เธอคือนักเดินทางที่ไปมาแล้ว 80 ประเทศทั่วโลก บอม ฑิชากร เปล่งพานิช และเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อนกและแม่นก นักแสดงชื่อดัง ฉัตรชัย - สินจัย เปล่งพานิช ชีวิตของเธอเดินทางมาแล้วกว่าครึ่งโลก ใคร ๆ ต่างก็อิจฉามีคุณพ่อคุณแม่ที่มีชื่อเสียง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเจอกับเรื่องราวของการถูกเปรียบเทียบจากสังคม มาตรฐานความสวยที่ถูกคาดหวัง และคุณค่าในตัวเองที่ถูกเปรียบเทียบมาตลอดทั้งชีวิต เปิดทุกเรื่องราวแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY HELP ME PLEAS
สังคมและการเปรียบเทียบดูเหมือนคำนี้แยกไม่ค่อยออก บอม ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ?
บอม เปล่งพานิช : จริง ๆ แล้วเจอมาตลอดทั้งชีวิต ทำไมไม่สวยเหมือนแม่เลยล่ะ ทำไมไม่ผอมแบบคนนี้ เขาพูดเพราะว่าเขาหวังดี แต่ว่ามันคือการเปรียบเทียบ แล้วความรู้สึกของเราล่ะ ทำไมเราต้องไปวัดค่าของตัวเอง คุณต้องผอมเท่านี้ คุณต้องสวยเท่านี้
ซึ่งก็ใช้ชีวิตโตขึ้นมากับความรู้สึกแบบนี้ตลอด ?
บอม เปล่งพานิช : แล้วทำไมทักเรื่องอื่นไม่ได้เหรอ คือที่บ้านไม่เคยมีพูดว่าต้องสวยแบบนี้นะ แต่ว่าคนรอบข้างจะเป็นคนที่กดดันว่าทำไมไม่ทำผมทรงนี้ล่ะ ไม่แต่งตัวแบบนี้ล่ะ ทำไม ๆๆ มันมี Standard ของวงการที่มันอยู่บนไหล่เรา เหมือนเป็นน้ำหนักที่มันกดเราอยู่ เราต้องแบกความกดดันนี้ไว้ตลอด
ตอนโตขึ้นมามีความรู้สึกกดดันไหมว่าเป็นลูกของ 2 นก คนก็คาดหวังไว้สูง เคยรู้สึกไหมว่าฉันจะต้องหาทางออก ?
บอม เปล่งพานิช : ใช่ค่ะ เราจะต้องไปทำอย่างอื่นไหม บอมมีโอกาสได้ไปเรียนเมืองนอก เรียน Drama แล้วชอบมาก หรือว่าเราอยากแสดงน่ะ แต่คิดว่ามันทนไม่ไหว ทนกับความกดดันนี้ไม่ไหว
จัดการกับความรู้สึกตอนนั้นยังไง ?
บอม เปล่งพานิช : พูดตรง ๆ ว่า มันเป็นแรงกดดันที่เราให้กับตัวเอง มากกว่าที่คนอื่นให้เรา แต่คือใช้เวลา 30 ปีนะกว่าจะคิดได้
ในวันนี้ บอม มั่นใจกับตัวเองมากกว่า 20 ปีที่แล้ว ?
บอม เปล่งพานิช : ถ้าข้างในรู้สึกดี ข้างนอกก็จะรู้สึกดี มันเริ่มจากที่ บอม มากิน Plant-based (อาหารที่ทำจากพืช) ประมาณ 90% เลยรู้สึกว่าข้างในดีขึ้น พอข้างในดีขึ้นมันส่งผลกับสมอง ความคิด และสิ่งที่ทำได้ก็คือจริงจังและจริงใจกับความรู้สึกตัวเองให้มากที่สุด
ความสุขของ บอม คือการได้เดินทาง แล้วพอวันหนึ่งมันกลายเป็นงานเลยเกิดปัญหาขึ้นมา รู้สึกว่าจะอย่างไรกับชีวิตทั้ง ๆ ที่ควรเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด?
บอม เปล่งพานิช : เราโชคดีขนาดไหนที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วพอผ่านไปประมาณ 2-3 ปี รู้สึกว่ามันเหมือนเดิมไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นแล้ว ทำไปทำไม ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองรักที่สุดได้แล้ว ยังไงต่อก็เลยลาออก พยายามที่จะแบบว่าไม่อยากเกลียดในสิ่งที่ตัวเองรัก
ในวันนั้นไปต่อด้วยความคิดแบบไหน ?
บอม เปล่งพานิช : มานั่งคิดว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดมันไปต่อไม่ได้แล้ว จะมีอะไรอีกไหม นั่งถามตัวเอง เคยตั้งกฎกับตัวเองไว้ตอนอายุ 18 ว่าฉันจะทำอย่างนี้ๆ แล้วบอมก็ทำหมดทุกอย่างครบหมดในอายุ 28 ตอนบอมได้รางวัล National Geographic ก็แบบแล้วไงต่อ แล้วมีอะไรอีกที่เรายังไม่ได้ทำ เลยเริ่มจากตรงนั้นก่อน บอมชอบการเล่าเรื่อง ชอบ Storytelling แบบไหนบ้าง แล้วก็คิดต่อไปอีก
ดูดี กับ ตัวตน คิดอย่างไรกับการเสริมความงาม ?
บอม เปล่งพานิช : ถ้าทำแล้วคุณรู้สึกสวยทำเลย มันไม่ได้มีอะไรผิดเลย อยากไปฉีดโบท็อกซ์ก็ไปฉีด อยากให้หน้าเล็กลงก็ไปทำ มันเป็นการดูแลตัวเองอีกแบบหนึ่ง
ช่วยเล่าประสบการณ์ในการผจญภัยที่อยู่ในใจเราหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นทริปไหน ?
บอม เปล่งพานิช : ขับตุ๊กตุ๊กข้ามอินเดียจากใต้สุดขึ้นเหนือสุด ตอนนั้นได้ทำงานกับ พี่เร แม๊คโดแนลด์ ก็ช่วย Research รายการ จนมาเจอการแข่งขันอันนี้ เรามีมิชชั่นต้องทำให้ได้
บอม มีวิธีจัดการกับความคิด จิตใจ ความมั่นใจ ของตัวเองอย่างไรบ้าง ?
บอม เปล่งพานิช : Let it go พยายามทำอะไรแบบที่ให้ตัวเองมีความสุข บอมเป็นคนใช้เวลากับตัวเองเยอะมาก พยายามบริหารจิตใจตัวเองให้มากที่สุด ด้วยการจริงใจกับตัวเอง ถ้ามัน Make Sense มีโอกาสดูแลตัวเองเยอะ จุดที่ต่ำที่สุดคือมีทางเดียวมันขึ้นแน่นอน เพราะมันคือชีวิต The Only Person You Need To Impress Is Yourself คนเดียวที่เราจะต้องให้ความสำคัญและให้ค่าคือตัวเราเอง