ผู้กำกับรุ่นเก๋าวัย 90 ปี กับฉายา "ระเบิดภูเขา เผากระท่อม" ฉลอง ภักดีวิจิตร ได้มาคุยทุกประเด็นตั้งแต่เริ่มเข้าวงการภาพยนตร์ จนมาถึงการทำละคร และเส้นทางความรักกับภรรยาที่อายุห่างกันถึง 45 ปี กับความพยายามมีลูกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ รวมไปถึงเรื่องที่เคยเป็นประเด็นใหญ่อย่างลูก ๆ ไม่พอใจพ่อที่แต่งงานใหม่ จนผิดใจกัน งานนี้ "อาหลอง" ได้มาเคลียร์ทุกคำถามผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ และใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร
- อยู่ในวงการมา 70 ปี ?
อาหลอง : ตอนที่เข้าวงการรู้ความว่าคุณพ่อกับคุณอาสร้างหนังแล้ว ประมาณ 2-3 ขวบ เราก็นัวเนียอยู่ในกอง หาความรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์ คุณพ่อก็จับแสดงภาพยนตร์ เข้าวงการจริง ๆ ตอนนั้นเป็นนักเรียนอยู่มัธยมแปด เริ่มเป็นช่างภาพถ่ายภาพยนตร์ มาเป็นผู้กำกับตอน 30 กว่า ตอนเราเป็นช่างภาพมันได้เปรียบกว่าคนอื่น พอเรารู้มุมการถ่ายมุมแสงบล็อกมุม เราใช้ชีวิตตากล้องหลายปี เรียนรู้อะไรต่าง ๆ
- หนังเรื่องแรกที่กำกับคือเรื่องอะไร ?
อาหลอง : อินทรีย์แดง หนังที่กำกับมาทั้งหมดเกือบ 30 เรื่อง
- ทำไมชอบละครบู๊ ?
อาหลอง : เราอยู่กับผู้กำกับหนังบู๊ทั้งนั้น ก็เลยติดมาเป็นนิสัย
- ทำภาพยนตร์กี่ปีถึงมาทำละคร?
อาหลอง : ในระยะนั้นวงการหนังซบเซา พอดีช่อง 7 มาเชิญอาไปทำละคร เรื่องแรกใหญ่เลย เรื่องระย้า ขาดทุนไป 2 ล้าน เพราะทำแบบสไตล์ภาพยนตร์ ละครที่ดังที่สุดและเป็นประวัติศาสตร์คืออังกอร์ภาคแรก รายได้ทำให้ช่อง 7 ร้อยกว่าล้าน
- อยากลองกำกับแนวอื่นบ้างไหม ?
อาหลอง : ประชาชนไม่รับ ผมเคยทำภาพยนตร์แล้วเจ๊ง ชื่อเรื่องว่ายิ้ม
- มีภรรยาอายุห่าง 45 ปี ไปเจอกันได้ยังไง ?
อาหลอง : อายุไม่เป็นอุปสรรค เจอกันแบบบังเอิญที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิตยังไงถึงมาเจอกันได้ ก็จีบแบบธรรมดา เราทำอะไรที่ให้เขารู้บ้างไม่บอกตรง ๆ ตอนแรกที่เห็นเราคิดว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่จะดูแลเราได้ เพราะการสร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ต้องมีผู้ช่วยที่ไว้ใจเรื่องการเงิน เราไม่สามารถที่จะไปดูแลได้เพราะเราทำงานหนักมาก เรื่องอายุรู้ว่าห่างกันเยอะแต่เราไม่ได้นึกถึง เรามุ่งอย่างเดียว คบกันปีนึงก็แต่งงาน
- ตัดสินใจแต่งงานเร็ว ?
อาหลอง : ตอนนั้นเราไม่มีคนดูแลเรื่องการทำงาน เพราะว่าการสร้างภาพยนตร์หรือโทรทัศน์มันต้องมีทีมงานมีคนดูแลที่เกี่ยวกับเรื่องการเงินการบริหาร เจ็บไข้ได้ป่วยเขาก็ดูแลไม่ขาด
- มีกระแสว่าเข้ามาหวังปอกลอก ?
อาหลอง : ดูแล้วเขาไม่ใช่คนประเภทนั้น ตอนแรกเขาก็คิดเมื่อกระแสมามาก ๆ เข้าเขาก็ทำใจได้
- พยายามมีลูกคนที่ 4 ?
อาหลอง : เขาปลงแล้ว ตอนแรกเขาอยากมี ก็ไม่พึ่งวิทยาศาสตร์ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ ตอนแรกเราก็อยาก แต่พยายามแล้วไม่มีเลยปล่อยไปตามธรรมชาติ สงสารเขาเหมือนกันไม่มีเพื่อนเลย
- เคยมีทะเลาะกันบ้างไหม ?
อาหลอง : มันก็มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ลิ้นกับฟัน โบราณเขาบอก
- อาหลองเป็นคนเจ้าชู้ไหม ?
อาหลอง : เจ้าชู้ครับ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เสน่ห์น่าจะอยู่ตรงที่เราเป็นคนทำงาน ผู้หญิงเขาไม่ได้ชอบคนรูปหล่อ เขาชอบผู้ชายที่เก่งมีความเก่งในตัว มีความสามารถผู้หญิงถึงจะชอบ
- ผิดใจกับลูก ?
อาหลอง : มันก็มีเป็นธรรมชาติ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องลูกหวงพ่อ เราก็เคลียร์ทุกอย่างให้เข้าใจ ภรรยาของเราก็รัก ลูกก็รัก คุยแล้วเขาก็เข้าใจ ตอนหลังเขาก็โอเค พ่อเป็นสิ่งเดียวที่เขายึดถือเคารพ เราก็เห็นใจชีวิตของลูก ภรรยาเราเราก็รัก มันต้องแยกคนละส่วน
- ใช้เวลานานไหมกว่าจะคุยได้กันปกติ ?
อาหลอง : ก็เป็นปี ๆ ครับ กว่าทุกอย่างเขาจะทำใจได้
- ทำละครคนละช่อง คนละบริษัท ?
อาหลอง : ก็เป็นบริษัทลูก ๆ เขาแยกไปทำเท่านั้นเอง
- ตอนที่งอนกัน 3 คนเลยไหม ?
อาหลอง : ไม่ครับ ผมไม่เคยทำงานกับลูก ๆ ตอนที่ผมสร้างเขาก็ยังไม่เป็นอะไรแค่ไปดูงาน พอเขาแยกไปเขาก็เป็นงานมาแล้ว เขาก็ได้ความรู้
บางกระแสข่าวบอกลูกกลัวภรรยาใหม่แย่งสมบัติ ?
อาหลอง : เรื่องสมบัติไม่ได้แย่งเพราะเราให้เขาไปหมดแล้วทั้ง 3 คน อันนี้ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไปหาเขาบางทีก็นัดกันบ้าง ตอนนี้ดีหมดครับ แต่ก็ไม่เจอบ่อยเพราะว่ามีงานกันเยอะ เราก็สบายใจทำงานได้สะดวก
- ถ้าลูก ๆ ดูอยู่อยากบอกอะไร ?
อาหลอง : ขอให้เขาทำงานใช้ความพยายาม ความสามารถ ขอให้เขาเจริญ ๆ