- ทั้งคู่เจอกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ไหนครับ
เอ อุไรมนัส : จริง ๆ แล้วเอเจอเขาตามงานร้องเพลง เมื่อก่อนเอเป็นแดนเซอร์ ก็แค่มอง ๆ ชอบเสียงเขา ชอบความน่ารัก ร้องเพลงเพราะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่เคียงข้างกัน พอเขาเปิดโอกาสให้ก็ได้คบกัน
- ทำไมตอนแรกถึงตัดสินใจไม่เปิดเผย
- รู้มาก่อนไหมว่าเขาคบกับเราให้เป็นไม้กันหมา
เอ อุไรมนัส : ตอนแรกก็ไม่รู้ค่ะ ตอนออกมาเปิดใจก็เพิ่งรู้ค่ะ
ฝน ธนสุนธร : เราก็บอกเขาตรง ๆ ว่า ที่แบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับเรา แต่สรุปแล้วพอเขาดูแลเรามาเรื่อย ๆ เราก็เลยรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันต้องการอะไร ความรักจากใครที่ให้เรามา เราต้องการแบบไหนความรัก ซึ่งเขาก็ทำให้เราได้หมดทุกอย่าง แล้วเราจะต้องการสิ่งไหนอีก ในเมื่อเขาก็ดูแลเราได้ แล้วเราก็ทำมาหากินได้ ไม่ต้องไปหวังว่าหาแฟนรวย ๆ เพื่อที่จะเลี้ยงเรามาดูแลเรา แต่หาแฟนรวย ๆ แล้วเขาไปมีกิ๊กเราก็เจ็บปวดใจอีก แต่นี่เราช่วยกันทำมาหากิน แล้วเขาไม่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ ก็เลยถามตัวเองว่าแล้วคุณจะยังอยากได้อะไรอีก
- ตอนที่เปิดตัวมีดราม่าเยอะมาก มีคำพูดอะไรทำให้เรารู้สึกเสียใจ
เอ อุไรมนัส : คบกับเราแล้วเสียดายของค่ะ เหมือนกับว่าเราสบายเนอะมาเกาะเขากินไม่ต้องทำงาน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้หรอกว่าเราทำยิ่งกว่าอะไรอีก เขาไม่ต้องจ้างคนขับรถ ไม่ต้องจ้างแม่บ้าน ไม่ต้องจ้างอะไรสักอย่างเลย ในคอนเสิร์ตแม้แต่แดนเซอร์ก็ไม่ต้องจ้าง
ฝน ธนสุนธร : คุ้มแสนคุ้ม เสียดายอะไร เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายด้วย จะบอกเลยนะคะว่าพวกเราแบบนี้แหละ หรือว่าสาวประเภทสองก็ตาม คนเหล่านี้แหละเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่จะบอกให้ เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าเราผิดแปลก ผิดปกติ เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้สังคม
ฝน ธนสุนธร : เพราะว่าเป็นก่อนหน้านี้สังคมยังไม่ยอมรับ พอไม่ยอมรับ เราก็จะไม่พูด เราก็จะอยู่ในที่ของเรา ถามว่าเราดูแลกันมายังไง ก็เป็นมาแบบนี้เกือบ 20 ปี แล้ว แต่ที่ยังไม่พูดเพราะสังคมยังไม่ให้โอกาสเรา และสังคมยังคาดหวังกับเราอยู่ว่า เราจะต้องแบบยังงั้นยังงี้เหมือนที่เขาอยากจะให้เป็น พอไม่เป็นแบบนั้นเขาก็จะผิดหวัง จะไม่เป็นที่นิยม จะเลิกติดตาม แต่ตอนนี้ทุกคนเข้ามาคู่นี้น่ารักอะ ชอบคู่นี้ หลาย ๆ คนบอกว่าคู่นี้เป็นไอดอลให้กับเขา บางคนก็บอกว่าขอบคุณมากเลย ตอนนี้พ่อกับแม่ยอมรับเขาแล้ว
- มีแพลนจะแต่งงานกันเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ต้องล้มโครงการเพราะโควิด
เอ อุไรมนัส : ตอนสิ้นปีได้จัดเลี้ยงปีใหม่ เราก็คุยกันโดนยุกันว่า 29 มี.ค. จะเป็นวันครบรอบ 18 ปีเต็ม ที่ผ่านมา งั้นครบรอบปีนี้จะพิเศษหน่อยเดี๋ยวเราจะจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ในกลุ่มเพื่อน จัดกันเองแบบส่วนตัว แต่พอมาเกิดช่วงนี้ขึ้นก็ล้มเลิกไปก่อนเนอะ ด้วยเศรษฐกิจและอะไรหลาย ๆ อย่าง
ฝน ธนสุนธร : แล้วอีกอย่างเราก็แค่จัดกันแบบเป็นพิธีของเราเล็ก ๆ เพราะยังไม่สามารถจดทะเบียนได้
- น่ารักมาก จะจัดแบบริมทะเลแบบนี้ใช่ไหม ?
- สมมุติตัดเรื่องเงินออกไปยังจะอยากแต่งงานอยู่ไหม
ฝน ธนสุนธร : จริง ๆ ในความรู้สึกของฝนการแต่งงานมันไม่ใช่บทสรุป ในส่วนของเราคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่มันสำคัญสำหรับเขา เราก็มองว่าอะไรที่ทำให้เขามีความสุขได้ เขาจะชอบถามฝนเสมอว่า รักเขาไหม ? แล้วเราไม่เคยพูด เราไม่เคยตอบ เพราะเรารู้สึกว่าแค่คำพูดมันไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรหรอก แต่เราก็รู้ว่าเขาอยากได้ยิน เขาก็อยากทำอะไรให้มันเป็นรูปธรรม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดเลย แล้วเขาจะมานั่งร้องไห้ว่าพี่ฝนตกลงเขาคือตัวอะไรในชีวิตพี่ฝนอะไรแบบนี้ เราก็เลยบอกว่าโอเคถ้าวันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเรื่องอะไร เราก็อยากจะจัด เพื่อที่จะให้เขามีความสุข ถามว่าเรามีความสุขไหมก็มีความสุข แต่อยากให้เขามีความสุขมากกว่า
เอ อุไรมนัส : ยังอยากแต่งอยู่ค่ะ (คุกเข่า หยิบแหวน) ก็ไม่มีอะไรมากมากมายค่ะ อยากอยู่ดูแลพี่ฝนตลอดไป แล้วก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ รักยังไงก็รักอย่างงั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่งงานกันนะ
ฝน ธนสุนธร : ขอบคุณค่ะ (น้ำตาไหล) แต่งค่ะ
- ถามความรู้สึกหน่อยเป็นไงบ้าง
ฝน ธนสุนธร : ตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้า มันก็เป็นความไฝ่ฝันของผู้หญิง ถึงแม้ว่าเราจะมองว่ามันไม่ใช่บทสรุป แต่มันก็เป็นอะไรที่ชื่นใจ จริง ๆ ก็อยากให้พ่อกับแม่ได้เห็นด้วย แต่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว แต่พ่อกับแม่คงเห็นว่าเอดูแลพี่ฝน ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอบคุณพี่วู้ดดี้มาก ๆ นะคะ
เอ อุไรมนัส : ขอบคุณค่ะ ฝันที่เป็นจริง
- เรื่องลูกมีแพลนว่ายังไง
- เรื่องของอนาคตวางแผนไว้ว่ายังไง แต่งงานกันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ






