ที่ผ่านมาเป็นพิธีกรโดนทัวร์ลงหนักมาก ?
เอิ๊ก : ก็โดนกันเป็นประจำ ข่าวบันเทิงมันก็มีโอกาสที่จะถูกใจและไม่ถูกใจ พชร์ อานนท์ เขาชอบพูดตลก แล้วเราก็อดขำไม่ได้ บางทีเราหัวเราะคุณผู้ชมเขาก็ไม่เข้าใจ คิดว่าเราหัวเราะในเนื้อข่าว
เหมือนคนดูเขาไม่ขำด้วย ?
เอิ๊ก : ตอนนั้นเนื้อเรื่องมันคือโลกที่สาม โลกสองใบ ซึ่งถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา เราเองก็เข้าใจมันเป็นช่วงที่อึดอัดหรือว่าเป็นช่วงที่ตกใจทำอะไรไม่ถูก เครียดและกังวล แต่สไตล์ข่าวมันไม่ใช่ข่าวอาชญากรรม แล้วบางทีพชร์ อานนท์ เขาชอบพูดออกนอกเรื่องตลอดเวลา เราก็จะขำตรงนั้น
แล้วโดนหนักสุดขนาดไหน ?
เอิ๊ก : ขำอะไร เห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก ก็อะไรประมาณนี้ จังหวะการขำของเราเองบางทีมันก็ไม่ถูกต้องจริง ๆ แหละ
พชร์ อานนท์ : จัดรายการบันเทิงมันก็ต้องบันเทิงใช่ไหม บางทีในรายการเราพูดอีกเรื่องหนึ่ง หลังรายการบางทีเราพูดกันอีกเรื่องหนึ่ง เราก็ขำ
เวลาเจอคอมเมนต์ทัวร์ลงเรากลับไปคิดไหม ?
พชร์ อานนท์ : ฉันไม่คิดเลย ฉันก็ไปทัวร์คันอื่น ฉันไม่ไปทัวร์คันเดียวกับเขา ฉันจะไม่สนใจ
เอิ๊ก : เขาจะเป็นทำนองนี้ด่ามาด่ากลับ
พี่พชร์ จะฟ้องชาวเน็ตกลับด้วย ?
พชร์ อานนท์ : ไม่ ๆ ก็ลงให้ถูกจังหวะ ไม่ใช่ไปลงถึงพ่อแม่ เกิดมาอสุจิทะลุถุงยาง ทะลุถุงยางมาเกิด เราก็เลยบอกว่าถ้ากูทะลุมึงก็ทะลุกว่ากู
เรื่องนี้หนักสุดไหม ?
พชร์ อานนท์ : ไม่ ฉันมีต้นตำรับบูลลี่ โดนดราม่ามาตลอด ตั้งแต่ พ.ศ. 2535
เอิ๊ก : คือต่อให้ไม่มีดราม่า เขาก็พยายามหาดราม่าตลอด อยู่เฉย ๆ เหมือนเหงา
จริงไหม ที่อ่านข่าวแล้วคนดูไม่ขำ จนมีกระแสในโลกโซเชียล เลยทำให้ผู้ใหญ่ต้องยุบรายการ ?
เอิ๊ก : ไม่ใช่ ต้องบอกว่าการกลับมาของเรา 2 คน ครั้งนี้เป็นการกลับมาครั้งที่ 2 คือก่อนหน้านี้เราเคยทำด้วยกันมา ก่อนหน้านั้น 7-8 ปี
กับพี่เอิ๊กเป็นเพื่อนกันมาก่อนไหม ?
เอิ๊ก : คนที่เป็นเพื่อนเวลาว่างเขาจะโทร. คุยกัน หรือว่าเจอกันเป็นครั้งคราว โทร. ปรึกษาหารือกัน แต่ของเราคือเจอกันเฉพาะในรายการ พอจบรายการก็ต่างคนต่างแยกย้าย แล้วก็ไม่คุยกันเลย แต่ไลน์คุยกันทุกวันเรื่องเดียวว่าพรุ่งนี้จะใส่อะไร จบ
แกล้งตีกันหรือเปล่า เพื่อให้ขายได้ มีความผูกพันอะไรกันไหม ?
พชร์ อานนท์ : ไม่มี แต่ไม่ใช่ไม่ชอบ คือมันคนละสไตล์ ของพี่ไปไหนมาไหนกินข้าวริมถนนได้หมด แต่เอิ๊กเขาจะไม่ได้ เขาต้องกินข้าวดูดี
เอิ๊ก : ไลฟ์สไตล์คนละแบบกันมากกว่า
เรื่องแต่งตัวแบรนด์เนม ?
เอิ๊ก : แรก ๆ เขามากระแหนะกระแหนว่าเธอซื้อชุดแพง ๆ เป็นแสน เธอไม่มีตังค์เยอะอย่างเดียวเธอต้องโง่ด้วย แต่พอมาเจอเขาอีกครั้งหนึ่ง เราก็เลยแซวเขาว่า โอ้โห ตั้งแต่หัวจรดเท้ายันกางเกงใน
พชร์ อานนท์ : เหมือนเป็นเวรกรรมไปด่าเขาเยอะ พอไปใส่แล้วรู้สึกชอบแล้วซื้อเป็นบ้าเป็นหลัง บางทีไปหมดเป็นล้าน ชิ้นแรกที่ซื้อก็คือกระเป๋า แรก ๆ เราก็ประหยัดเงิน แต่พอคุณแม่เสียเราก็ใช้เงินเลย แต่ช่วงนี้ก็เบาลงเพราะโควิด
ไม่กล้าขาย เพราะกลัวคนเมาท์ว่าตกอับจริงไหม ?
พชร์ อานนท์ : ไม่จริง ไม่อยากขายเพราะเสียดาย ฉันรวย
พี่พชร์มีเด็ก ๆ ที่เลี้ยงเยอะไหม ?
พชร์ อานนท์ : ไม่เยอะ มีแค่คนเดียว เลี้ยงเยอะไม่ไหว เลี้ยงเยอะแค่ผ่าน
เอิ๊ก : เขาเลือกคนเปย์ ไม่ได้เปย์ทุกคน
เอาอะไรเปย์ผู้ชาย ?
พชร์ อานนท์ : ก็ค่าเรียนหนังสือ โทรศัพท์ รถ บ้าน
เห็นว่าอายุห่างกัน 30 ปี ?
พชร์ อานนท์ : ก็คบกันตั้งแต่เขาอายุ 17-18 พ่อแม่เขาตายไปแล้ว ก็เจอกันโดยบังเอิญ เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมาเป็นแฟนเราหรอก เขาเป็นคนมาจีบเรา ฉันไม่ได้หลอกเขามาเอง ไม่ได้เป็นดารา
เปย์อะไรเขาบ้าง ?
พชร์ อานนท์ : เราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเขา อย่างค่าเล่าเรียน รถขับ บ้านก็ให้อยู่ ตอนนี้ก็ยังอยู่ คนนี้ 8-9 ปี อายุป่านนี้ไม่ต้องการความรัก แค่ต้องการเพื่อน แต่ก็รักนะ รักอยู่คนเดียว เหมือนเจ้าชู้แต่รักอยู่คนเดียว