จากกรณีดราม่าของ หนึ่ง จักรวาล โปรดิวเซอร์เพลงชื่อดังที่มีประเด็นจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ และมีดาราคนดังในวงการบันเทิงหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่ารับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว
ล่าสุด (27 ตุลาคม 2564) แพร เอมเมอรี่ นักแสดงสาว ช่อง 7 ก็ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวที่เป็นปมในวัยเด็กของเธอผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว หลังเคยถูกผู้ใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และเพิ่งมาเข้าใจในตอนโตว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จนทำให้เกิดบาดแผลในใจ ทำให้เธอนั้นไม่กล้าใส่กระโปรง ระแวงชายแปลกหน้าจนถึงตอนโต
และยังบอกอีกว่าผู้ใหญ่ไม่ควรเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปเทียบกับเด็กว่า ถ้าเราโอเคแบบนี้แล้วเด็กก็ต้องโอเคเหมือนกัน ควรสอนให้เด็กรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องระวังและอะไรที่ไม่เหมาะสม
โดนแพรเล่าว่า "ร่างกายนี้เป็นของเรา และเราก็มีสิทธิ์ทุกอย่างกับร่างกายนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะบอกว่ามันโอเค หรือไม่โอเค ถ้ามีใครมาก้าวก่าย หรือมายุ่งกับร่างกายของเรา ไม่ว่าจะมาจากความหวังดีหรือไม่ เราก็มีสิทธิ์ที่จะบอกว่ามันไม่โอเค
และเราไม่จำเป็นจะที่จะต้องอธิบายเหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไมมันไม่โอเค ถ้าเรารู้สึกไม่ดี แต่กว่าที่แพรจะคิดได้แบบนี้ คือตอนที่โตแล้วนะ เพราะตอนเด็กแพรเคยเป็นเด็กคนหนึ่งที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ที่เพิ่งเข้าใจว่ามันคือ sexual harassment ในตอนโต
*ข้อความด้านล่างอาจมีเนื้อหาที่ trigger ความรู้สึกได้สำหรับบางคนได้ ข้ามไปด้านล่างได้เลยนะคะ
แพรเคยเป็นเด็กคนหนึ่งที่ตื่นเต้นเวลารถไอติมผ่านมาหน้าบ้าน แพรจะวิ่งออกไปซื้อไอติมทุกครั้งที่มีรถผ่าน และด้วยความที่เราเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ (ไม่เกิน 10 ขวบ) เราได้แต่กระโดดกับปีนตู้ไอติมเพื่อก้มลงไปเลือก
วันนั้นแพรจำได้แค่ว่า คนขายไอติมบอกว่าจะช่วยอุ้มให้เลือกไอติม แต่แพรจำไม่ได้ว่าเขาใช้การอุ้มวิธีไหนที่ทำให้แพรรู้สึกเจ็บที่หว่างขามาก ๆ เราจำได้ว่าวันนั้นเราใส่กระโปรง เขาอุ้มเราอยู่สักพัก แล้วก็วางเราลง แพรจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นได้กินไอติมไหม จำได้แค่ว่าเจ็บ และไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไร และไม่เคยพูดหรือบอกใคร
หลังจากนั้น แพรไม่เคยวิ่งออกไปซื้อไอติมอีก และโตมาเป็นคนที่ไม่ชอบใส่กระโปรง ไม่ชอบถ้ามีใครมาถูกตัวโดยที่เราไม่รู้ตัว และมีความกลัวและระแวงถ้าเจอผู้ชายแปลกหน้า ถึงแม้วันนี้จะโตแล้ว และเข้าใจว่าเหตุการ์ณบางอย่างในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับวันนั้น แต่มันก็เป็นความรู้สึกแบบอัตโนมัติที่เกิดขึ้นเอง
ที่พูดมาทั้งหมด เพราะจากเหตุการณ์ที่เจอนี้ทำให้รู้แจ้งจากใจตัวเองเลยว่า
เด็ก "ไม่รู้" ว่าสิ่งที่เขากำลังเจออยู่มันคืออะไร
เด็ก "ไม่รู้" ว่าอะไรคือความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม
เด็ก "ไม่รู้" ด้วยซ้ำ ว่ามันโอเค หรือไม่โอเคสำหรับตัวเขา ถ้าไม่มีใครบอกหรือสอน
แต่ที่เกิดขึ้นแน่นอนคือความรู้สึกบางอย่างที่เด็กคนนั้นไม่เข้าใจในวันนั้น จะส่งผลกับเขามาจนโตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในวันที่เราเป็นผู้ใหญ่ และมีความเข้าใจในโลกมากขึ้น ก็อยากให้เรานึกถึงจิตใจของเด็กให้มาก ๆ เพราะเขากำลังเรียนรู้จากเรา ทั้งที่เราตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ มันจะส่งผลอะไรบางอย่างกับเด็กคนนึงได้ทั้งนั้นค่ะ และอย่าเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปเทียบกับเด็กว่าถ้าเราโอเคแบบนี้ เด็กก็ต้องโอเคเหมือนกัน"