ถือเป็นคดีที่สังคมจับตาอยู่ในขณะนี้ กรณี ไวท์ ณวัชร์ นักแสดงค่าย GMMTV เปิดเผยเรื่องราวของพ่อและแม่ถูกชายคู่กรณีขับรถปาดหน้า ก่อนลงมามีเรื่องทำร้ายกัน และชายคนดังกล่าวได้ตบหน้าแม่ของไวท์ ซึ่งทราบภายหลังว่าชายคนดังกล่าวเป็นลูกของข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม ทางครอบครัวจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่นั้น
วันที่ 25 สิงหาคม 2564 วันบันเทิง รายงานว่า ไวท์ ณวัชร์ พร้อมด้วยคุณพ่อ ครอบครัว และทนายความไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางมาที่ สภ.บางกรวย เพื่อเจอกับคู่กรณี โดยทนายเผยว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นเพราะคู่กรณีเริ่มต้นก่อน พ่อของไวท์เลยป้องกันตัว ส่วนแม่ของไวท์ก็เข้าไปห้าม แต่ถูกคู่กรณีตบกลับมา และล้วงมือเข้าไปในรถเขวี้ยงกระเป๋า ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของเรา ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่จะตั้งข้อกล่าวหาอะไรบ้าง
ด้านพ่อของไวท์ เผยว่า ในส่วนที่ทางคู่กรณีอ้างว่าเราไล่บี้เขาก่อนนั้น ยืนยันว่าไม่จริง ถ้าเขามีกล้องหน้ารถ ไม่มีการชนเขาแน่นอน ทำไมต้องให้เขามาเบรกแล้วชน ถ้ามีคลิปก็เอาออกมาเลย ตั้งแต่ออกจากปั๊มน้ำมันที่ไปซื้อของเขาไม่ได้อยู่ข้างหน้าเรา เขาอยู่ข้างหลัง จนเขามาแซงแล้วตบเข้ามาหาเราเพื่อเบรกให้เราชน และที่เขาอ้างว่าไม่ได้ใช้ของแข็งตี เราก็มีพยาน พอโดนแจ้งความกลับก็งง อยากรู้ว่าความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน เขารู้ในใจเองว่าทำอะไรลงไป
พ่อของไวท์ กล่าวต่อว่า อยากฝากว่าถ้าคนเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ในรถดีกว่า อย่าลงมาเลย วันนั้นตั้งใจลงมาเพื่อคุย แต่เขาไม่คุยด้วย เขาทำร้ายร่างกายก่อน แต่กลับแจ้งความว่าทำร้ายร่างกายเขา ก็เขาทำร้ายก่อนจะปล่อยให้เขาต่อยเขาตีเหรอ และคนที่ช่วยเขาวอนด้วย ถ้าเขาทำกับญาติพี่น้องคุณจะคิดยังไง สำนึกมีไหม
ขณะที่ นายอาร์ม คู่กรณี ได้เดินทางมาพร้อมแฟน และทนายความ เพื่อพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียก พร้อมรับทราบข้อกล่าวหาที่พ่อไวท์แจ้งความคือ ทำร้ายร่างกาย, ทำให้เสียทรัพย์, ขับรถประมาทหวาดเสียว จากนั้นได้นำหลักฐานคลิปวิดีโอวันเกิดเหตุ, รูปถ่ายบาดแผล, เสื้อผ้าในวันเกิดเหตุ แจ้งความกลับพ่อไวท์ ข้อหาทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สิน
โดยทนายความของนายอาร์ม กล่าวว่า ทางลูกความอยากจะขอโทษในเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายของคุณแม่นักแสดงชื่อดัง พร้อมกันนี้ยืนยันว่าครอบครัวของลูกความไม่อยากให้เป็นข่าว มันเป็นแค่เรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนสาเหตุที่ต้องแจ้งความกลับ 2 ข้อหานั้น เพราะลูกความถูกไล่ล่าจนทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หลังจากนี้จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนในชั้นศาลต่อไป