x close

เมย์ บัณฑิตา เคลียร์ปม โดนปลดบทนางเอก เพราะศัลยกรรม - ช้ำรัก เคยโดนเพื่อนแย่งแฟน

          เมย์ บัณฑิตา เล่าเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงเกือบ 20 ปี เคลียร์ดราม่า โดนปลดจากนางเอก เพราะศัลยกรรม พร้อมเปิดเรื่องรัก เคยโดนเพื่อนแย่งแฟน
เมย์ บัณฑิตา

          เป็นนักแสดงอีกหนึ่งคนที่อยู่ในวงการมานานเกือบ 20 ปี สำหรับ เมย์ บัณฑิตา โดยล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดเผยชีวิตในวงการบันเทิงผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
เมย์ บัณฑิตา

อยู่ในวงการมา 20 ปีแล้วใช่ไหม ?

          เมย์ : จะ 20 แล้ว เข้ามา 19 ปี จะ 20 แล้ว มันแป๊บ ๆ มากเลยนะ

ปี 2564 จะครบ 20 ปี เข้าวงการมาได้ยังไง ?

          เมย์ : เข้ามาแบบงง ๆ คือเข้ามาเรียน มศว ได้ประมาณครึ่งปี เจอแมวมองอยู่หน้าห้องน้ำ ตอนนั้นเราก็ไม่กล้าคุย เพราะแม่บอกว่ากรุงเทพฯ มีแต่คนน่ากลัว แต่เราก็ให้เบอร์โทรศัพท์แบบงง ๆ สุดท้ายไม่โดนหลอก เขาเป็นตัวจริง ตอนนั้นเขาเป็นผู้จัดการของ ยุ้ย จีรนันท์ ด้วย เขาก็ให้ไปแคสต์โฆษณา แคสต์หนัง

หนังเรื่องแรกในชีวิตได้เป็นนางเอกเลย ตอนนั้นเป็นเพราะโชคช่วยหรือความสามารถ ?

          เมย์ : ความสามารถไม่น่าจะใช่ น่าจะเป็นโชคมากกว่า
 

เมย์ บัณฑิตา

ไปเป็นนางเอกช่องมากสีได้ยังไง ?

          เมย์ : ตอนนั้นถ่ายหนังอยู่ประมาณ 3-4 เดือน ก็มีแคสต์นักแสดง ตอนนั้นหนังยังไม่ออนเลยนะ ก็ไปแคสต์ละคร ไปถ่ายรูป แนะนำตัว แค่นั้น อีกอาทิตย์ช่องเรียกไปเซ็นสัญญา พอวันที่เซ็นสัญญาก็ถามคุณแดงว่าจะต้องไปเรียนการแสดงไหม เพราะว่าหนังก็อีกแบบหนึ่ง ละครก็อีกแบบหนึ่ง คุณแดงบอกไม่เป็นไร ไปถ่ายเลย

ละครเรื่องแรกชื่อเรื่องอะไร ?

          เมย์ : ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว

พ่อแม่สั่ง ไม่ว่าจะดังขนาดไหนห้ามทิ้งการเรียนจริงไหม ?

          เมย์ : ใช่ เพราะมาจากครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่เป็นอาจารย์ ทุกอย่างอยู่ในกรอบหมดเลย แล้วเรารู้สึกว่าถ้าลูกสาวอาจารย์ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องเรียน แล้วแม่จะไปสอนใครได้ ก็เป็นความกดดันอย่างหนึ่ง

ละครที่ดังมาก ๆ คือ ชะชะช่า ท้ารัก ?

          เมย์ : ดีใจมาก เป็นละครเพลงอีกหนึ่งเรื่องที่เรางง ๆ กับตัวเองเหมือนกันที่อยู่ ๆ ได้ลงละครเพลง
 

เมย์ บัณฑิตา

เป็นคนร้องได้เต้นได้ตั้งแต่แรกเลยไหม ?

          เมย์ : ไม่ได้เลย เป็นคนดูการ์ตูนตั้งแต่เด็ก ไม่เคยร้องเพลง ไม่เคยเต้น ตอนนั้นก็มีฝึก ถามว่าทำได้ดีไหม ก็ถ้าย้อนกลับไปก็ทำได้ดีกว่า

แล้วชีวิตช่วงนั้นสัปดาห์หนึ่งถ่ายกี่เรื่อง ?

          เมย์ : สัปดาห์หนึ่งถ่าย 3 เรื่อง แล้วเป็น 3 เรื่องที่อยู่เต็ม ๆ เช้ายันเย็น เพราะเป็นนางเอก

เหนื่อยไหม ?

          เมย์ : เหนื่อยมาก เพราะขับรถเองด้วย เรารู้สึกว่าถ้าเราจ้างคนขับรถมาเขาต้องไม่ได้กลับบ้านแน่เลย สงสารเขา

ดัง ๆ อยู่ เราเดินไปบอกผู้บริหารว่าไม่เอาแล้ว จะลาออก ?

          เมย์ : คือเรามีความฝันตั้งแต่เด็ก เรารู้สึกว่าเราอยากไปเรียนเมืองนอก อยากไปใช้ชีวิต เสร็จปุ๊บเรารู้สึกว่าการมาทำงานในวงการบันเทิงมันอาจจะไม่ใช่ที่ของเรา ถามว่าเราทำได้ไหม เราทำได้ ตอนนั้นละครถ่ายอยู่ปีละ 4-5 เรื่อง เราก็ไปบอกผู้บริหารว่าขออนุญาตไปเรียนต่อ เขาก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก อยู่นี่แหละ ทำงานก่อน แล้วหลังจากนั้นละครมาเยอะมาก เห็นแก่เงินก็อยู่ต่อไป แต่ก็ยังค้างคาใจอยู่ว่าอยากไปใช้ชีวิตเมืองนอก แพลนไว้ว่าจะเล่นละครแค่ 4 ปี จริง ๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้เล่นด้วย อยากจะอยู่แค่ 4 ปี เรียนจบแล้วเอาเงินที่เล่นละครไปต่อโท แล้วกลับมาทำงานแบบคนปกติเขาทำ
 

เมย์ บัณฑิตา

เป็นนางร้ายครั้งแรกคิดมากไหม ?

          เมย์ : คิดมาก แล้วรู้เลยว่าครั้งแรกเราทำไม่ดี ไม่เต็มที่ แต่เรื่องต่อไปคือนางทาส เราเล่นเป็นบุญมี

แต่ก็มีคนเมาท์เราว่าช่วงหนึ่งเราไปทำศัลยกรรมหรือเปล่า ทำให้เปลี่ยนจากบทนางเอกเป็นนางร้าย ?

          เมย์ : ไม่จริง อันนี้ขอเถียงเลย ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ แต่แม่ไม่รู้ จริง ๆ เรื่องความสวยความงามชอบตั้งแต่ตอนเป็นนางเอกแล้ว คนก็มาเขียนนู่นนี่นั่นเยอะ แต่จริง ๆ ณ วันนั้นทำแค่อย่างเดียว คือทำคางและเอาออกแล้ว

แล้วหลังจากวันนั้นทำอะไรบ้าง ?

          เมย์ : ก็ทั่วไป ตอนนี้ที่มีก็ทำจมูก แต่ทุกคนชอบมาเถียงเมย์ตลอด ชอบบอกว่าเมย์ทำตา แต่จริง ๆ เมย์ไม่ได้ทำ เรารู้สึกว่าการไปทำสวยมันไม่ได้เสียหาย ถ้าคุณมีลิมิตในการทำ ถ้าคุณทำแล้วคิดว่าเหมาะสม โดยเฉพาะอาชีพที่มันใช้หน้าตา

เรียกว่าเราเสพติดศัลยกรรมได้ไหม ?

          เมย์ : ไม่ค่ะ ทรีตเมนต์ นวดหน้า เลเซอร์ อันนี้ทำประจำ แต่ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้จะไม่ทำเลย เพราะว่าขี้เกียจมาก เพราะมันเสียเวลา เสียเงิน
 

เมย์ บัณฑิตา

เมย์ยังมีนิสัยธรรมะธัมโม ชอบเข้าวัดเหรอ ?

          เมย์ : ชอบเข้าวัด ชอบคุยกับหลวงพ่อ ด้วยความที่เราอยู่กรุงเทพฯ แล้วเราอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่เราไม่ได้อยู่ด้วย เราก็อยากมีใครที่มาเตือนสติเรา เวลาเรามีปัญหา มีความคิดอะไรอยู่ในใจ เราก็อยากให้หลวงพี่ช่วยเตือน

นอกเหนือจากการเข้าวัดแล้ว คุณยังมีความหลงใหลในเรื่องของผ้าถุงมาก ?

          เมย์ : ชอบมาก ผ้าซิ่นไทย เมื่อก่อนเราจะชอบแบรนด์เนม แต่พอวันหนึ่งไปดูเกี่ยวกับเรื่องผ้าไทย ไปศึกษาเรื่องการทอผ้า เรารู้สึกว่าโคตรยากเลย จากนั้นก็จะเริ่มสะสม เริ่มใส่ ตอนนี้ที่บ้านมีเป็นร้อยเลยค่ะ หมดไปเยอะมาก

2 ปีก่อน ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ไปไหน ?

          เมย์ : ใช่ ๆ ไปค้นหาตัวเองที่อังกฤษ ด้วยความที่ทำงานเจอผู้คนเยอะมาก แล้วเมย์ก็รู้สึกว่าการอยู่ในสังคม ทุกคนชอบคาดหวังให้เราทำอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วก็ทำนู่นนี่นั่นให้เราตลอดเวลา แล้วเราไม่รู้ว่าปกติเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราเป็นคนยังไง เพราะว่าทุกคนมาบอกเราตลอด จำได้เลยวันนั้นต้นเดือน วางแผนเลยว่าไม่อยู่แล้ว ซื้อตั๋วแล้วไปปลายเดือนนั้นเลย ทิ้งบ้าน ไปคนเดียวกับกระเป๋าลากใบหนึ่ง
 

เมย์ บัณฑิตา

ไปอยู่ 6 เดือนทำอะไร ?

          เมย์ : อ่านหนังสือ ลงเรียนภาษาบ้าง เดินดูศิลปะ แล้วไปช่วยงาน เป็นเด็กโบสถ์ที่นู่นก็มี

เราไปช่วยแบบนั้นไม่น่าได้เงิน แล้วเงินมาจากไหน ?

          เมย์ : เป็นเงินเก็บค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้เรียนเมืองนอกไง

ชีวิตที่อยู่ที่นู่นมีความสุขมากไหม ?

          เมย์ : มีความสุขมาก ไม่อยากกลับมาเลย ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่ยาว ๆ

6 เดือนกลับมาเมืองไทย ?

          เมย์ : ใช่ เพื่อนแต่งงานพอดี ตอนนั้น ต๊ะ แอน แต่งงาน เราสัญญาว่าเราจะมางานแต่งงานของเขา เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็เลยกลับมา แล้วกลับมาเป็นจังหวะละคร ก่อนตะวันแลง เขาดีลเรามาพอดี เราอ่านบทแล้วแบบโอเค พี่ ๆ นักแสดง มันเป็นส่วนผสมที่เคมีลงตัว น่าสนใจ เราก็กลับมา

 

เมย์ บัณฑิตา

ย้อนอดีตไปสักนิด ความรักของคุณเมย์เป็นยังไงบ้าง ?

          เมย์ : แต่ก่อนจะเป็นความรักแบบลาเวนเดอร์กับม้าโพนี่ สวยงามมาก แม่เราก็จะพูดเสมอว่าเวลาเรามีความรักหรือมีแฟน เราจะต้องดูที่เขาเป็นคนดี แล้วเราก็ต้องเป็นคนเข้าอกเข้าใจ ยิ้มรับอะไรอย่างนี้จะได้อยู่กันยาว ๆ ทีนี้เขาไปเที่ยวเลานจ์ มีผู้หญิง ก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เพราะว่าเราจะรักกันที่ใจ แต่มันมีเรื่องผู้หญิงบ่อยมาก แต่เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก เรารู้สึกว่าเราคิดไปเอง เราต้องเข้าใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเราจับได้ เราก็ให้อภัย 3 ครั้ง

แล้วเราเข็ดความรักไปเลยไหมกับการเจอคนเจ้าชู้แบบนี้ ?

          เมย์ : เราก็เอาประสบการณ์มาเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ

แล้วคนไหนที่เพื่อนเราแย่งเราไป ?

          เมย์ : ก็มีคนหนึ่งคบนานประมาณ 4 ปี ก็เป็นคนที่ไปเที่ยวนี่แหละ จนมีวันหนึ่งเกิดไม่ไว้ใจ ก็เปิดดู เอ๊ะ คุ้น ๆ หน้าเพื่อนบ้านเขา หน้าเพื่อนอยู่ในบ้านเขา เราก็ถามเขานะ ถ้าเขายอมรับเราก็ให้อภัย แต่เขาไม่ยอมรับ เราก็เลยรู้สึกว่าต้องจบแล้ว เสียเวลา แล้วหลังจากนั้นคนก็เข้ามาจีบ แต่เรารู้สึกว่าด้วยสังคมที่นี่ วัฒนธรรม ค่านิยม รู้สึกว่าการจีบซ้ำซ้อน การคบซ้ำซ้อน มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า แล้วเราก็จับได้บ่อยมาก บางทีไปเดินสยามมากับผู้หญิง แล้วเขาก็เห็นเราพอดี

เมย์ บัณฑิตา

คนเดียวกัน ?

          เมย์ : คนอื่น ๆ ที่มาจีบ

เพราะเจอคนแบบนี้บ่อย ๆ เลยทำให้ไม่อยากแต่งงาน ?

          เมย์ : ไม่อยากแต่งงาน เพราะคุณแม่ชอบบอกว่า ถ้าเมย์แต่งงานแล้ว เมย์จะต้องมีความอดทนนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องให้อภัย แล้วต้องมีความเข้าใจ อยากจะบอกแม่ว่าบางอย่างยุคนี้จะเข้าใจตลอดไม่ได้ มันจะต้องมีการตัดจบเหมือนกัน ความอดทนมันจะต้องมีขอบเขต ทุกวันนี้ไม่กล้าแต่งงาน เพราะกลัวว่าถ้าแต่งงานแล้วต้องอดทน

แล้วคนไหนที่บอกว่าคุยกันมา 3 วันแล้วเลิก ?

          เมย์ : ก็มีเหมือนกัน เป็นคนที่เทเก่งมาก ไม่เข้าใจเหมือนกัน คือเราจะเป็นคนแฟร์กับผู้ชายที่เข้ามาคุยกับเรา คือเราเป็นคนเปิดนะ เราสามารถที่จะคุยได้ แต่ถ้าไม่ใช่ต้องหยุด อย่ามางอแง มันไม่ใช่คือไม่ใช่ โตแล้ว อย่าโตแต่อายุ

เมย์โสดไหม ?

          เมย์ : มีคนคุย

เมย์ บัณฑิตา

          ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.30 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เมย์ บัณฑิตา เคลียร์ปม โดนปลดบทนางเอก เพราะศัลยกรรม - ช้ำรัก เคยโดนเพื่อนแย่งแฟน อัปเดตล่าสุด 14 ธันวาคม 2563 เวลา 13:48:39 13,037 อ่าน
TOP