x close

น้ำฝน กุลณัฐ ย้อนอดีตรักเลิกพระเอกดัง โดนฝ่ายชายบอกเลิก แต่ช้ำคนกลับคิดว่าเธอทิ้ง !

           น้ำฝน กุลณัฐ เปิดใจเล่าอดีตรัก รับเคยคบพระเอกอายุน้อยกว่า 6 ปี แถมโดนพระเอกดังเป็นฝ่ายบอกเลิก แต่คนกลับคิดว่าตัวเองเป็นคนทิ้ง เพราะมัวแต่กำมะนาว แต่ในที่สุดฟ้าก็ประทานคนที่ใช่มาให้
 
น้ำฝน กุลณัฐ

           ชีวิตคนมันสั้นอยากทำอะไรให้รีบทำ น้ำฝน กุลณัฐ ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้กล่าวไว้ พร้อมยังได้เปิดเรื่องหัวใจหมดเปลือกในทุกเรื่องราวความรักในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน แต่อุ่นใจที่จะเล่าที่นี่ ทั้งความรักที่คิดว่าใช่แต่งแน่คนนี้ แต่อยู่ ๆ โดนขอบอกเลิกแบบฟ้าผ่า พอได้เจอความรักกับพระเอกรุ่นน้องที่อายุห่างกัน 6 ปี ก็อึดอัดจนไปไม่รอด
น้ำฝน กุลณัฐ

กับความรักครั้งหนึ่งที่ขนาดมีปัญหาแต่ก็ยังคบยาวมาเกือบ ๆ 5 ปี

          น้ำฝน กุลณัฐ : เกือบ ๆ 5 ปีค่ะ จริง ๆ มีปัญหากันมาตั้งแต่ 6 เดือนแรกที่เราคบกันเลย จนถึงวันที่เลิกกันแล้วก็ได้มานั่งคุยกัน แล้วเขาพูดกับเราว่าเขาอึดอัดแล้วเขาก็พูด ๆ ออกมา เราก็ อืม... แล้วก็มากำหนดอีก นั่งคิดอีก ว่าเราไปทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่า

แต่เพราะว่าเราเป็นคนในวงการแล้วก็เป็นอีกคู่ที่ทุกคนเชียร์ พอเลิกกันก็เลยกลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่

          น้ำฝน กุลณัฐ : เรื่องประเด็นข่าวจะต้องอธิบายให้เข้าใจนิดหนึ่งว่าฝนเลิกกับเขาตั้งแต่ 5 กุมภาพันธ์ เพราะว่าเราจะมีงานสุดท้ายด้วยกันคือวันวาเลนไทน์ แต่วันที่เราเลิกกันคือเราคุยกันอยู่ดี ๆ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่าเลิกกันเถอะ มันเหมือนกับเขาทำสิ่งหนึ่งแล้วเราบอกว่าไหนบอกว่าจะไม่ทำแล้วไง เหมือนเราไปจับเขาได้ เขาก็เลิกกันเถอะฝน อันนี้ช็อกของแท้เลย แล้วเขาเป็นคนที่ไม่เคยพูด เราก็บอกว่าเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวขอตั้งสตินิดหนึ่ง เราก็หาเหตุผล เขาก็บอกเราว่าเขาอึดอัด เขาไม่ไหวแล้ว เขาไม่มีความสุข
น้ำฝน กุลณัฐ

น้ำฝน กุลณัฐ

           แล้วจากวันที่เขาบอกเลิกเราคือเขาก็เดินออกจากชีวิตเราไปเลย คือเลิกเลย หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาก็โทร. กลับมาร้องไห้ ร้องไห้เหมือนเด็กเลย แล้วเขาก็บอกเราว่าเขารู้ว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเนี่ยคือเขาพลาดมาก เขาพูดว่าฉันรู้ว่าในอนาคตฉันต้องเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำ แต่ฉันอยู่ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเราก็พูดก็กลับมาสิ มาคุยกัน เขาก็บอกเราว่าฉันอยู่ไม่ได้แล้ว นิสัยเขา เขาเป็นคนที่ทำอะไรตามใจเขา ฝนคิดว่าเพราะฉะนั้นเขาต้องตามหัวใจเขาว่าเขาอยากได้อะไร ต้องการอะไร เสร็จแล้วเราก็บอกว่ายังเหลืองานอีกงานหนึ่งนะ 14 กุมภาพันธ์ มันก็ต้องไปเจอวันนั้น

           ซึ่ง 1 อาทิตย์ที่เขาออกจากบ้านไปมันเหมือนแบบเราก็เสียใจมาก แบบนอนไม่หลับ ตื่นตี 2-3 กินข้าวไม่ได้ ก็ไปหาหมอ หมอเขาก็ถามเราว่าเป็นอะไร เราก็บอกว่าเดี๋ยวหนูต้องเป็นโรคกระเพาะ เพราะว่าเรากินข้าวไม่ได้ นอนไม่ได้ ต้องเป็นโรคกระเพาะแน่ ๆ เพราะว่ามันเครียดมาก หมอก็งง ๆ แต่ก็ให้ยามา ก็ดูแลตัวเองไป ถามว่าร้องไห้ไหม ร้องจนแบบเพราะเราเสียใจมาก แต่ว่ามันก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ อาทิตย์แรกโหดสุด เราปล่อยอารมณ์ของเราไปเลยว่าไปให้สุดไม่ต้องไปกั๊ก มันเป็นความคิดของตัวเองว่าเวลาที่เราอกหัก หรือเวลาที่เราเครียด ไม่ควรกินเหล้า อันนี้อันที่หนึ่ง สอง แฮงก์ ปวดหัวอีก เสียใจอีก นอนไม่พออีก เราก็พักฟื้นตัวเองไปเรื่อย ๆ มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เราก็อยู่กับความเศร้าของมันจนเต็มอิ่มแล้ว

           พอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่เราต้องไปร่วมงานด้วยกัน วันที่เขาตัดสินใจเข้ามาพูดกับเราว่าฉันว่าเราบอกนักข่าวเถอะ เขาพูดประโยคนี้มา เราก็ถามว่าเธอแน่ใจนะ เขาก็บอกว่าแน่ใจ อยากจะเล่าเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ไม่เคยเล่าที่ไหน ด้วยความที่เราอยากได้เขากลับมามากเราก็ไปหาหมอดู หลังจาก 7 วันที่เราร้องไห้ฟูมฟายแล้วนะ อันนี้มันผ่านมา 10 ปีแล้วเล่าไปเถอะมันขำดี (หัวเราะ) เพื่อนก็เรียกหมอดูมา แล้วเราก็บอกว่าทำยังไงอยากได้เขากลับมา หมอก็แบบ คือดวงมันคงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็แบบจะเอาคนนี้เหรอ หมอเขาก็ไปปลุกเสกมะนาวมาให้ลูกหนึ่ง แล้วเขาก็บอกว่าตอนสัมภาษณ์ก็ให้กำเอาไว้นะ แล้วเราคือต้องเดินแบบด้วย เราก็คิดว่าจะกำมะนาวยังไง เพราะว่าเดินแบบเสร็จเราก็ต้องสัมภาษณ์เลย
น้ำฝน กุลณัฐ

น้ำฝน กุลณัฐ

           เพื่อนก็รักเรามากก็มาส่งมะนาวให้ แล้วพอดีชุดที่เราใส่เป็นกางเกง ตอนยืนสัมภาษณ์อยู่กำมะนาวอยู่ตลอด นักข่าวก็สัมภาษณ์ว่าเป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่าจะแต่งงานกัน แล้วผู้ชายก็ตอบว่าเราเลิกกันแล้วครับ คือตอนนั้นเราบีบมะนาวจนจะเป็นน้ำอยู่แล้ว (หัวเราะ) แบบโมโหมาก มะนาวไม่ช่วยอะไร แต่คือตอนนั้นนักข่าวก็งงว่าทำไมเราไม่เศร้าเลย เพราะว่าเรามัวแต่เอาใจไปที่มะนาว เราเลยขำ แล้วพอหลังจากบอกกันเสร็จตัวผู้ชายเขาเดินไปร้องไห้อยู่ข้างหลัง แต่เราเดินขึ้นรถไปเหมือนไม่มีอะไร คนก็เลยเข้าใจคิดว่าเราบอกเลิกเขา

           ส่วนความรักอีกครั้งของฝนคือน้องเขาเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาในวงการ เราได้สัมภาษณ์แล้วว่าเขาก็ยังไม่เคยมีแฟนเป็นดาราคนไหน เราก็เลยแบบลองดู (ถามว่าเขามาจีบไหม) คือเราไม่ได้เล่นละครด้วยกันนะคะ แต่เจอกันครั้งแรกที่กองถ่าย เพราะว่าเขาเป็นเด็กใหม่ เหมือนมาดูงานแค่นั้นจบ แล้วไปเจอกันอีกทีก็เหมือนเป็นปาร์ตี้บริษัท เพื่อนก็ผลัก เราก็ลองดู คบเด็ก อายุเรากับเขาห่างกัน 6 ปี
น้ำฝน กุลณัฐ

ใครเริ่มก้าวแรกก่อน

          น้ำฝน กุลณัฐ : น่าจะไปพร้อม ๆ กัน เพราะว่าเราว่าง เราโสดแล้ว ส่วนเขา.. ฝนก็คิดว่าเขาก็เด็ก เขาก็ไม่ได้คิดอะไร (ถามว่าตอนไหนที่เราคิดว่าเราจะคบคนนี้อย่างเป็นทางการแล้ว) เอาจริง ๆ นะคะ คนนี้เราไม่ได้รู้สึกว่าคนนี้แหละ แต่มันเหมือนกับเขาเข้ามาในจังหวะที่ค่อนข้างที่จะเข้ามาต่อเร็ว แบบไม่นาน ไม่ถึงปีอะไรอย่างนี้ ทำให้เรารู้สึกว่ามันจูนกันได้ มันคุยกันได้ มันก็เลยเหมือนตามน้ำไปเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็ 6 เดือนแล้ว 1 ปีแล้ว

ด้วยความที่อายุต่างกันมีผลไหมที่เราเริ่มเข้าไปเหมือนล้ำเส้นบางอย่างของเขา

          น้ำฝน กุลณัฐ : เอาจริง ๆ นะคะ ตอนนั้นไม่รู้ แต่พอที่เราสองคนคบกันแล้วเขาก็ดังมาก แล้วพอเขาดังมากแล้วบวกกับนิสัยของเขาเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำ เป็นคนที่ตามใจตัวเอง ด้วยความที่เราอยู่ในวงการมานาน เราก็เหมือนเราถูกผู้ใหญ่สอนมาเยอะค่ะ มันก็เลยเอาสิ่งที่เรารู้ไปบอกเขาว่าทำแบบนี้สิทำแบบนั้นสิ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันไปทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่า เพราะมันคือความหวังดี เพราะการที่เราจะอยู่ในวงการ เราต้องทำตัวแบบไหน (แต่ตอนนั้นเราคงเข้าไปจู้จี้ชีวิตของเขา) แต่ถ้าถามว่าเราเป็นคนจู้จี้ไหม เราเป็นคนชอบจัดการดีกว่าค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดแบบใส่อันนี้สิอันนั้นสิ คือไม่ได้ขนาดนั้น

          เราก็แค่แบบต้องตั้งนาฬิกาปลุกนะ เธอต้องไปออกกำลังกายนะ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เราก็พาไปซื้อเสื้อผ้า ถึงเวลาสัมภาษณ์จะได้ดูดี ถึงเวลาสัมภาษณ์ต้องพูดแบบนี้นะ เหมือนกับเขายังใหม่มากค่ะ เราก็หวังดี เพราะว่าเขาเป็นพระเอก แต่ในมุมของเขาคือเขาไม่ต้องการ เลยทำให้เราทะเลาะกันบ่อยด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างจุกจิก ๆ แต่ไม่ได้ไปทะเลาะในเรื่องที่ให้เขาทำอะไรนะคะ เพราะเราให้เขาทำอะไรเขาก็ทำนะ แต่เราไม่รู้หรอกว่าไปทำให้เขาอึดอัด แต่มันก็เป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างแฟนกับแม่ เรากลับมาคิดเอง คือจะบอกเลยว่าผู้หญิงเราจะมีเส้นบาง ๆ ระหว่างแฟนกับแม่อย่าข้ามไป
           คือเพื่อนคนนี้อีกแล้ว บางทีเราหาคำตอบไม่ได้เราก็เลยถามเพื่อนว่าเธอเคยห้ามแฟนทำโน่นนี่นั่นไหม เพื่อนก็บอกว่าเราว่าพ่อแม่เขายังไม่ห้ามเลย เราเป็นแฟนเราไปห้ามเขาทำไม พอฟังเสร็จเราก็จริง จะไปห้ามเขาทำไม แต่เรามารู้ตัวทีหลังนะคะ ตอนนั้นมันเหมือนกับตอนที่คบกับพระเอก เขาก็แบบปัญหามันเยอะมากแล้วเป็นปัญหาจุกจิก ๆ จนเราไม่ได้มองในมุมกว้าง บวกกับแบบอาจจะความไม่ไว้ใจอะไรหลาย ๆ อย่าง มันมีองค์ประกอบรวมเยอะ แต่ที่ทะเลาะกันหนัก ๆ เลยคือ เขาไปเที่ยวกับเพื่อน เราโทร. ไปไม่รับสาย เราก็โทร. จนตี 3 ก็ไม่รับ พอไม่รับสายผู้หญิงมันจะมีความจินตนาการที่เหนือธรรมชาติอยู่ คืออะไร จนตี 5 รับสาย

           คืนนั้นเราไม่ได้นอนเลย เราก็ถามว่า เฮ้ย.. อะไรคืออะไร เราก็ถามเขา เขาก็บอกว่าเพราะว่ามันเลตเวลา รับเวลาไหนก็ด่าเท่าเดิม (หัวเราะ) พอเขาพูดออกมาแบบนั้นวิธีคิดของเขา แล้วเราก็เป็นสายกำหนดก็จริง อันนี้เลยเป็นประเด็นที่ค่อนข้างหนักหน่วง เพื่อนเขาไม่เข้าใจเรา บางทีเพื่อนเขาเหมือนกับเห็นสิ่งที่เป็นเลยรู้สึกว่าเราไปตีกรอบกักขังเขาไว้เยอะ โดยที่เพื่อนไม่รู้ว่าเรื่องราวเรากับเขามันเกิดอะไรบ้าง
น้ำฝน กุลณัฐ

แล้วในที่สุดก็มาเจอความรักสุดท้ายในชีวิต

          น้ำฝน กุลณัฐ : มันเหมือนกับแบบนอกวงการก็มีแล้ว ในวงการก็มีแล้ว เราก็แบบไม่เอาแล้วดีกว่าออกนอกประเทศเลยดีกว่าอะไรอย่างนี้ เป็นความตั้งใจของเราเลยว่าจะไม่เอาผู้ชายไทยแล้ว เพราะตอนนั้นเราก็อายุ 34 แล้ว ซึ่งตอนนั้นเพื่อนเราก็บอกว่าต่างชาติเขาไม่ได้เกี่ยงเรื่องอายุ เราก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นโอกาสที่พอเหมาะที่จะเริ่ม เราก็เอาตัวเราไปในที่ที่ฝรั่งเขาอยู่ บวกกับอีกอันหนึ่งคือเพื่อนฝนมีแฟนเป็นฝรั่ง เขาก็พยายามหาเพื่อนเขามาให้เรา แต่เราก็ไม่ชอบจนเราโสดมา 1 ปี คิดเลยค่ะ หรือว่ามันต้องโสดแล้วเพราะตอนนั้นค่อนข้างที่เราจะคงที่แล้ว โหยหาไปแล้วเราได้อะไรที่ไม่ดีมาเลยไม่เอาดีกว่า ถ้าอยู่คนเดียวได้ก็อยู่คนเดียว

แล้วในชีวิตของเรา เราเคยคิดว่าจะแต่งงานมีลูกหรือเปล่า

          น้ำฝน กุลณัฐ : ไม่คิดเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ฝัน แต่พอเรามาเจอคนที่ใช่ แล้วเราคบกับจอร์ดอน แล้วมา 5 ปี ซึ่งที่มาเจอคนนี้คือเราก็เกือบถอดใจแล้วกับความรัก แล้วอยู่ดี ๆ ฟ้าก็ประทานเขาลงมา เขามากับน้องนักแสดงที่เรารู้จัก ก็อยู่ในร้านอาหารนะคะ เขาก็นั่งอีกโต๊ะหนึ่ง แล้วน้องเขาเข้ามาทักเรา แต่เราไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามาเป็นแม่สื่อ .. ก็เลยเป็นเหตุให้เขามาทักเรา แต่เราเจอเขาตอนแรกคือไม่ชอบเลยเพราะเขาเมามาก แล้วถามเราว่าไปเที่ยวฮ่องกงด้วยกันไหม เราก็แบบทำไมผู้ชายคนนี้เป็นอย่างนี้ (เพราะเขาทำงานฮ่องกง) เขาก็ทักมา แล้วเขาก็ชวนเราออกไปข้างนอก ไปกินข้าว แล้วเขาก็ขอโทษที่วันนั้นเขาเมามาก จนท้ายที่สุดเขาก็บอกเราว่าชวนไปกินข้าวนะ ไม่ได้ขอแต่งงาน ทำไมยากขนาดนี้ เราก็จริงเนอะ !!

          เขาก็บอกว่าออกมาเจอกัน ถ้าไม่ใช่เราก็เป็นเพื่อนกันได้ ฝนก็ชอบอะไรแฟร์ ๆ อยู่แล้ว เราก็เลยออกไป พอเจอเขาก็ตกใจ เหมือนคนละคนที่เราเจอวันแรกเลย เพราะดูเป็นนักธุรกิจมาดภูมิฐานขนาดนั้น ติดกับก็จนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ชอบในตัวของจอร์ดอนคือ เขาเป็นคนที่ให้ความสนใจ คือเราก็ไม่ได้เป็นนักเรียนนอกหรือเรียนศิลป์ภาษา พอเวลาเขาพูดมาคือเราฟังเขารู้เรื่อง แต่เราจะตอบช้า แต่เขาตั้งใจ พยายามเข้าใจ จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ พอเราคบกับเขาได้สักพัก เราก็บอกที่บ้านว่าเราคบฝรั่งนะ ที่บ้านก็เหมือนกับหน้าตึง ๆ ไปนิดหนึ่ง พี่ชายก็บอกว่าอย่าไปอะไรกับเขามากนะ เขาโสดจริงไหม ช่วงแรก ๆ เราก็ระแวงนิด ๆ ซึ่งตอนคบกับเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะแต่งงานหรือมีลูก แต่เคยคุยกับเขาเรื่องลูก แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่าเขาไม่เคยจินตนาการว่าเขาไม่มีลูก

          เขา 38 ฝน 34 ร่างกายของฝรั่ง เท่าที่หมอเขาเคยเล่าให้ฟังคือ 43 หรือ 45 เขาก็สามารถท้องได้ เขาก็เลยยังชิลอยู่ แล้วบวกเขาเป็นผู้ชายด้วย เขาหาแฟนเด็กกว่า 30 ก็ได้ เขาก็เลยคงไม่ได้คิดเรื่องตรงนั้น แต่พอเขาพูดประโยคนี้ขึ้นมามันเลยทำให้เราแบบยังไงดี ก็ไม่เป็นอะไรคบไปก่อน เขาดูแลเราดีมาก เสมอต้นเสมอปลาย ทุกวันนี้เป็นยังไงก็คือเป็นอย่างนั้น จนเคยมีความคิดขึ้นมาว่าเข้าใจแล้วเวลาที่ผู้หญิงที่เราอยากจะแต่งงานกับใครสักคนมันเป็นอย่างไร ฉันว่าตัวฉันอยู่กับเขาได้ก็คือแต่งงานใช่ไหมคะ ซึ่งพอมีโมเมนต์นี้ขึ้นมามันก็ข้ามไปแล้วว่าเราจะแต่งงานหรือเราจะไม่แต่งงาน

          พอเสร็จปุ๊บ !! แม่ป่วย เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แบบเคยทะเลาะกับแม่มาหลายครั้งมากเรื่องแต่งงานว่าแบบ.. ตั้งแต่คบกับแฟน 10 ปี แม่ก็อยากให้แต่งงาน จนคบกับแฟนที่มาถึงพระเอกแม่ก็อยากให้แต่งงาน เหตุผลอย่างเดียวเลยที่เขาอยากให้เราแต่งงานคือเขากลัวเราเหงา เราก็บอกว่าเราจะเหงาได้ยังไงเพราะหลานก็เต็มเลย พี่ชายเราก็มี คือเขาเคยพูดประเด็นนี้กับฝนกับจอร์ดอนมานานมาก ทำไมไม่พูดกับเขา เราก็แบบทะเลาะกับเขาแรงมาก ทำไมแม่จะต้องพูดเรื่องนี้ด้วยฝนเบื่อมาก ฝนดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัว ดูแลแม่ได้ แค่นี้น่าจะพอแล้วใช่ไหม ที่เราไม่ไปพูดกับจอร์ดอนเลย เพราะว่าเราไม่อยากไปทำให้เขาอึดอัด เพราะเราไม่รู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง เราก็เลยมีความรู้สึกว่าทำไมเราต้องไปบังคับถ้าในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลา

          แล้วอีกอย่างการแต่งงานมันไม่ใช่แบบ (ร้องไห้) สิ่งสำคัญในชีวิตฝนที่ฝนคิด เราก็ไม่เข้าใจว่าแม่ทำไมต้องเอาสิ่งนี้มาพูดให้เป็นประเด็นอยู่ได้ วันที่แม่ยังแข็งแรงอยู่มีครั้งที่เขาบอกให้เราคุยกับจอร์ดอน เราก็บอกเขาไปว่าทำไมไม่ไปคุยกับเขาเอง ไม่บอกเขาเอง เพราะเรารู้ว่าแม่พูดกับจอร์ดอนไม่ได้ เพราะว่าเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็บอกให้แม่เลิกพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหม แม่อยากจะให้เขาแต่งงานแม่ก็ไปคุยกับเขาเองแล้วกัน แล้วแม่ก็เขียนจดหมายมา 1 ฉบับ เพื่อให้เราไปหาคนแปลให้เขาหน่อย แต่เราไม่ได้เอาจดหมายไปแปลนะคะ จอร์ดอนก็ไม่รู้ แต่ฝนได้อ่านจดหมายที่แม่เขียนนะคะ แล้วแม่ก็ร้องไห้ ฝนก็แบบถ่ายรูปแม่วันนั้นไว้ด้วย แล้วก็ส่งไปให้เพื่อนดูว่าฉันบาปไหมทำแม่เสียใจ เพราะตอนนั้นเราแค่ไม่อยากไปกดดันจอร์ดอน เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเขาอยากแต่งกับเราหรือเปล่า แต่เรารู้สึกว่าเราอยู่กับผู้ชายคนนี้ได้

          ถ้าเขาขอฝนแต่งได้ แต่พอวันที่แม่ป่วยคือ ถ้าคนเข้าใจ Stroke จะเหมือนว่ามันคืออุบัติเหตุ คือเดินอยู่ดี ๆ ปึ้กเดียวพิการ มันเหมือนคุยกับแม่อยู่วันนี้ ตื่นมาแม่พูดไม่ได้ คือมันเลวร้ายมาก แม่หายใจไม่ออกตอน 8 โมงเช้า แล้วเป็นช่วงเวลาที่รถติดมาก พอถึงโรงพยาบาลเครื่องมือก็ไม่ได้พร้อมอันนี้ อันนั้นไม่มี วันนั้นคือรถพยาบาลฉุกเฉินถึง 3 คันกว่าที่เราจะไปถึงโรงพยาบาลที่พร้อมทุกอย่าง สิ่งหนึ่งที่จอร์ดอนเขาดีกับเรามาก แล้วหมอเขาก็แจ้งเราว่าแม่เป็นสมองตีบตรงส่วนกลางนะ ซึ่งมันจะเป็นส่วนที่ควบคุมระบบหายใจทั้งหมด ก็มาลองดู 3 วัน ถ้าแม่หายใจด้วยตัวเองไม่ได้ก็คือแม่ไป ตลอด 3 วันนั้นเราก็ไม่ได้นอนเลย นั่งจับมือเขาไว้ตลอด (ร้องไห้)

          จอร์ดอนคือดีมาก เขาไม่ทิ้งเราเลย เขามาจับมือแม่ แล้วก็บอกว่าให้ฝนเนี่ยไปกินข้าวนะ เดี๋ยวเขาจับมือแม่ไว้เอง ซึ่งเขาพูดไทยไม่ได้ แล้วเขาก็จับมือแม่แบบนั้นจนฝนกลับมา พอเราเห็นแม่อาการดีขึ้น ฝนก็เลยหันไปถามเขาว่าที่เธอเคยพูดว่าเธออยากจะแต่งงานกับฉัน เธอยังอยากแต่งงานอยู่ไหม เขาก็ตอบว่าอยากแต่งสิ ฝนเลยบอกเขาว่างั้นเราแต่งกันเร็วหน่อยได้ไหม ฉันอยากให้แม่ไปงานแต่งงานฉัน ฤกษ์ดีคือ 26 เมษายน แต่วันนั้นคือโรงแรมไม่ว่าง เราก็เลยจัดพิธีถือเคล็ดที่บ้านไปก่อน โดยมีการทำบุญตักบาตร รดน้ำสังข์ ซึ่งจัดพิธีแต่งจริง ๆ คือ 23 พฤษภาคม เพราะว่าโรงแรมว่างวันนั้น

          วันแต่งงานคือเป็นวันแต่งงานที่แบบ after party นี่แบบไม่มี เพราะว่าเราต้องอยู่กับแม่ตลอด ทุกคนก็แบบทำไมมันรวดเร็วมากแต่งงานอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นแม่ยังรับรู้อยู่ ฝนมั่นใจเพราะว่าเขายังนอน ๆ อยู่ร้องไห้ เขาก็พูดขึ้นมาว่าเขาอยากตาย แล้ววันที่เราแต่งก็คือวันที่คุณแม่ร้องไห้ ก็ขอให้เขายังจำได้อยู่ ซึ่งเขาก็อยากให้เราแต่งงาน อยากให้เรามีลูก เราก็รีบมีลูกเลย
น้ำฝน กุลณัฐ

วันนี้มีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว เราอยากจะบอกอะไรกับคุณแม่บ้าง

          น้ำฝน กุลณัฐ : อยากจะบอกว่าความจริงน่าจะฟังแม่ตั้งแต่แรกเนอะจะได้มีลูกเร็ว ๆ (หัวเราะ) เขาก็ยังได้เล่นกับหลานมากกว่านี้ มันมีเรื่องเศร้าอีกอันหนึ่งตอนนี้ ทาเรียเขาโตแล้ว เขา 3 ขวบครึ่งแล้ว บางทีเราก็คุยเล่นกับเขา ถ้าหม่ามี้แก่ ทาเรียจะดูแลหม่ามี้ไหม เขาก็บอกว่าไม่อยากให้เราแก่ (ร้องไห้) ทาเรียกลัวหม่ามี้พูดไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเห็น แล้วเขาไม่อยากให้เราเป็น ฝนเคยเอาวิดีโอแม่ตอนที่แม่พูดได้ เขาก็ถามว่าทำไมยายพูดได้ มันก็เลยแบบเราก็คิดว่าถ้าเรามีเร็วกว่านี้แม่ก็ยังได้พูดได้เล่นกับทาเรีย ซึ่งอาการคุณแม่ตอนนี้โดยรวมคือมีความสุขดีนะคะ เราก็ดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แต่ว่าเขาก็ถดถอยคือ..เขาไม่ค่อยรับรู้แล้ว ประสาทตอบรับเขาช้ามาก เหมือนกับฝนถามแม่ว่าแม่จำฝนได้ไหม แม่ก็แค่มอง

ในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตฝนที่ได้เห็นคือฝนจะมีการเรียนรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร มาถึงตอนนี้ ณ จุดนี้ โอเคเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะต้องแบบแก้ไขมันหรือต้องทำให้มันดีกว่านี้

          น้ำฝน กุลณัฐ : ฝนบอกรักลูกทุกวันเลย แล้วก็บอกรักสามีทุกวันเลย ไม่รู้สามีเข้าใจหรือเปล่า เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน แล้วก็แบบอยากทำอะไรก็ทำ อยากทำอะไรกับคนที่เรารักก็ให้รีบทำ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ และสิ่งหนึ่งเลยคือ ถ้าเราเข้าใจไม่ว่าแบบเป็นแฟนใหม่ แฟนเก่า แฟนอะไรสักอย่าง ฝนว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องเกลียดกันก็ได้ค่ะ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แล้วอีกอันหนึ่งที่ฝนเชื่อเลยคือว่าศีล 5 คือช่วยนะ คือหมายความว่าเราเห็นใครทำอะไรไม่ดีกับเรา แล้วเราก็ไปทำไม่ดีกับเขากลับ อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไป แล้วเราไม่ได้คิดว่าเราไปแย่กับใคร วันหนึ่งเราก็จะได้สิ่งดี ๆ กลับมาเอง
           สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูบ
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำฝน กุลณัฐ ย้อนอดีตรักเลิกพระเอกดัง โดนฝ่ายชายบอกเลิก แต่ช้ำคนกลับคิดว่าเธอทิ้ง ! อัปเดตล่าสุด 22 มีนาคม 2564 เวลา 18:29:23 34,067 อ่าน
TOP