x close

ตู่ นพพล เปิดใจชีวิตคนบันเทิง เจอมรสุมจนเกือบท้อ เตรียมเกษียณงานผู้จัด-กำกับ

          ตู่ นพพล เปิดใจชีวิตในวงการบันเทิง เป็นมาหมด นักแสดง ผู้จัดละคร ผู้กำกับ เผยที่มาปั้นนักแสดงดังนับไม่ถ้วน เล่ามรสุมชีวิตปัญหาลูกใหญ่จากการทำงาน นับถอยหลัง 4 ปี เลิกงานเบื้องหลัง แต่ไม่ทิ้งการแสดง

ตู่ นพพล

          เรียกว่าเป็นนักแสดงและผู้กำกับระดับตำนาน สำหรับ ตู่ นพพล ที่สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพมานับไม่ถ้วน ล่าสุด (10 ธันวาคม 2564) อาตู่ เปิดใจเล่ามรสุมชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ในการทำงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 โดยมี หนิง ปณิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

รู้สึกยังไงบ้าง ไปเป็นผู้จัดแล้วกลับมารับงาน คุณอาเลือกยังไง ?

          อาตู่ : สนุกครับ สนุกที่ได้ทำงานกับคนใหม่ ๆ รุ่นใหม่ เป็นคนไม่เลือกแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชอบแสดง เป็นคนรักการแสดงมาก ใครอยากให้แสดงอะไรรับหมด ตั้งแต่แสดงมา 43 ปี ยังมีอีกเยอะ บทที่เราไม่เคยเล่น แล้วก็อยากเล่นด้วย

อาตู่เป็นคนที่เนี๊ยบมาก 9 โมงคือ 9 โมง ?

          อาตู่ : จะเป็นอย่างนั้นครับ เพราะหน้าที่และการรับผิดชอบของนักแสดง เราต้องเน้นตรงนี้เป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญคือเรื่องมนุษยสัมพันธ์ บางคนเก่งแทบตายไม่มีงาน เพราะอะไร เพราะนิสัยไม่ดี ไม่จ้างดีกว่า จะเป็นอย่างนั้น

เวลาการทำการบ้าน นักแสดงรุ่นใหญ่อย่างอา มีอะไรบ้าง ?

          อาตู่ : เรื่องย่อ อ่านให้ครบว่าเหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องนี้เป็นยังไง ดูบทเฉพาะที่เราพูดก่อน ต่อไปคือท่องบทของคนอื่น อันนี้สำคัญ นักแสดงบางท่านไม่สนใจ ไม่งั้นเราไม่รู้ว่าคนที่เล่นด้วยจะพูดจบเมื่อไร เราต้องท่องบทเขาด้วย

มีนักแสดงบางท่าน หรือบางคนที่ไม่ไหวแล้ว เรื่องระเบียบวินัย อาอบรมยังไง ?

          อาตู่ : ในพาร์ตเป็นผู้จัดต้องคุย ต้องเตือน เพราะเราถือว่าตรงนี้ มันเป็นอนาคตของเขาด้วย

เวอร์ชั่นที่ดุที่สุดของอาตู่ ประมาณไหน ?

          อาตู่ : เดินออกจากกอง ไม่พูด จะอธิบายให้เขาฟัง จูงใจให้เขาเห็นว่าทำไมถึงจะต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมเราจะต้องปรับวิสัยของตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้มีอาชีพนี้ต่อไป แต่ถ้าเขายังไม่ฟัง ยังเป็นตัวของเขาต่อไป ไม่พูดแล้วครับ

แล้วพอเดินออกไปจากกอง สถานการณ์ตรงนั้นเป็นยังไง ?

          อาตู่ : เขาใกล้ตายกันทั้งหมดกองถ่าย เขาจะเครียดกันมากทั้งทีมงานและนักแสดง ซึ่งเราไปสงบอารมณ์ก่อน เดี๋ยวเดินกลับมาเอง

ยุคที่อาเป็นผู้จัด ผู้กำกับ งานละครเฟื่องฟูมาก วันหนึ่งเราย้ายไปอีกที่ เราทำยังไงให้ไม่ทุกข์ มีความสุขกับงาน ?

          อาตู่ : มีช่วงเปลี่ยนถ่าย แล้วเกิดเหตุการณ์ค่อนข้างรุนแรง ตอนนั้นบริษัทแทบจะล้มเลย เราก็เสียใจมาก เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้คนรอบข้างที่ดี ได้คู่ชีวิตที่ดี เราก็มีคุยกัน จับมือกัน สู้ต่อไหม สู้ต่อได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำใจให้นิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้มันหนักหนาสาหัสกว่านั้น อาไม่เหมือนนักแสดงคนอื่น บางคนเข้ามาตอนอายุ 25 มาจากอาชีพนู้น อาชีพนี้ แล้วมาเป็นนักแสดง แต่อาตู่เกิดมาพ่อ แม่ เป็นนักแสดง เป็นนักพากษ์อยู่ในวงการ เราก็เลยรู้จักนักแสดงทั้งหมด เคยเห็นมาแล้วคนที่อยู่สูงสุดแล้วลงมาต่ำสุด หรือต่ำสุดขึ้นไปสูงสุดเป็นยังไง มันเป็นบทเรียน แม่ไม่เคยสอนการแสดงเลย แต่จะสอนเรื่องการใช้ชีวิตของการเป็นนักแสดง ฉะนั้นเราเตรียมใจได้ ทำใจได้

แนวละครของอาตู่จะแฝงความดี โดยเฉพาะเรื่องการรักชาติ รักแผ่นดิน ทุกวันนี้เป็นแบบนั้นอยู่ไหม ?

          อาตู่ : ยังเป็นอยู่ครับ มันเหมือนเข้ามาในสายเลือด ทุกครั้งที่เราทำละคร ต้องคิดก่อนว่าจะให้อะไรกับผู้ชมมากที่สุด ยุคนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักวัฒนธรรมคืออะไร ฉะนั้นเราต้องพยายามเสนอเข้าไป

อาปรับตัวยังไงกับยุคปัจจุบัน ?

          อาตู่ : มันเหนื่อยมากนะ สิ่งที่เราชอบมันไม่ถูกกับการตลาด แต่ต้องพยายามอย่างน้อยให้ได้แทรกไปสักหน่อย

เรื่องวัฒนธรรมอย่างที่อาชอบ ยุคนี้มันเชย อารู้สึกยังไงบ้าง ?

          อาตู่ : เราเกือบจะท้อ แต่ไม่ถึงกับท้อ อาชีพนี้ท้อไม่ได้ เรามานั่งคิดให้หนักขึ้นไปอีก ทำงานให้เยอะขึ้นไปอีกว่าทำยังไงถึงจะสอดให้เขาดูได้และชอบด้วย

ตอนเจอปัญหาหนักในชีวิต คนที่อยู่ข้างกายคือ พี่นุช ?

          อาตู่ : ครับ เรา 2 คนช่วยกัน เพราะถ้ามันมีอะไรกระทบขึ้นมากับบริษัทก็หมายถึงกระทบทั้งคู่ พี่นุชเขาเป็นคนสู้ ถ้าไม่อย่างนั้นมาไม่ถึงตรงนี้ เขาสู้กับการเจ็บไข้ สู้มานานหลายปี เวลาเกิดปัญหาก็หันเข้าหากันก่อน เป็นกำลังใจให้กัน

ตอนนี้อาการของพี่นุชเป็นยังไงบ้าง ?

          อาตู่ : ดีครับ สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก จากที่เคยเดินไม่ได้อยู่ 2 ปี รักษาจนกระทั่งเดินได้ ความที่เธอพลังเยอะ ไม่ค่อยระมัดระวังตัวเท่าไร ต้องคอยดึง ๆ ไว้บ้าง ได้กอดกันมันการส่งพลังให้กันและกัน

ตู่ นพพล

ภาพจาก Instagram paujinjong

เรื่องทำงานอาต้องไปถ่ายในป่าตลอด มีอุปสรรคอะไรเยอะไหม ?

          อาตู่ : เยอะมาก อาไม่ชอบถ่ายหนังในเมือง มันค่อนข้างน่าเบื่อมาก บางคนมาสายเพราะรถติด กว่าจะได้เริ่มงาน ในป่าเรามีชีวิตตรงนั้น อยู่กับความบริสุทธิ์ แม้อุปสรรคจะเยอะมาก

นึกถึงนักปั้นคนคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นป๋อ ณัฐวุฒิ, อ้อม พิยดา, หนุ่ม อรรถพร อามีวิธีเลือกนักแสดงยังไง ?

          อาตู่ : เลือกความเหมาะสมของบท อย่างพี่ป๋อ ตอนนั้นคุณแดงส่งมาให้ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก แล้วทำงานเป็นวิศวกร ไม่เคยแสดง นัดมาเจอกันที่บ้าน ป๋อก็จะนั่งงง ๆ การแสดงคืออะไรครับ ก็ช่วยกันสอนไป ป๋อโชคดีที่ได้เพื่อน ๆ นักแสดงคอยโอบอุ้ม หลังจากนั้นพี่ป๋อก็เล่นมาถึงตอนนี้

อาอยากฝากอะไรถึงพี่ป๋อไหม ?

          อาตู่ : ส่งแต่ความรักครับ เรามีความรักให้กันเพราะคบกันมานาน ทำงานด้วยกันมานาน ส่วน อ้อม พิยดา จริง ๆ แล้วเขาเกิดมาจากช่องวัน เพียงแต่ว่าอาตู่มาช่วยเกลา เพราะพ่อเขาสั่งมา ดูแลลูกกูดี ๆ นะเว้ย

พี่กัปตัน พี่หนุ่ม อรรถพร ตอนนี้เป็นผู้กำกับตามรอยอาตู่ ?

          อาตู่ : เก่งมากทั้งคู่เลย มีความสามารถสูงมาก จำได้เลยตอนที่ถ่ายเก็บแผ่นดินอยู่เชียงราย กัปตันกับหนุ่มไม่นั่งเฉย พอฉากนี้เขาไม่ได้เข้า เขาไปฝึกแม้กระทั่งการลากดอลลี่ ฝึกจัดไฟ ฝึกแบกไฟ ทุกอย่าง เราก็มองเห็นแล้วว่า 2 คนนี้มีของ

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ?

          อาตู่ : อเล็กซ์เล่นกับอาตู่ตอน 7 ขวบ เรื่องหัวใจและไกลปืน เป็นเด็กที่อดทน เป็นเด็กที่อึด อายุ 7 ขวบ เล่นตั้งแต่ 10 โมงเช้า จนถึงตี 3 ระหว่า 5 ทุ่มกว่า เขานอนและตี 3 ปลุกเขาตื่น เขาก็งัวเงียมา ยืนกางแขน ทีมงานก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เขาตื่น พอเขาตื่นเขาเล่นได้ทันที ไม่งอแง ไม่บ่นอะไรทั้งสิ้น

อาอยากบอกอะไร อเล็กซ์ ไหม ?

          อาตู่ : มีความรักอย่างเดียวเลย รักในเด็กคนนี้ รักในนักแสดงคนนี้เหมือนกับที่รักป๋อ รักใครต่อใครที่เป็นลูกศิษย์ของอาตู่ เรารู้จักกันมาจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว นอกจากความรักให้กัน

จอย ศิริลักษณ์ เป็นเด็กที่อาปั้นเลย ?

          อาตู่ : ครับ โสมส่องแสง เรื่องนี้แคสติ้งยากมาก เราได้พระเอก 2 คนแล้ว พี่นก ฉัตรชัย กับ พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ นางเอกคือคุณมาช่า ทีนี้เหลือนางเอกอีกคน จะต้องเด็ก อายุ 14 เท่านั้น เราก็หาตัวนี้ยากนะ จนมาถึงวันที่จอยเข้ามา จอยมาจากสโมสรผึ้งน้อย จอยมีอะไรอยู่ในตัว ซึ่งพอได้คุยได้เล่นให้ดู คิดว่าเด็กคนนี้น่าจะไปได้ ทุกคนก็มาคุยกัน ตกลงกันว่าเลือกจอย

คนวงการบันเทิงทุกคนได้รับผลกระทบหมดเลย รวมถึงตัวอาด้วย เป็นยังไงบ้าง ?

          อาตู่ : หนักอยู่ครับ ปกติละครยาก ๆ อย่าง เก็บแผ่นดิน เราจะตั้งไว้ว่า 9 เดือน ถึง 1 ปี ต้องปิด นี่เจอไป 2 ปีกว่า รายได้ไม่มีเข้ามา รายจ่ายมีทุกเดือน แล้วมันไม่มีอนาคตว่าเมื่อไรมันหาย เราต้องอยู่กับโรคได้ ต้องทำใจอย่างสูงสุดว่าเราต้องอยู่ได้

อาวางแผนชีวิตไหม ?

          อาตู่ : สำหรับกำกับและผู้จัด คิดว่าไม่น่าจะเกิน 3-4 ปีนี้ จะเริ่มถอย เพราะว่าแรงมันเริ่มจะถอยเหมือนกัน เรารู้ตัวเราดี เมื่อไรถึงเลข 7 ก็น่าจะถอยได้แล้ว แต่การแสดงไม่หยุดแน่นอน ไม่มีวันหยุด ยังไงก็ยังชอบการแสดง

ตอนนี้ไปอยู่เชียงรายเป็นหลัก ?

          อาตู่ : ใช่ครับ ต้องการอยู่กับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ชีวิตในเมืองเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยมีความสุข เราตื่นมาเห็นแต่ตึก รถติด ฝุ่นควัน อยู่ตรงนั้นอาตู่มีความสุขกับสัตว์เลี้ยงแล้วก็ต้นไม้ ดอกไม้

          ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ในรายการ "คุยแซ่บShow"  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.05 - 14.05 น. ทางช่อง One31 หรือ Facebook Page : คุยแซ่บShow และรับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ตู่ นพพล

ตู่ นพพล

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตู่ นพพล เปิดใจชีวิตคนบันเทิง เจอมรสุมจนเกือบท้อ เตรียมเกษียณงานผู้จัด-กำกับ อัปเดตล่าสุด 12 ธันวาคม 2564 เวลา 14:06:15 8,658 อ่าน
TOP