เคยสร้างความฮือฮาไปทั้งวงการมาแล้วแล้ว สำหรับเรื่องราวความรักของพระเอกลิเกชื่อดัง เอ ไชยา มิตรชัย ที่เพิ่งออกมาเปิดตัวว่าแต่งงานมีภรรยาและลูกถึง 2 คนแล้ว แถมยังเก็บเงียบมากว่า 20 ปี จนลูก ๆ นั้นโตเป็นหนุ่มสาว ซึ่งลูกสาวยังเข้าวงการบันเทิงตามรอยคนพ่อด้วย
ล่าสุด (19 ตุลาคม 2564) เอ ไชยา ก็ได้ควง หนูนา พจนา ภรรยาคู่ชีวิตมาเปิดใจในรายการ แฉ ถึงเรื่องราวความรักที่ต้องแอบซ่อนไว้กว่า 20 ปี ห้ามเปิดเผยและบอกใครไม่ได้ว่า จริง ๆ คบหากันมากวา 30 ปีแล้ว แต่เปิดเผยไม่ได้ประมาณ 20 กว่าปี และตอนที่เปิดตัวได้เราก็ไม่ได้อยากเปิดตัวแล้ว มันคุ้นกับการอยู่แบบนั้น และมีความสุขที่ไม่ได้เปิดตัว เราเพิ่งมาเปิดตัวกันได้ประมาณ 4 ปีเอง หลังจากเปิดตัวลูก
เอ เผยว่าตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยพาภรรยาไปทำงานด้วยเลย เขาไม่เคยได้เข้าไปหลังเวทีลิเก แต่เพิ่งมามีช่วงที่กลับมาทำานในวงการบันเทิงก็เคยแอบคิดว่าเวลาจะพาเขาไปทำงานก็จะให้เขาแต่งตัวเป็นทอมบอยไปเลย มาช่วยขับรถ เราก็สงสารเขาไม่รู้จะหาวิธีไหนที่จะทำให้เราได้มาอยู่ด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกัน ให้เขาได้คลายกังวลว่าเราไปทำงาน ซึ่งเรื่องหึงหวงนั้นตลอดวลาที่คบกันไม่มีเลย
ด้านหนูนาก็ได้เล่าจุดเริ่มต้นความรักว่า รู้จักกันได้เพราะตอนนั้นพ่อทำเครื่องเสียงตอนไปออกงานแล้วแม่ก็ได้ไปดูลิเกแล้วเกิดชื่นชอบ พี่เอ แล้วก็จ้างให้เอมาเล่น ตอนนั้นแม่เขาก็บอกว่าเอเป็นเด็กดี รักเอมาก รักเหมือนลูกเลย รักมากกว่าตนซะอีก ตอนนั้นเราก็ได้รู้จักเอ แต่รู้จักเผิน ๆ จากนั้นก็ทำความรู้จักกัน 3 เดือน และมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเลย เอยังบอกว่า จริง ๆ ตอนนั้นไม่ใช่แค่แม่ของหนูนาที่อยากยกลูกสาวให้ แต่ยังมีแม่ยกอีกหลายคนเลยที่อยากยกลูกสาวให้เรา
จุดที่ทำให้สนิทกันก็คือช่วงที่คุณพ่อเสียแล้วเก็บไว้ 100 วัน ก็ให้เขามาเล่นลิเกในงาน ซึ่งตอนนั้นก็ทำให้สนิทกัน เอยังบอกว่า จริง ๆ เราไม่ได้ปิ๊งกันเลย เขาก็ไม่ได้ชอบเรา เพราะเขาหาว่าเราหยิ่ง มีคนลือว่าเข้าถึงยาก ด้านหนูนาก็บอกว่า ตอนนั้นเขาดังมาก เข้าถึงยากอยู่แล้ว แล้วยังมีเด็กสาว ๆ วัยรุ่นไปตามเขาอีก เราก็ไม่คิดว่าเราจะเข้าถึงได้
ส่วนที่ตัดสินใจเลือกคบกันนั้น เอเผยว่าเพราะคุณแม่เขาสนิทกับทางคุณพ่อของเรา ผู้ใหญ่เขาคุยกันถูกคอ แม่เขาเช้าถึงเย็นถึง ตอนแรกเราก็คิดว่าหนูนาหยิ่ง เพราะมาบ้านเราแล้วเขาก็ไม่พูดกับเรา เขาเฉยและนิ่งมาก ตอนนั้นมองว่าจูนไม่ติดหรอก แต่พอได้มาคุยกันจริง ๆ แล้วก็มารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ส่วนทางด้านหนูนาก็บอกว่า เอเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิต เพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน
เมื่อถูกถามว่าเตรียมใจไว้ก่อนไหมที่มาคุยกับพระเอกลิเก เปิดเผยก็ไม่ได้ หนูนาเผยว่า เราเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าเขาจะทิ้งเรา และที่แต่งงานก็เพราะเชื่อฟังแม่ เราเตรียมใจว่าถ้าเขาทิ้งเราเราก็ต้องยอมรับมัน ไม่ได้คิดเยอะ ซึ่งแม่เราเนี่ยกับพี่เอก็ให้ได้ทุกอย่าง ซื้อทอง รถ แหวน เพชร ให้เลยโดยที่พี่เอไม่ต้องขอ ยิ่งเป็นลูกเขยก็ยิ่งให้ ที่ดินในกรุงเทพฯ แถวสาธรหลายที่ก็ยกให้
เอ เผยว่า ตอนก่อนจะคบก็ไม่รู้ว่าบ้านเขารวย มีที่ดินเยอะ เพราะหลาย ๆ คนที่มาหาเราก็ระดับคนใหญ่คนโต และยอมรับว่าเราเองก็หยิ่งพอตัว เพราะเราก็คิดว่าเรามีรายได้เข้ามาทุกวัน เราเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ กลายเป็นว่าถ้าใครเอาเรื่องเงินมาพูดเราก็จะตัดออกไปเลย
หนูนาเผยว่า เราเผื่อใจตั้งแต่รู้ว่าต้องไปอยู่กับเขา ตอนนี้ก็ยังเผื่อไว้ เพราะเราไม่รู้เหตุการณ์ในวันข้างหน้า เราเตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อให้รับมันได้ ยอมรับว่าตลอด 20 ปีที่ต้องหลบซ่อนก็รู้สึกเสียใจ อึดอัด เหงาที่เลี้ยงลูกคนเดียว ซึ่งเอก็ยอมรับว่ารู้สึกผิดกับเขามาตลอด เพราะเราไปขอเขาไว้ว่าทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองโทรมที่สุด ห้ามแต่งหน้าถึงจะเดินคู่กันได้ ต้องไม่เป็นจุดสนใจ ต้องหายไปจากวงการลิเกเลย ซึ่งทางหนูนาก็บอกว่า เราเองก็เต็มใจที่จะทำ ไม่อึดอัด
เอยังเผยว่าเรื่องที่มีเมียขนาดผู้จัดการส่วนตัวตอนนั้นยังไม่รู้เลย เพราะเราไม่ได้บอกใครเลย ตอนนั้นนาโทร. ไปหาเราแล้วผู้จัดการรับก็ไม่รู้ว่านั่นคือเมียเรา แต่เขาก็ไม่พูดพอรู้ว่าคนรับสายไม่ใช่เราเขาก็รีบวางสายไป และเมื่อถูกถามถึงเรื่องลูกว่ารู้สึกยังไงที่ไม่ได้อยู่กับลูกเลย เอก็เผยว่ามีเหตุการณ์ที่ช่วงนั้นเราเล่นละครแล้วลูกเราร้องเพลงละครที่พ่อเล่นได้ ตอนนั้นเขาก็โทร. มาหาเราแล้วเรารับสายพอดี เขาบอกว่า "พ่อจ๋าอย่าเพิ่งวางสายนะ หนูจะร้องเพลงให้พ่อฟัง" ตอนนั้นเรานั่งฟังแล้วร้องไห้พรากเลย
งานนี้ทั้งคู่ยังเผยว่า เมื่อก่อนต้องบอกลูกว่าห้ามบอกใครเรื่องพ่อ ห้ามเอ่ยชื่อพ่อว่าพ่อเป็นใคร ให้บอกว่าพ่อทำงานต่างจังหวัด ซึ่งลูกเขาก็ถามว่ามีความจำเป็นอะไรไหม เราก็บอกไปว่าเพราะพ่อต้องเลี้ยงใครอีกหลายคน เราอยู่กันได้ 3 คน ซึ่งลูกก็เข้าใจว่าทำเพื่อหลายชีวิตในวงกว่า 200 คน
แต่ก็เกิดเหตุความเกือบแตกเพราะลูกหลุดปาก ตอนนั้นลูกอยู่อนุบาล ไปบอกครูว่า พ่อหนูคือ ไชยา มิตรชัย แล้วครูเขาเป็นแฟนคลับเรา ตอนนั้นก็มีข่าวพาดหัวเลยว่าเราซุกลูก เราเลยต้องให้เขาพาลูกหนีไปอยู่ที่อื่นไปอยู่บนเขาที่สัตหีบ และให้ลูกหยุดเรียนหนังสือไป 1 ปี ชีวิตตอนนั้นลำบากมาก ๆ ไม่มีรถ ต้องรอพี่เอขึ้นไปหา ซื้อของให้ เอยอมรับว่าตอนนั้นเรากดดันมาก มีข่าวซึมเศร้าจนคิดสั้น แต่ก็เลยจุดนั้นมาได้ ทำให้ตอนที่จะเปิดตัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ถามว่าอดทนมาได้ยังไง หนูนาก็เผยว่า เราคิดว่าอะไรที่เราทนได้มันก็ต้องทน ถ้าไม่แบบนั้นเราก็เป็นแบบถ้าไม่พอใจเราก็เลิกไปตลอด