จากรายงานของเว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ระบุว่า แม้การคุกเข่าจะถือเป็นการแสดงความอ่อนน้อมในวัฒนธรรมจีน แต่ปัจจุบันการแสดงออกดังกล่าวไม่ถูกมองว่าเป็นวิธีการที่เหมาะสม ในขณะที่ชาวเกาหลียังใช้วิธีการคุกเข่าคำนับเพื่อทักทายและแสดงความขอบคุณอยู่
แม้วิธีการอวยพรปีใหม่แก่แฟน ๆ ของอี้เหรินจะได้รับเสียงชื่นชมจากชาวจีน แต่กลับเกิดกระแสโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างหนักบนโลกออนไลน์ของเกาหลี โดยปรากฏคอมเมนต์แนว ๆ "กลับจีนไปซะ" และ "อย่ามาหาเงินในเกาหลี" ให้เห็น
ขณะเดียวกันยังมีคอมเมนต์บนเว็บไซต์ allkpop สื่อบันเทิงเกาหลี ระบุว่า "ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าชาวจีนหยิ่งยโสและไม่เคารพหรือคำนึงถึงวัฒนธรรมอื่น" รวมถึงมีคอมเมนต์ระบุว่า "หยุดทำเงินในเกาหลีแล้วกลับประเทศเธอไปซะ"
คอมเมนต์จากเว่ยป๋อมีทั้ง "คนจีนไม่คุกเข่า" และ "ฉันภูมิใจในตัวไอดอลสาวคนนี้ที่รักษาประเพณีแบบจีน"
อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมทำให้ไอดอลสาวต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยบอกว่า "ถ้าเธอคุกเข่า เธอก็จะถูกชาวเน็ตจีนต่อว่า และถ้าไม่คุกเข่า เธอก็ยังจะถูกชาวเน็ตเกาหลีต่อว่า เป็นศิลปินนี่มันยากจริง ๆ เลย"
ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ทั้งตัวอี้เหรินและ Yue Hua Entertainment ค่ายต้นสังกัดของ Everglow ยังคงไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ ในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามวานนี้ (10 มกราคม) ทางค่ายได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า อี้เหรินจะพักการทำกิจกรรมชั่วคราวเพื่อเดินทางกลับไปประเทศจีน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยเหตุผลด้านการศึกษาและเพื่อให้เธอได้ใช้เวลาพักผ่อนร่วมกับครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19
โดยในระหว่างนี้ Everglow จะยังดำเนินกิจกรรมในประเทศต่อไปด้วยสมาชิก 5 คน ตามตารางงานที่วางแผนไว้
อนึ่ง ความแตกต่างทางวัฒนธรรมกลายมาเป็นที่มาของความตึงเครียดระหว่างจีนและเกาหลีใต้บ่อยครั้ง โดยเมื่อปี 2564 ก็เคยเกิดกรณีดราม่ากิมจิ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ของจีนได้ออกมาเผยคลิปเปิดสูตรการทำผักดองตามแบบจีน แต่เธอกลับถูกชาวเกาหลีวิจารณ์หนัก โดยระบุว่ากิมจินั้นเป็นเมนูเครื่องเคียงของเกาหลี
ขอบคุณข้อมูลจาก เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์