ตอนนี้เป็นคุณยายแล้ว ?
อาเปี๊ยก : สนุกดีค่ะเลี้ยงหลาน ตอนนี้ซนมาก เพราะเพิ่ง 2 ขวบ เขาเล็ก เขาซน ก็ดูแลมากหน่อย เราคอยช่วยดูแลทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เราที่อยากได้หลานเพิ่ม คนรอบตัวก็อยากได้ คุณพ่อ คุณตา พอได้หลานผู้ชายก็อยากได้หลานผู้หญิงอีก เลยถามเขาจะมีไหม เขาก็คิดว่าจะมี แต่ขอเว้นนิดหนึ่งทิ้งจังหวะหน่อย จริง ๆ อยากมีหลานหลายคน แต่คิดว่าเขาคงมีเพิ่มให้อีก 1 แหละ
ย้อนไปตอนอาการป่วยเกิดอะไรขึ้น ?
อาเปี๊ยก : มันเริ่มมาจากสมองค่ะ ซึ่งเราไม่รู้ ตอนเริ่มเป็นทานเลี้ยงกันอยู่ พอทานได้แป๊บเดียวก็เกิดอาการขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว จะหยิบทิชชูแล้วมันก็ตกจากมือ เราหยิบไม่อยู่ ไม่มีสัญญาณอะไรเตือน ไม่เคยเจ็บป่วย ไม่รู้อะไรดลใจให้เราจับมือเราแล้วปล่อยมือ มือเราก็ตกเลย ทำอยู่ 2 ครั้ง เราก็ค่อนข้างตกใจ หันไปบอกคุณต้อย ตัดสินใจบอกเขา ทำให้เขาดู เขาก็ตกใจไปโรงพยาบาล พอลุกขึ้นเตรียมจะไปเราก็เซ เราก็ยังไม่รู้เพราะเราก็ไม่มีอาการเวียนหัว พอก้าวเดินจะล้ม มันทำให้รู้ว่าเราเดินไม่ได้ ให้รถมารับหน้าร้าน เป็นโชคดีของเราที่มีคนรอบข้างอยู่ด้วยและไปโรงพยาบาลเร็ว
สาเหตุมาจากการอั้นปัสสาวะ ?
อาเปี๊ยก : มาคิดเอาตอนหลัง แต่ตอนพบหมอสัมภาษณ์เรานึกไม่ออก มันเป็นอาการปริแตกของเส้นเลือด หมอถามเราก็บอกไม่เคยเป็นอะไรเลย หมอวินิจฉัยอาจจะเป็นเลือดสวิงมาในขณะที่เส้นเลือดเราบางเพราะอายุเยอะแล้ว แต่พอมาตอนหลังเราพยายามนั่งคิดเพราะหมอถามว่ามีอะไรเครียดหรือเปล่า เราก็ไม่มี แต่พอมาคิดวันนี้เราเครียดเรื่องการอั้นปัสสาวะนะ รถติดบนทางด่วนอยู่ 2 ชั่วโมง เราก็กระวนกระวาย เราก็ไม่รู้ว่ายังไงแต่เราสันนิษฐาน
ร่างกายขยับไม่ได้ ?
อาเปี๊ยก : มันเสียไปเลยค่ะ ขยับไม่ได้ข้างหนึ่ง ตอนนั้นตกใจแต่เราไม่ได้กลัว เราคิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย เราดีใจที่คุณหมอบอกไม่ต้องผ่าตัด แต่เราก็แปลกใจทำไมมันเป็นเยอะจัง จากวันนั้นจนวันนี้เกือบ 10 ปีแล้ว ก็ทานยาและทำกายภาพ เราพยายามคิดพยายามหาทางติวเข้มกับตัวเองเลย ฝึกการขึ้น-ลงเดิน
ห่างหายจากวงการบันเทิงเลย ?
อาเปี๊ยก : มันรับไม่ได้ ตอนนั้นยังมีละครอยู่เลย กองละครก็คอยอยู่ 2-3 เดือน เราบอกอย่าคอยเลย ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อม เพราะเราเป็นคนที่ทำอะไรอยากทำให้เต็มที่
อาต้อยดูแลยังไงบ้าง ?
อาเปี๊ยก : จะว่าดูแลก็ไม่เชิงเพราะเขาก็ทำงาน เราไปโน่นนี่กันเสมอถ้ามีเวลา มีวันหนึ่งคุณต้อยกลับมาจากทำงานถึงบ้านตะโกนเรียกเรา บอกว่าเป็นอะไรไม่รู้ไอเป็นเลือดเลย เราก็รีบให้เขาไปหาหมอ
คุณหมอบอกว่าเป็นอะไร ?
อาเปี๊ยก : คุณหมอแค่สงสัยก่อน ควรไปสแกนให้ดีกว่านี้ มีฟองในปอด แต่ต้องไปดูให้ละเอียดอีก
หมอฟันธงเป็นมะเร็งในปอดระยะสุดท้าย ?
อาเปี๊ยก : เราแป้วเลย แต่ไม่พูดไม่แสดงออกให้เขารู้ ก็รักษาเป็นขั้นตอนไป อาต้อยเขาก็นิ่ง ๆ ดูซึมไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
ไปให้คีโมมีเอฟเฟกต์ อาต้อยเป็นยังไงบ้าง ?
อาเปี๊ยก : ร่างกายจะไม่สดชื่น ทานอาหารไม่ค่อยได้ เราคุยกันตลอด ให้เขาพยายามทาน หาอาหารที่อยากทาน
กำลังใจที่ทำให้ดีขึ้นคือหลาน ?
อาเปี๊ยก : อันนั้นเป็นความรู้สึกของเขา เขาคงรู้สึกเอง แรก ๆ เขาก็ซึม ๆ ตอนหลังก็ฮึดขึ้นมาว่าตายไม่ได้แล้ว ต้องอยู่ดูหลานโตให้ได้ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากค่อนข้างที่จะปกติ
ในสมัยก่อนคู่ขวัญมาแรง อรัญญา-สมบัติ แต่ชอบอาต้อย ?
อาเปี๊ยก : คู่จิ้นสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน อาเปี๊ยก อาต้อย ที่เราคบกันผ่านมาจากการทำงาน คนในวงการจะรู้ก่อน สื่อก็เอาไปเขียนเราก็ไม่ปฏิเสธ คือการยอมรับก็คือการเปิดตัว คู่จิ้นเราก็รู้ เขาไม่ว่าไร
แฟนคลับว่ายังไงบ้าง ?
อาเปี๊ยก : หลายคนคิดว่าเราเป็นคู่ขวัญนอกจอด้วย แต่บางคนก็เข้าใจแต่ก็ยังอยากให้เป็น บางคนก็เสียใจ ถามเวลาเจอ ตอนนั้นอาเปี๊ยกก็เล่นหลากหลายแล้ว มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น
ยุคก่อนอาต้อยเจ้าเสน่ห์ กลัวไหม ?
อาเปี๊ยก : ไม่รู้เลย ไม่รู้แบ็กกราวนด์เขาเลย แต่รู้ว่าเขาคบคนเยอะ มีคนต่อต้านไม่ให้คบ แต่เขาไม่ได้มาวอแวอะไรกับเรามากมาย คนในวงการก็ถามว่าทำไมเป็นอาต้อย คนเราถ้าคุยกันรู้เรื่อง ชอบอุปนิสัยใจคอมันก็คุยกันได้เรื่อย ๆ คบกันมา
คบหากันมา 41 ปี ประทับใจอะไรในตัวอาต้อย ?
อาเปี๊ยก : เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย อารมณ์ดี พอเราตกลงใจที่อยู่กันแบบไม่แต่งงาน เพราะเราอยู่ในวงการก็คือเป็นยังงั้น เราก็ชอบในความเป็นอยู่อย่างนี้ เราคุยกันรู้เรื่อง เพื่อนฝูงแฮปปี้
มีข่าวอะไรอาเปี๊ยกฟ้องนักข่าว 4-5 ฉบับ ?
อาเปี๊ยก : บางทีเขาเขียนไม่ดีรุกล้ำการเป็นส่วนตัวของเรามากไป และไม่จริง เราถือว่าไม่ให้เกียรติและย่ำยีเกียรติเราด้วย เขาใช้คำพูดแย่ ใครคบเราต้องมาเลี้ยงเรา ใครจะเลี้ยงเรายังไม่มีเวลานอนเลย