ปราโมทย์ แสงศร อดีตนักแสดงยุค 90 ที่วันนี้จะมาเผยชีวิต 30 ปี ในวงการ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, หนิง ปณิตา และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร พร้อมเผยความรักสุดช้ำ และรสนิยมความรักแบบไม่จำกัดเพศ
อยู่วงการบันเทิงมา 30 ปีแล้วใช่ไหม ?
ปราโมทย์ : เข้าวงการตั้งแต่ 16 ปีนี้ 46 เข้ามาในวงการเพราะว่ามีคนชวนไปเทสต์โฆษณา หนังสือ เธอกับฉัน เขาชวนผมไปขอสปอนเซอร์กีฬาสี เสร็จแล้วเขาเจอผมแล้วให้ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วเขาก็ไปเสนอให้กับโฆษณา บริษัทเอเจนซี่
เรื่องที่ทำให้พี่เขาดังเป็นพลุแตกคือ กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ?
ปราโมทย์ : เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก เข้าวงการด้วยการโฆษณา เสร็จแล้วไปเทสต์หนัง ก็ได้เลย
ความดังสมัยก่อนมันเป็นยังไง ?
ปราโมทย์ : ภาพยนตร์กลิ้งไว้ก่อนฯ เมื่อก่อนจะมีรอบสื่อมวลชน ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ เราก็ใส่ชุดนักเรียนไป แต่ว่าจะมีแฟนเข้ามารุม เราก็ทำตัวไม่ถูก ก็ชักสีหน้าไม่พอใจออกไป เพราะว่ารุมจนผมรู้สึกว่าใครก็ได้ช่วยกูหน่อย
เราแจ้งเกิดตั้งแต่เราเป็นวัยรุ่น มันอาจจะรับความดังมากไม่ได้ ปรับตัวไม่ถูก ?
ปราโมทย์ : มันเป็นครั้งแรกด้วย เพิ่งเลิกเรียนมาเจอ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าความดังมันคืออะไร ไม่รู้เรื่อง
มาเล่นละครกับอา ไก่ วรายุฑ เกิดอะไรขึ้น ทำไมไปทะเลาะกับอาไก่ ?
ปราโมทย์ : คือพี่ไก่เป็นผู้จัดคนแรกที่ชวนผมไปแสดงเป็นพระเอกละคร ช่วงนั้นมันเป็นการจัดการที่ไม่ดีมากกับตัว เพราะช่วงนั้นงานมันเยอะมาก ถ่ายแบบ 24 ชม. แล้วมาถ่ายงานของพี่ไก่ เสร็จแล้วผมตื่นสาย ไปกองสาย มันเหนื่อย เขานัด 10 โมง ไปบ่าย 3 แล้วผู้ใหญ่ทุกคนก็รอ แต่ตอนนั้นไม่ได้เกิดจากการเกเรอะไร แต่เกิดจากการทำงาน มันน็อก ไม่มีคนดูแลเราจริง ๆ ตอนนั้น มีแต่คนรับคิวให้อย่างเดียว
แล้วตอนนั้นเกิดเรื่องราวยังไง ไปถึงบ่าย 3 ฟ้าผ่าเลยไหม ?
ปราโมทย์ : มี้ก็มารอ เป็นตราบาปผมถึงทุกวันนี้ หลังจากนั้นพอถ่ายเสร็จ พี่ไก่ก็เรียกไปอบรม ก็น้ำตาไหลกันไป แต่ก็บอกเหตุผลเขาไป เขาก็ตักเตือนบอกว่าถ้าไม่ไหวก็ต้องโทร. บอก
แล้วที่ได้ข่าวว่าวีนจนนักข่าววงแตก ?
ปราโมทย์ : คือมันเกิดจากความเหนื่อย ตอนนั้นมีโอกาสได้เป็นนักร้องด้วย เพิ่งร้องเสร็จ แล้วเพิ่งลงมาเจอ เรารู้สึกว่ามันเหนื่อยแล้วทำไมต้องสัมภาษณ์
เขาถามประเด็นอะไร ?
ปราโมทย์ : วันนั้นน่าจะเป็นความเหนื่อย ๆ ล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับคำถาม
พอปรับตัวได้คุณก็กลับมาดังกับโลกทั้งใบฯ ?
ปราโมทย์ : ใช่ ๆ แล้วทางบริษัทก็มีคนช่วยดูแลเรามากขึ้น ชีวิตก็เป็นระเบียบมากขึ้น
สมัยก่อนมีคนมาเสนอไม่ใช่แค่ผู้หญิง มีผู้ชายด้วย ?
ปราโมทย์ : มันก็จะมีข่าว ถ้าสมัยนี้ก็เป็นคู่จิ้น สมัยก่อนเขาก็จะลงว่าจิ้นกับแอนดริว เกร้กสัน คือเราสนิทกัน ทำงานด้วยกัน แล้วสติแตก
แต่ยุคนั้นก็มีแฟนคลับผู้หญิงที่มาเสนอตัวด้วย เพราะเราดังมาก ๆ ?
ปราโมทย์ : มันน่าจะเป็นเรื่องของวัฏจักร เวลาเราไปร้องเพลง
เสนอมันมีทุกวงการ แต่คุณสนองไหม ?
ปราโมทย์ : ก็มีบ้าง
ที่คุยกับพวกพี่ ๆ เขาบอกว่าสมัยก่อนถ้ามันดังมาก แล้วเวลาไปร้องเพลงต่างจังหวัด มีบางคนมาถึงห้อง บุกมาเคาะประตู จริงเหรอ ?
ปราโมทย์ : มีที่เคาน์เตอร์อะไรอย่างนี้ มันมีบ้าง แต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้น บางทีมันเหนื่อยมาก ส่วนใหญ่ก็จะให้พี่ ๆ AR ช่วยดูแลไป
สมัยก่อนจิ้นกับแอนดริว เกร้กสัน จนมีข่าวว่าแอบกิ๊กกัน ?
ปราโมทย์ : ตอนนั้นอาจจะงง ๆ นิดหนึ่ง เพราะว่าเราสนิทกันมาก แล้วข่าวมันก็แรงมาก แล้วทุกคนก็อยากรู้มากว่าจริงไม่จริง
ถึงขั้นมีนักข่าวไปบุกบ้านหรือคอนโดพี่เลย ?
ปราโมทย์ : บุกบ้าน ไม่รู้ว่านักข่าวจริงหรือเปล่า ตอนนั้นผมไม่อยู่ เขาบอกว่ามาจากสำนักข่าวที่หนึ่งแล้วเข้าไปขอสัมภาษณ์ โมทย์กับแอนดริวเป็นแฟนกันจริงหรือเปล่าครับแม่ แม่ก็พาไปนั่งคุยเรียบร้อยเลย แม่ก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน
สรุปพี่โมทย์กับแอนดริวเป็นอะไรกัน ?
ปราโมทย์ : เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำงานด้วยกัน รู้จักแม่ ไปนอนบ้าน สนิทกัน แต่ว่าไม่ได้มีเรื่องเซ็กส์อะไรกัน
ตอนนั้นโมทย์มีแฟนเป็นผู้หญิง ?
ปราโมทย์ : ตอนนั้นยังไม่มี เพิ่งเริ่ม ๆ มีแฟนในวงการ ตอนนั้นคบกันประมาณ 2 ปี ซึ่งเขาก็เข้าใจว่าเรากับแอนดริวกิ๊กกัน ก็พยายามเหมือนเอาชนะ
หลังจากที่เลิกกับแฟนคนนี้ ทำให้โมทย์เปลี่ยนใจมาคบผู้ชายจริงไหม ?
ปราโมทย์ : ก็จริง
คบแบบไหน ?
ปราโมทย์ : ก็เป็นความรู้สึกที่ดี ก็คบกันนานประมาณ 5-6 ปี
สมัยก่อนแฟนคลับเรารู้ไหม ?
ปราโมทย์ : มันมีความคลุมเครือ แล้วผมก็ชอบความคลุมเครือ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้แคร์ เราก็ใช้ชีวิตของเรา
ตอนนั้นมีความอึดอัดไหม ?
ปราโมทย์ : มีความอึดอัดอยู่บ้าง
มันเป็นช่วงสับสนในชีวิตไหมว่าเราจะเลือกทางไหน ?
ปราโมทย์ : สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา ว่าเราต้องทำตัวยังไง แต่ในใจเราไม่ถึงขั้นแอบไปข้างหลัง ถ้าเดินไปก็เดินไปด้วยกัน ไม่ต้องเดินนำหน้า เดินถอยหลัง
ช่วงนั้นมีนักข่าวถามไหม ?
ปราโมทย์ : ก็ถามเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่เขาถามแอนดริวมากกว่าไง
ตอนนั้นกลัวกระทบภาพลักษณ์พระเอกไหม ?
ปราโมทย์ : ตอนนั้นผมว่าผมหัวก้าวหน้าพอสมควร ตอนนั้นเอาความรู้สึกเป็นใหญ่มาก ใช้ความรู้สึกล้วน ๆ เลย
คบอยู่ 5 ปี สุดท้ายก็แยกย้ายกันไป ?
ปราโมทย์ : ใช่ครับ ครั้งแรกความรู้สึกต่างคนต่างปรับตัวที่จะจบแล้ว ครั้งแรกไม่ค่อยหนักหน่วงเท่าไหร่
ที่รู้มาครั้งที่สองหนักสุด ?
ปราโมทย์ : หนัก ๆ ครับ เพราะเรารู้สึกว่าเราโตขึ้น เราอยากใช้ชีวิตคู่ปกติ แล้วเหตุการณ์มันดราม่า ผมไม่ค่อยชอบแบบนี้อยู่แล้ว
ตอนแรกคบกันแฮปปี้มาก แล้ววันหนึ่งเขาต้องไปทำงานเมืองนอก ?
ปราโมทย์ : เขาไปเรียนต่อเมืองนอก เป็นรุ่นน้อง เขาเรียนแล้วไปฝึกงาน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไปเจอคนใหม่
เป็นรุ่นแรก ๆ ของวงการบันเทิงที่เปิดตัวเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นคุณแม่ว่ายังไง แล้วเพื่อนเราว่ายังไง ?
ปราโมทย์ : ผมไม่เคยไปนั่งพูด ไม่ได้ไปนั่งบอกแม่เลย ไม่มีใครโง่บนโลกนี้ เขาจะพูดหรือไม่พูด เขารับเราได้หรือเปล่า เราไม่ได้มานั่งพูดว่าฉันเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากให้มีคำจำกัดความ
ที่บอกว่ารักแม่มากจากเรื่องนี้เพราะอะไร ?
ปราโมทย์ : เพราะแม่เห็นอาการ เขามาเตือนสติเรา แม่บอกแค่นี้เอง แค่มีผัวใหม่ ก็เรียกสติผมเลย
อยากบอกอะไรแม่ ?
ปราโมทย์ : ก็รักแม่
ตอนนี้พี่เปิดใจจะมีใครเข้ามาในชีวิตบ้างได้ไหม ?
ปราโมทย์ : ยังนะ เพราะมีรอยแผลก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ในการจะคบใครหรือการจะเปิดใจ
คนที่เข้ามาในชีวิตพี่โมทย์ต้องเป็นแบบไหน ผู้ชายหรือเปล่า หรือเป็นผู้หญิงไหม ?
ปราโมทย์ : ไม่ได้คิดไว้เลย แล้วแต่จังหวะ แล้วแต่โอกาส ในอนาคตเราไม่รู้ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้
แสดงว่านิยามความรักของพี่มันไม่จำกัดเพศ ?
ปราโมทย์ : ใช่ ซึ่งคิดอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.30 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
ภาพจาก Instagram andrewgregson