ท็อป จรณ เปิดใจหมดสัญญาช่อง 3 หลังอยู่มา 10 ปี อัปเดตหัวใจ มีใหม่หรือยัง ?

             ท็อป จรณ เปิดใจหลังหมดสัญญาช่อง 3 เผยสาเหตุทำไมไม่ต่อสัญญา ทั้งที่อยู่มา 10 ปี ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ
             มาร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง ด้ายดิบ ร่วมกับนักแสดงมากมาย หลายคนเลยสงสัยว่าพระเอกหนุ่ม ท็อป จรณ หมดสัญญากับทางช่อง 3 แล้วหรือเปล่า หมดไปนานหรือเปล่า เป็นนักแสดงอิสระแล้วเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมอัปเดตเรื่องสถานะหัวใจ ว่าตอนนี้มีคนใหม่แล้วหรือยัง
ท็อป จรณ

หมดสัญญากับช่อง 3 นานหรือยัง

             ท็อป จรณ : หมดได้สักพักหนึ่งแล้วครับ ไม่นาน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะเราอยากจะหาประสบการณ์เพิ่มเติม เหมือนเราอยู่ช่อง 3 มา 10 ปีแล้ว ก็อยากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ หาประสบการณ์เพิ่มเติมให้กับตัวเอง คือผมรู้สึกว่าผมยังอยากที่จะพัฒนาทางด้านการแสดง แล้วก็ประสบการณ์อื่น ๆ อีก อย่างเช่นซีรีส์เรื่องนี้ ด้ายดิบ ก็อยากจะกลับมาฟิตอีกครั้งหนึ่ง พอมันต้องเป็นแอคชั่นหนักขนาดนี้ ก็เหมือนว่าเราได้พัฒนาในอีกด้านหนึ่ง ได้เรียกรู้ศิลปินมวย 4 แขนง ซึ่งเราเคยเรียนมวยไชยามา แต่อีก 3 สายนี่เราไม่เคยเรียนเลย ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่มันจะพัฒนากับตัวเองไปเรื่อย ๆ

ตอนใกล้หมด ผู้ใหญ่มีเรียกเข้าไปคุยบ้างไหม

             ท็อป จรณ : ก็มีปรึกษาทางผู้ใหญ่ครับ เขาก็คุยครับ แต่เราก็คุยกันแบบเข้าใจนะครับ หมายถึงว่าตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิดพอดี ก็เลยไม่ได้เข้าไปคุย แต่ก็มีการพูดคุยทางออนไลน์ครับ

มีค่ายอื่นมาจีบบ้างไหม เป็นอิสระแล้ว

             ท็อป จรณ : คือผมไม่ได้บอกใครนะครับ ว่าตัวเองหมด เพราะว่าผมรู้สึกว่า เราเองก็ยังทำงานให้กับช่อง 3 อยู่ ยังมีละครอยู่ ยังถ่ายเรื่องปมเสน่หาอยู่ ยังมีละครออนอยู่ ผมไม่ได้ว่าเราต้องไปบอกคนอื่น ว่าเราหมดแล้วนะ คือจริง ๆ ผมมองว่าการเป็นอิสระ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ไปร่วมงานกับช่อง 3 คือผมเองยังอยากทำงานกับช่องอยู่นะฮะ แต่ก็อยากจะเปิดโอกาสให้ตัวเอง สมมติว่ามีเรื่องอื่น หรือเป็นซีรีส์ออนไลน์ หรือว่าช่องอื่น ๆ เสนองานมาให้ผม ผมก็ยินดีที่จะพิจารณารับเล่น
ท็อป จรณ

ภาพจาก Instagram topiz_js

มีข่าวออกมาว่า มีผู้ใหญ่นัดกินข้าวแบบส่วนตัว พร้อมอัปเงินค่าตัวให้ด้วย

             ท็อป จรณ : ยังไม่ได้นัดกินคงกินข้าว ยังไม่ได้คุยกับใครเลยครับ ถ้ามีก็มีที่นี่ครับ ที่ได้คุยกัน แล้วก็ได้มองเห็นถึงวิสัยทัศน์ของคุณเอ็ม แล้วก็ความตั้งใจ ที่อยากจะสร้างซีรีส์แอคชั่น แล้วก็ดึงเอาศิลปะการต่อสู้ ให้เป็นสิ่งที่อยากจะบอกเล่าให้กับทั้งโลก ทีมเขามีวิสัยทัศน์ที่ดี แล้วก็ความตั้งใจที่ดี แล้วอีกอย่างก็คือเราได้ร่วมงานกับทีม ที่ทำแอคชั่นระดับฮอลลีวูด ทีมกำกับคิวบู๊ และทีมถ่ายแอคชั่น เป็นระดับที่ฮอลลีวูดก็ต้องมาจ้าง เราเลยรู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมเองพัฒนาทางด้วยการแสดงขึ้นไปอีก ผมมองว่าม้นเป็นการท้าทายสำหรับตัวเรา เราจะทำได้ดีแค่ไหน

             คือเรื่องค่าตัวเนี่ย ผมเรียนอย่างนี้ว่า มันเป็นเรื่องของดีเทลในการทำงาน บางงานอาจจะไม่เท่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับว่ส ทางผู้ใหญ่เมตตาเราแค่ไหน เห็นว่ามันเหมาะสมไหม คือผมเป็นเด็ก เราก็มีเกณฑ์ มีมาตรฐานของเราในการรับงานอยู่แล้ว เมตตามากผมก็ยินดีนะครับ (หัวเราะ)

หลังจากเรื่องด้ายดิบ ตอนนี้มีเรื่องอื่นติดต่อเข้ามาอีกไหม

             ท็อป จรณ : มีครับ ก็มีอีกหลายเรื่องครับ ช่องอื่น ๆ ก็มี แต่เรื่องนี้ ด้วยความที่ผมชอบเล่นแอคชั่นด้วย แล้วเรามองว่าคุณเอ็มก็เหมือนผู้จัด ที่วางว่าเรื่องนี้มันน่าจะไปสู่ระดับโลกได้ หรือระดับเอเชียก็แล้วแต่ ผมมองตรงนี้มากกว่า ว่าพี่เขาใจ พี่เขามีวิสัยทัศน์ที่กล้าลงทุนสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะนำศิลปะการต่อสู้ไทยไปเผยแพร่ คือผมมองตรงนี้มากกว่า แล้วเขาก็จริงจัง เอาครูมวยแต่ละสายมาเลย มาฝึกให้กับเรา เพราะฉะนั้นเขาก็เต็มที่ เราก็อยากจะเต็มที่กับเขาด้วย
ท็อป จรณ

เหมือนเป็นการเริ่มใหม่เลยไหม เพราะเราเล่นแต่กับคนคุ้นเคยมา 10 ปี

             ท็อป จรณ : ก็ตื่นเต้นมากครับ ในการร่วมงานกับทีมงานใหม่ ๆ เราก็เชื่อว่า จากประสบการณ์การร่วมงานกับทีมงานที่เราเคยทำมา เป็นเหมือนพื้นฐานที่จะทำให้ เราสร้างสรรค์ผลงานออกมา ได้อย่างดีที่สุด เท่าที่ผมทำได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ พอเรามาเป็นอิสระแล้ว มันต้องผลักดันตัวเองมากขึ้น ต้องขยัน ต้องพัฒนามากขึ้นครับ

ถ้ามีช่องอื่นมาทาบทามอีก เราสนใจไหม

             ท็อป จรณ : สนใจครับ ผมบอกตรงนี้เลย คือผมยินดีเต็มที่เลยครับ ที่จะร่วมงานกับทุก ๆ ค่าย (ถ้าเขาชวนเซ็นสัญญา เราเอาไหม ?) ก็ต้องมาคุยกันกันอีกทีหนึ่ง ในแง่ของรายละเอียด การคุยกันเรื่องการทำงาน

แต่ช่วงนี้เป็นนักแสดงอิสระกันเยอะ เรากังวลไหมว่างานมันจะไม่ต่อเนื่อง

             ท็อป จรณ : ก็กังวลนะ ตอนแรกก็ค่อยข้างคิดหนักมากเหมือนกัน เพราะว่าเราอยู่ช่องมานานมาก แล้วเราก็รู้สึกว่ามันเหมือนเซฟโซนของเรา แต่ว่าในเมื่อเรารู้สึกว่าเราอยากจะพัฒนาตัวเอง คือผมรู้สึกว่า เรามีทางเลือกเยอะแยะเต็มไปหมด ในการเสพคอนเทนต์ ณ ปัจจุบัน เราเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เราอยากจะพัฒนาตัวเอง ในรูปแบบของบทบาทก็ตาม ฝีมือก็ตาม หรือการเล่นแอคชั่น ผมก็อยากทำอะไรใหม่ ๆ ครับ
ท็อป จรณ

ภาพจาก Instagram topiz_js

เรื่องคดีความตอนนี้คืบหน้าถึงไหนแล้ว

             ท็อป จรณ : ตอนนี้อยู่ในชั้นอัยการอยู่ครับ ทางทนายเขาก็ยังดำเนินการอยู่ ความคืบหน้าผมก็พยายามสอบถามอยู่ คือทางทนายเขาก็ให้เหตุผลกับผมว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมา มันค่อนข้างจะเซนซิทีฟในการทำงาน การจะเข้าไปใน สน. หรือว่าการติดต่อโน่นนี่นั่น เรื่องก็ยังอยู่ในชั้นอัยการอยู่ครับ

เราอยากให้มันออกมาในทิศทางไหน

             ท็อป จรณ : คือตัวผมปล่อยวาง (หัวเราะ) ก็เฉย ๆ มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ผมก็เฉย ๆ ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการ แต่มันจะถึงไหนก็แล้วแต่ ผมไม่ได้อะไร เพราะทุกวันนี้แค่โควิดก็เครียดแล้ว ไม่รู้จะต้องมาเครียดเรื่องอื่นแล้ว ไม่เป็นโควิดเราก็ดีใจแล้ว พอแล้วครับ
ท็อป จรณ

ภาพจาก Instagram topiz_js

สถานะตอนนี้โสด

             ท็อป จรณ : โสดครับ

ยังไม่พร้อมมีความรักใหม่ ?

             ท็อป จรณ : ไม่เกี่ยวหรอกครับ คือมีเรื่องให้ต้องโฟกัสมากกว่า เรามีความสุขกับการที่จะต้องมาทำงานใหม่ ๆ แล้วตอนนี้ผมแฮปปี้ดี ไม่ได้คิดอะไร ๆ

ตอนมีความรัก เราก็ดูเป็นคนคลั่งรักคนหนึ่งเหมือนกัน

             ท็อป จรณ : เราเป็นคนคลั่งรักครับ (หัวเราะ) แซวซะเขินเลย ก็จะพูดว่าไงดี มันก็ไม่ได้คิดมาก ว่าจะต้องมีหรือจะต้องไม่มี เพียงแต่ว่า ณ วันนี้เราก็ผ่านอะไรต่าง ๆ มาเยอะประมาณหนึ่ง แล้วก็มองเห็นสิ่งที่เราควรจะทำมาขึ้น เพราะก็โตขึ้นในระดับหนึ่ง มันก็เลยทำให้ชีวิตเดินไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องมากังวลกับเรื่องนี้

เราไม่อยากหาที่ปรึกษาเป็นที่พักใจเหรอ

             ท็อป จรณ : ผมสวดมนต์ นั่งสมาธิครับ เครียดก็สวดมนต์ ก็สบายใจดี คุยกับพระ พระก็ไม่ตอบ ก็บ่นกับพระไปไม่เป็นไร
ท็อป จรณ

ภาพจาก Instagram topiz_js

ไม่มีใครแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบเลยเหรอ

             ท็อป จรณ : คือผมว่า ผมไม่ใช่สเปกสาว ๆ สมัยนี้ปะ ผมรู้สึกว่าอย่างงั้นนะ ส่วนใหญ่จะมีแต่ LGBT มาทัก ๆ บ้าง อาจจะด้วยความที่ผมอาจจะดูนิ่ง ๆ หรือเปล่า แล้วก็ไม่ได้เป็นสายแฟชั่นจ๋า เดี๋ยวนี้เขาจะต้องเกาหลี ผมก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีอะ

แต่เราไม่ได้ปิดกั้นใช่ไหม หรือไม่อยากมีแล้วความรัก

             ท็อป จรณ : มันอยู่ที่จังหวะเวลาและคนที่เข้ามา ก็พยายามไม่ขวนขวาย (แสดงว่าก็อยากมี ?) มันก็มี แหมคนเรา มันก็ต้องมีเป็นช่วงเวลา เป็นบางเวลา

แต่คนรอบตัวเราก็มีกันหมดเลย

             ท็อป จรณ : เพื่อน ๆ ก็มีครับ ทั้งนอกและในวงการ เขาก็มีของเขา เราก็อาศัยไปเกาะเขาเอา ก็รู้สึกดี ไปไหนเดี๋ยวไปด้วยนะ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ทำงานเยอะไง คือในช่วงเวลานี้เราก็ต้องทุ่มเท เพราะแอคชั่นหนัก เราก็ทั้งซ้อมมวย ทั้งเตรียมร่างกายตัวเอง อีกเรื่องหนึ่งก็ยังถ่ายอยู่ครับ ก็รู้สึกว่า แค่นี้มันก็เหนื่อยแล้ว
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ท็อป จรณ เปิดใจหมดสัญญาช่อง 3 หลังอยู่มา 10 ปี อัปเดตหัวใจ มีใหม่หรือยัง ? โพสต์เมื่อ 23 ตุลาคม 2564 เวลา 08:56:08 7,977 อ่าน
TOP
x close