นุ๊ก สุทธิดา ลุ้นยังเหลือเซลล์มะเร็งอยู่ไหม กังวลสามีไม่กลับไทย โอดมีข่าวเลิกกันถี่

          ผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างหนักหน่วง สำหรับคุณแม่สุดสตรอง นุ๊ก สุทธิดา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ ที่ตรวจพบเซลล์มะเร็งจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และความกังวลใจเรื่องครอบครัว เกี่ยวกับข่าวเรื่องแยกกันอยู่กับสามี

          ล่าสุด (5 พฤศจิกายน 2563) ในงานบวงสรวงและแถลงข่าวละคร "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์" นุ๊ก สุทธิดา ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอัปเดตอาการป่วยว่า รออีก 2 เดือน ก็จะได้ไปตรวจอีกครั้งว่ายังเหลือเซลล์มะเร็งหรือเปล่า ถ้ายังหลงเหลืออยู่ ก็ต้องกลืนแร่เป็นรอบที่ 2 ส่วนตอนนี้ปกติดี อาจจะมีเหนื่อยง่ายนิดหน่อย น่าจะเป็นผลมาจากที่เป็นไทรอยด์อยู่ด้วย

          นุ๊ก เผยอาการช่วงรักษาตัวว่า ตอนผ่าตัดไม่ค่อยเท่าไร แต่ตอนที่กลืนแร่มันจะคล้าย ๆ กับการให้คีโม มันก็ค่อนข้างที่จะเหนื่อยมาก ต้องอยู่คนเดียว เพราะมีแร่กัมตภาพรังสีอยู่ในตัว ทำให้ไม่สามารถเจอใครได้ แม้กระทั่งหมอ พยาบาล ต้องดูแลตัวเอง มันค่อนข้างจะใช้ร่างกายพอสมควร อยากจะอาเจียน กินอะไรไม่ค่อยได้ เหมือนคนเมารถตลอดเวลาประมาณ 4 วัน คนที่ตัดไทรอยด์ไปแล้ว จะไม่มีต่อมไร้ท่อ ไม่มีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ต่อมไร้ท่อผลิต ก็จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต เป็นยาที่กินสำหรับทดแทนฮอร์โมนที่หายไป ส่วนมะเร็ง ตอนที่กลืนแร่จะทำ 6 เดือน เว้นครั้งหนึ่งถึงจะกลืนได้อีกครั้ง คุณหมอจึงยังไม่ได้ตรวจว่ามีมะเร็งหลงเหลืออยู่ไหม รอไว้กลืนได้ก็ตรวจเลย

          อย่างไรก็ตาม นุ๊กไม่กังวล คุณหมอบอกหายก็คือหาย ถ้าเป็นใหม่ก็ค่อยรักษาอีกทีหนึ่ง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่วันนี้ดีใจที่รอดชีวิตมาเล่นโลกทั้งใบให้นายคนเดียวเป็นครั้งที่ 2 นุ๊กทำใจตั้งแต่วันที่รู้ว่าป่วย ต้องยกความดีให้กับลูก ที่ทำให้นุ๊กรู้ว่าต้องอยู่เพื่อใคร จึงไม่ได้กลัวกับการใช้ชีวิตมากนัก ลูกช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น

          สำหรับเรื่องสามี นุ๊ก สุทธิดา เปิดเผยว่า ตอนนี้สามีไปอยู่มาเลเซีย เนื่องจากสามีบินไปทำเรื่องพาสปอร์ตหมดอายุ บวกกับเป็นช่วงโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ จนเดือนกันยายน รัฐบาลก็มีกำหนดแล้วว่าใครก็ตามที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทย หากพาสปอร์ต วีซ่าหมดอายุแล้ว ต้องเดินทางออกภายในวันที่ 26 กันยายน ซึ่งสามีก็เดินทางออกไปในวันนั้น

          ส่วนปัญหาในครอบครัวไม่มีอะไรเลย แต่มีข่าวเลิกกันแทบจะทุกช่วง 3 เดือนเลย เราทั้งคู่ยังไม่ได้เลิกกัน ถามว่าข่าวมาได้อย่างไร อาจจะฟังผิดหรือเปล่า หรืออาจจะจั่วหัวไว้ก่อน เพราะตอนนี้เราก็แยกกันอยู่ ยังไม่มีกำหนดการว่าจะกลับมาเจอกันเมื่อไร เพราะสามีก็ยังกลับมาไม่ได้ ยังรอทำพาสปอร์ต ตอนนี้กัวลาลัมเปอร์ก็ล็อกดาวน์อยู่ สามีก็ไม่สามารถไปทำพาสปอร์ตได้ ยืนยันว่ายังไม่เลิกกัน ถ้าเลิกจะบอก

          แต่ลึก ๆ ก็กลัวว่าสามีจะไม่กลับมา เพราะเขาก็เป็นเหมือนพ่อบ้าน เลี้ยงลูกตลอด น้องอดัม ลูกชายคนเล็ก สามีก็ดูแลทุกอย่างเลย พอเขาไม่อยู่ก็ไม่รู้ว่าใครจะดูลูก ตอนนั้นก็เลยแอบกังวลว่าจะกลับมาไหม ด้วยความที่เขาเป็นคนติดบ้าน ไม่เคยห่างพ่อแม่ ตอนที่มาเขาก็จะบ่นเสมอว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงอาหาร อยากกลับบ้านทุกเดือน แต่ด้วยความที่ทำธุรกิจ สามีก็เลยกลับได้ไม่บ่อย เฉลี่ยปีละครั้ง นุ๊กก็กลัวว่าเขากลับไปเขาจะร่าเริง ตอนนี้กลับไปเขาอ้วนมาก จากที่ผอม ๆ คงเอนจอยกับอาหาร เขาปาร์ตี้ทุกวันเลย

          ทั้งนี้ ยังไม่ได้คุยกันว่าจะกลับมาเมื่อไร ประเมินไว้ว่าต้องปีหน้าแน่นอน จริง ๆ คนที่น่าสงสารไม่ใช่นุ๊ก แต่เป็นน้องอดัม ลูกจะมีผลกระทบมาก เขานอนกับพ่อ อยู่กับพ่อตลอด แม่ยังเป็นคนทำงานนอกบ้าน เขาก็จะมีคำพูดที่ทิ่มแทง เช่น ให้บ๊ายบายแด๊ดดี้สิ เขาก็จะฮัลโหลสวนขึ้นมาเลย หรืออย่างที่เขาถามพ่อเขาว่าทำอะไรอยู่ พ่อบอกกำลังจะกลับบ้าน เขาก็จะถามว่าแด๊ดดี้ไม่กลับบ้านนี้แล้วเหรอ น้องยังเล็กมาก น้องไม่รู้ ถามว่านุ๊กคุยกับน้องยังไง ก็ไม่ได้อธิบาย เพราะเขายังไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามทำให้เขารู้สึกว่าพ่ออยู่ทุกครั้งที่โทร. มา ก็จะมีงอนกันบ้างถ้าโทร. หา แล้วพ่อไม่รับสาย นุ๊กอยากให้ลูกได้เจอพ่อทุกครั้งที่อยากจะเจอ

          นุ๊ก กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ยังติดต่อกันเหมือนเดิม จริง ๆ ไม่อยากจะพูดว่ารักกันเหมือนเดิมนะ เพราะทุกครั้งที่มีข่าวรักกันเหมือนเดิมจะทะเลาะกันทุกทีเลย แต่ช่วงที่มีข่าวว่าเลิกกัน จะรักกัน เชื่อว่าสามีไปไหนไม่รอด เรื่องระยะเวลาที่คิดว่าเขาจะกลับมา น่าจะมีหลัง 4 เดือนนับจากนี้