ล่าสุด (18 พฤศจิกายน 2563) ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณะ ณรงค์ เลิศกิตศิริ 2 ผู้ก่อตั้งบริษัท TPN 2018 และผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวด Miss Universe Thailand ก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว โดยก่อนที่จะเริ่มแถลงข่าว ปุ้ย ปิยาภรณ์ ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นมาด้วย เพื่อเป็นสิ่งการันตีว่าเรื่องที่พูดดังต่อไปนี้คือความจริงทุกประการ
โดยได้ชี้แจงกรณีสัญญา 3 ปี ว่า เป็นการพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญา ซึ่งในสัญญานั้นเป็นสัญญาการเป็นนางงาม 1 ปี ส่วนอีก 2 ปี จะเป็นสัญญาของการทำงานกับกองประกวด แต่หลังจากพูดคุยกันก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญา ส่วนเอกสารฉบับแรกที่ฟ้าใสได้เซ็นพร้อมผู้เข้าประกวด 60 คนนั้นไม่ใช่สัญญา แต่เป็นเพียงข้อตกลง ซึ่งหนึ่งในข้อตกลงนั้นมีระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่ได้รับตำแหน่งจะต้องเข้ามาเซ็นสัญญากับทางกองประกวดอีกครั้ง ยืนยันว่าเรื่องเงินรางวัลนั้นไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการหักเปอร์เซ็นต์ 50:50 เป็นเรื่องของการทำงานต่างประเทศ โดยทางกองจะเป็นผู้ออกค่าเดินทางและอื่น ๆ ทั้งหมด ส่วนในไทยนั้นยังเป็นฟ้าใส 70 กองประกวด 30 เช่นเดิม ไม่ได้มีลดเพิ่มแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังพูดถึงประเด็นการตื่นสายของฟ้าใส เมื่อครั้งไปประกวดอีกว่าเป็นความจริง โดยชี้แจงว่า เริ่มตั้งแต่เรื่องการจัดกระเป๋าที่พอไปถึงแอตแลนตาก็รื้อของออก ต้องมาจัดกระเป๋าใหม่ พี่ปุ้ยกับทีมงานเป็นคนจัดกระเป๋าเอง ส่วนฟ้าใสนั้นนอนหลับ กองประกวดนัดให้ไปวันที่ 28 เพื่อเตรียมทุกอย่าง เรานัดสื่อไว้แล้ว และจะได้ไปเลือกชุดดี ๆ ก่อนใคร แต่น้องงอแงไม่ยอม จะขอเข้ากองวันที่ 29 จึงนัดเวลาไว้ 09.00 น. เพื่อถึงกองตามฤกษ์ดี 09.19 น. น้องก็ไม่มาตามนัด
ตอนเช้าวันนั้นจึงไปเคาะห้องแต่เขาไม่ยอมเปิด เพราะยังไม่ตื่น เราไปทุบประตูห้องตอน 8 โมงกว่า ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธ พอคุณแม่ของน้องมาเปิดประตูห้องในสภาพเพิ่งตื่น เราจึงพูดเสียงดังใส่ว่าให้รีบปลุกน้องไปแต่งตัว ซึ่งทางคุณแม่ก็ตอบกลับมาว่า คนไทยเขารักน้องทั้งประเทศ ทำไมเขาจะรอไม่ได้ พอไปถึงกองน้องก็ถามว่าจะพูดว่าอะไรดี เราก็บอกว่าแล้วแต่น้อง ซึ่งสุดท้ายเขาก็บอกทุกคนว่าท้องเสีย