรัพย์สินไป ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่มีค่ะ ไม่ได้ปักใจอะไรด้านผู้หญิงเลย ไม่มีใครเคยให้ข้อมูลอะไรสีดาเลย
- ผู้จัดการเขาอาจจะรู้มั้ย ทำไมไม่ถาม ?
แม่สีดา พัวพิมล : สีดาก็อย่างที่อาจารย์พูด เหมือนโง่ (หัวเราะ) เรื่อยเปื่อย ไม่อะไรมากมาย
- สีดามีลูกสาว ตอนนี้อยู่กับใคร ที่ไหนอย่างไร ?
แม่สีดา พัวพิมล : ลูกสาวเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และที่สำคัญลูกเขา 3 แล้ว อาจารย์คงสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมสีดาไม่อยู่กับลูก คือสีดาไม่อยากรบกวนเขา หนึ่งเราอยากให้เขาอยู่กันเป็นครอบครัว ลูกเขาโตแล้ว เราก็ไม่อยากไปเป็นภาระให้เขา เขาก็ส่งเสียให้สีดาใช้เหมือนกันนะทุกเดือน ถึงแม้ไม่ได้เยอะอะไร เขาก็ยังให้ ให้ได้ตามกำลังของเขา จริง ๆ แล้วเราเป็นแม่ก็มีความสามารถทำโน่นทำนี่ก็ไม่อยากรบกวนลูก เพราะเขามีลูกอีก 3
- ระหว่างเขาส่งเสียให้เราเป็นเดือน กับการที่เราไปอยู่กับเขา อะไรจะเป็นภาระมากกว่ากัน ?
แม่สีดา พัวพิมล : ถ้าเราไปอยู่กับเขาสิ เป็นภาระ ถ้าเขาส่งเสียก็ให้มาเดือนละ 4 พัน ก็จบ อยากเลี้ยงหลาน คิดถึงหลานใจจะขาด คิดถึงลูกใจจะขาด แต่เราต้องอดกลั้น เพื่อต่อสู้ของเราเองไปก่อน
- ตอนนี้ทำงานอะไรบ้าง ช่วงตกอับ ?
แม่สีดา พัวพิมล : พูดไปแล้วก็มันดีนะ เป็นผู้จัดการร้านบ้าง ไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านบ้าง สีดาเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่ยี่หระกับงานทำได้หมด ขอให้มีเงินเข้ามาประทังชีวิต
- ลูกสาวเขาไม่ชวนสีดาไปอยู่ด้วยเลยเหรอ ?
แม่สีดา พัวพิมล : ใจก็ไม่อยากให้เขาชวน อยากให้เขาอยู่อย่างนั้น บางครั้งก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้แต่ละคนเข้าใจ ทุกคนมีคำถามแบบอาจารย์ว่าทำไมไม่เข้าไปอยู่กับลูก ทั้งที่ครอบครัวลูกก็โอเคดี เขาไม่ได้มีอะไรกับเรา ไม่ได้โกรธเคืองกัน เพียงแต่อยากหลบมาสู้ชีวิตของเราเองดีกว่า แล้วให้เขาอยู่ตามลำพัง
- ไม่กลัวชาวบ้านเขาหาว่าลูกสาวทิ้งแม่เหรอ ?
แม่สีดา พัวพิมล : บางทีก็ได้ยินนะ แต่บางทีต้องแก้ข่าวว่าไม่ใช่แบบนั้น สีดาต้องการให้เขาอยู่กันลำพัง ไม่อยากเข้าไปเป็นภาระ ในเมื่อเรามีแรงกายแรงใจออกมาต่อสู้ได้ สีดายังแข็งแรงนะคะ
- ลูกสาวฐานะดีมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ก็ปานกลางค่ะ ที่สำคัญลูกเขา 3 บ้านช่องเขาเราจะไปซุกตรงไหน บ้านไม่ได้ใหญ่โต
- ความสัมพันธ์กับลูกเขย ?
แม่สีดา พัวพิมล : เมื่อก่อนก็ดีนะ แต่พอสีดาเอาลูกสาวมาเซ็นค้ำประกันหนี้นอกระบบ ตอนนั้นสีดาก็โง่เอง เขาก็เลยกลายเป็นภาระ
- เขาต้องใช้หนี้ให้ด้วย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ด้วย เพราะว่าวันไหนสีดาช็อต ไม่มี วิ่งไม่ทัน เอาอะไรไปขายไม่ได้แล้ว เขาก็ไปเอาที่ลูก แรก ๆ ลูกโอเคไม่เป็นไร ช่วยได้ พอตอนหลังลูกก็ความแตก
- พอเขารู้ว่าลูกสาวช่วยแม่ ลูกเขยโกรธเหรอ ?
แม่สีดา พัวพิมล : เขาคงไม่โกรธ แต่เขาคงหงุดหงิดหัวใจว่า เฮ้ย อะไรนักหนา แต่เราเองเราก็รู้สึกผิดนะคะ ซึ่งเราเองก็ไม่ควรไปรบกวนเขา ไปทำให้เขาเดือดร้อน ไปทำให้ลูกเราเดือดร้อน ไปทำให้ครอบครัวเขาต้องเป็นปัญหา
- เหตุนี้หรือเปล่า เราเลยไม่อยากไปอยู่กับเขา เพราะความสัมพันธ์กับลูกเขยไม่ดี ?
แม่สีดา พัวพิมล : สีดาคิด แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดหรือเปล่า อาจจะมีหรือไม่มี แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้ใหญ่ เราไม่คิดว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น และเรารู้สึกว่ามันจะกลายเป็นว่าเราถูกเขามองโน่นนี่นั่นหรือเปล่า สีดาเลยคิดเยอะ เราก็เลยอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาเลย อะไรที่เราสร้างมา ทำไมเราถึงได้เก็บอะไรเอาไว้ไม่อยู่ทุกอย่าง
- ถ้าวันนี้มีโอกาสได้เจอหน้าลูกสาว อยากพูดกับเขายังไง ?
แม่สีดา พัวพิมล : เรารู้สึกผิดต่อลูกนะ เราคงได้แค่นี้่ล่ะ ถ้าพูดตอนนี้ พูดไม่ออกนอกจากเรารู้สึกผิด มันเป็นความรู้สึกที่อัดอยู่ข้างใน มันพูดไม่ได้
- คิดสู้ชีวิตอยู่มั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ทุกวันทุกคืนค่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวันยอมแพ้ สู้ ถ้าเป็นคนอื่น เขาฆ่าตัวตายไปแล้วนะ แต่เราไม่คิด คิดทำไมอันนั้นโง่กว่า สีดาอาจผิดพลาดด้านความคิด สิ่งที่เราตัดสินใจอะไรไป แต่ถ้าสิ่งนี้บอกเลยไม่เอา
- ได้ไปหาลูกสาวบ้างมั้ย ?
แม่สีดา พัวพิมล : ไม่ไปเลยค่ะ ยังรู้สึกผิดกับเขาอยู่ค่ะ