อิ่งอ้อย : มะเร็งลามไปหมดแล้ว จิตใจเราก็ต้องบิวต์ให้เขาไปข้างหน้าต่อได้ เริ่มแรกมาจากรังไข่ ลามเข้าช่องท้องเข้าปอด ตอนนี้ต่อมน้ำเหลืองแล้ว ทำคีโมก็ต้องผมร่วงแพ้พิษคีโมสภาพผิวไหม้หมด
-โฟนอินพี่อิ๋งอิ๋ง-
เป็นไงบ้างวันนี้ ?
อิ๋งอิ๋ง : แข็งแรงดีค่ะ
หลังการให้คีโมเป็นยังไงบ้าง ?
อิ๋งอิ๋ง : เหนื่อยมากค่ะ
หลังให้คีโมครั้งหนึ่งต้องอยู่บนเตียง 14 วัน ?
อิ๋งอิ๋ง : ใช่ค่ะ
เรื่องอาหารการกิน ?
อิ๋งอิ๋ง : กินได้ปกติ แต่ไม่อยากกินค่ะ
ยังทำงานอยู่เลย ทำไมไม่พัก ?
อิ๋งอิ๋ง : ยังอยากทำงานอยู่ค่ะ เพราะเดี๋ยวหยุดหายใจคงไม่ได้ทำงานอีก
สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง ?
อิ๋งอิ๋ง : ดีขึ้นค่ะ รู้สึกว่าโลกมันโหดร้าย โหดร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ
โลกหรือมะเร็งอันไหนที่มันโหดร้ายกว่ากัน ?
อิ๋งอิ๋ง : พอ ๆ กันค่ะ แต่มะเร็งเป็นเพื่อนเรา เราบอกตัวเองว่าเราเป็นหวัด หลอกตัวเองว่าเป็นหวัดทุกวันเดี๋ยวก็หาย คิดอย่างนี้บอกกับตัวเอง
ได้ยินพี่สาวบอกแบบนี้รู้สึกยังไงบ้าง ?
อิ่งอ้อย : ในครอบครัวเขาไม่ยอมบอกใครว่าเขาเป็นมะเร็ง วันงานศพคุณแม่เขานั่งรถเข็น ทุกคนที่มางานก็ถามว่าทำไมพี่สาวต้องนั่งรถเข็น เราก็บอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร เขาเป็นโรคร้ายแต่เขาไม่พูดว่าเขาเป็น พอเผาศพคุณแม่เสร็จหมด เราต้องรู้ให้ได้มันคาใจ เขาไม่บอกว่าเขาเป็นอะไร ด้วยวิธีของพี่คือ พี่ส่งแมสเซนเจอร์ไปโรงพยาบาลรามาธิบดี บัตรประชาชนเขาไปคัดประวัติ แต่พี่พอดูออกที่หมอเขียนว่า มะเร็งระยะที่ 2 แต่เขาปิดมาตลอดไม่ยอมบอก เราช็อกไปเลยว่ามะเร็งขั้น 2 แต่ทำไมไม่รักษา คำตอบที่ได้คือเงียบ มีคนอื่นที่เขารู้แต่ไม่ยอมบอกเรา เพราะเขาสั่งให้ปิด
ตอนนั้นทำไมถึงไม่บอกน้องสาวว่าเป็นมะเร็งขั้น 2 ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจ คิดว่าไปคนเดียวก็สบายดี ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อน
พอน้องรู้ รู้สึกยังไง ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่อยากให้เขาต้องมารับรู้ว่าเราเจ็บป่วยอะค่ะ
ถ้าวันนั้นพี่อิ๋งอิ๋งบอกตั้งแต่งานศพคุณแม่ ?
อิ่งอ้อย : เราไม่รออยู่แล้ว ไม่รอที่ว่าเขาจะรักษาหรือไม่รักษา เพราะสุดท้ายก็ต้องรักษา คนที่เป็นมะเร็งไม่ว่าขั้นไหน ถ้าเริ่มรักษาดูแลตัวเอง ก็มีสิทธิ์ที่จะหายได้ หรือไม่คุณก็จะมีอายุที่มันยืนยาวไปอีก ทำไมจะไม่อยู่ด้วยกันล่ะ เราก็แปลกใจว่าทำไมเขาไม่พูด เรามีพี่น้อง 3 คนแล้วเราก็รักกันนะใครเป็นไรเราต้องรู้
ไม่มีอาการแสดงออกมาเลย ?
อิ่งอ้อย : เขาป่วยแต่เราไม่รู้ว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่าเขา SLE ด้วย เราคิดว่าเขาเป็นโรคพุ่มพวง ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นมะเร็ง
น้องสาวบอกว่า "อย่ามาตายเพราะผู้ชายคนเดียว" รู้สึกยังไง ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่ได้คิดว่าจะตายเพราะผู้ชายคนเดียว เขาไม่มีค่าพอ
พี่อิ๋งเสียใจมากขนาดไหน ?
อิ่งอ้อย : เสียใจค่ะ เสียใจมาก เพราะว่าเขายึดติดกับคนคนเดียว พอตรงนั้นหายไป เขาเสียใจมาก
คิดอะไรอยู่ถึงพูดว่า อย่ามาตายเพราะผู้ชายคนเดียว ?
อิ่งอ้อย : นาทีนี้เป็นโรคมะเร็งก็ร้ายแรงแล้ว ต้องเริ่มรักตัวเอง มุมมองการใช้ชีวิตเราก็มีครอบครัว เรารู้ว่ามีสามี ใช่ แต่เราก็ต้องรักตัวเอง เราไม่รู้ข้างหน้าคนที่เรารักมากที่สุด หรือรักเราที่สุด ณ เวลานี้ ถ้าข้างหน้าเขาเปลี่ยนไปเราต้องอยู่ได้ไง เราต้องมีชีวิตที่จะเดินต่อไปโดยที่ไม่มีเขาก็ได้ แต่มุมมองของพี่ตอนนี้คือว่าคนที่เขาเข้ามาอยู่ด้วยกันน้อยกว่าที่เราอยู่ร่วมกันอีก กับผู้ชายอยู่แค่ 15 ปี
ได้ฟังคำพูดน้องสาวแล้วมีความแข็งแรงในใจพอควรเลย พี่อิ๋งรู้สึกยังไงตอนนี้ ?
อิ๋งอิ๋ง : ขอบคุณที่ให้สติ
วันนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงโพสต์ข้อความแบบนั้นลงโซเชียล ?
อิ๋งอิ๋ง : มันเป็นที่สุดของชีวิตแล้ว ได้ฝากเป็นบทเรียนให้ใครหลายคน เป็นข้อคิด ทุก ๆ 1 ปี พอครบรอบมันจะขึ้นมา คิดว่าจะเขียนไว้เป็นบันทึกความทรงจำของผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอกับเรื่องราวร้าย ๆ แค่นั้นเองค่ะ
พี่อิ๋งเปย์สามีหนักมากมา 15 ปีที่แต่งงานกัน ไม่เคยให้สามีทำงานเลย เงินเดือนเดือนละครึ่งแสน จริงไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : จริงค่ะ
พี่อิ่งอ้อยทราบไหทคะ ?
อิ่งอ้อย : ทราบค่ะ พี่อิ๋งเป็นคนใจดี นางสายเปย์อยู่แล้ว แม้กระทั่งกับน้อง รถคันแรกในชีวิตพี่สาวก็ซื้อให้ค่ะ แล้วนางก็เปลี่ยนรถให้เรื่อย ๆ เราขับรถเขาเอาชนเขาก็ไม่ว่าสักคำ
อิ่งอ้อย : ไม่ได้ เรื่องอย่างนี้่คือพี่น้องก็พี่น้อง สามีครอบครัวเราต้องถอย เราอย่าเข้าไปยุ่ง เข้าไปยุ่งเมื่อไหร่เห่าได้ทันที เราก็นั่งดู พูดไม่ได้
น้องสาวได้เตือนบ้างไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : น้องไม่ค่อยยุ่ง หรือพูดของอะไรเท่าไหร่ เวลามีปัญหาน้องถึงเข้ามาพูด
ห่วงพี่อิ๋งอิ๋งอาจไม่อยู่ทนรอวันสุดท้าย ?
อิ่งอ้อย : มันน่ากลัว เพราะว่าทุกครั้งที่เห็นเขาคีโมมันทรมานมาก ร้องปวด นอนซม นอนเป็นผัก เราไม่รู้ว่าโอกาสแค่เสี้ยววินาที ถ้าเขาเลือกว่าเขาไม่ทรมานแล้วมาเจอเรื่องสามีอีก เขาพร้อมไป
ทุกคนเป็นห่วงและเป็นกำลังใจให้มาก ?
อิ๋งอิ๋ง : ขอบคุณค่ะ
พี่อิ๋งเปย์สามีหนักมากมา 15 ปีที่แต่งงานกัน ไม่เคยให้สามีทำงานเลย เงินเดือนเดือนละครึ่งแสน จริงไหม ?
อิ่งอ้อย : จริงค่ะ
พี่อิ่งอ้อยทราบมั้ยคะ ?
อิ่งอ้อย : ทราบค่ะ พี่อิ๋งเป็นคนใจดี นางสายเปย์อยู่แล้ว แม้กระทั่งกับน้อง รถคันแรกในชีวิตพี่สาวก็ซื้อให้ค่ะ แล้วนางก็เปลี่ยนรถให้เรื่อย ๆ เราขับรถเขาเอาชนเขาก็ไม่ว่าสักคำ
เค้าเปย์น้องแล้ว เปย์สามีด้วย ได้ทักเขาบ้างไหมว่าให้เยอะไป ?
อิ่งอ้อย : ไม่ได้ เรื่องอย่างนี้คือพี่น้องก็พี่น้อง สามีครอบครัวเราต้องถอย เราอย่าเข้าไปยุ่ง เข้าไปยุ่งเมื่อไหร่เห่าได้ทันที เราก็นั่งดู พูดไม่ได้
น้องสาวได้เตือนบ้างไหม ?
อิ่งอ้อย : น้องไม่ค่อยยุ่ง หรือพูดของอะไรเท่าไหร่ เวลามีปัญหาน้องถึงเข้ามาพูด
ห่วงพี่อิ๋งอิ๋งอาจไม่อยู่ทนรอวันสุดท้าย ?
อิ่งอ้อย : มันน่ากลัว เพราะว่าทุกครั้งที่เห็นเค้าคีโมมันทรมานมาก ร้องปวด นอนซม นอนเป็นผัก เราไม่รู้ว่าโอกาสแค่เสี้ยววินาที ถ้าเขาเลือกว่าเขาไม่ทรมานแล้วมาเจอเรื่องสามีอีก เขาพร้อมไป
ทุกคนเป็นห่วงและเป็นกำลังใจให้มาก ?
อิ๋งอิ๋ง : ขอบคุณค่ะ
ตอนที่อดีตสามีมาขนของออกจากบ้านพี่อิ๋งอิ๋งก็อยู่ในบ้านด้วย ?
อิ่งอ้อย : อยู่ค่ะ พี่ก็อยู่ เราไม่ว่า เพราะเราไม่รู้ว่าเราถือว่า ณ เวลานั้นเราคือคนนอก เราต้องนั่งดูและเป็นกำลังใจให้เค้าเฉย ๆ เชียร์ให้เขาเลิกกันไม่ใช่หรอก แต่เราต้องนิ่งแล้วดูเขา เขาไปแน่หรือเปล่า ถ้าเขาไปโอเคให้เขาไป
ตอนนั้นพี่รู้สึกว่าเขาเป็นคนนอก ตอนนี้เขาเป็นคนนอกหรือยัง ?
อิ่งอ้อย : เขาเป็นคนนอกตั้งแต่ต้นสำหรับพี่
วันที่เขาขนทุกอย่างไป อยากบอกอะไรกับเขาไหม ?
อิ่งอ้อย : ก็ต้องบอกว่าไปเถอะ อย่าอยู่เลย ไม่รั้ง เชิญด้วย เราถือว่าพี่เราหมดกรรม
ความสุขของพี่สาวเรายังอยู่ที่เขา ?
อิ่งอ้อย : เราให้เขาเลือกแล้ว บอกเขาเลยว่าพี่อิ๋งตัดสินใจเอานะ ถ้าจะเอาเขาไว้พี่น้องไม่มีใครว่า เพราะเราถือว่านั่นคือความสุข ถ้าพี่อิ๋งต้องมีระยะเวลาชีวิตอยู่ หมอบอกอยู่ได้ไม่นาน เลือกเลยพี่น้องพร้อม เลือกแล้วแฮปปี้มีความสุขไม่มีใครว่า เขาก็ตัดสินใจอยู่กับพี่น้องดีกว่า เขาก็มีความสุข เราพร้อมจะทำพร้อมดูแล เรายินดี
พี่สาวเราใจผูกกับสามีมาก เคยคิดสักแวบจะไปเชิญเขากลับมาไหม ให้ช่วงชีวิตของพี่อิ๋งช่วงนี้มีความสุข ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่ค่ะ แค่นี้พอแล้ว
โพสต์เรื่องราวสามีนอกใจ วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
อิ๋งอิ๋ง : เค้าลืมปิดสปีกเกอร์โฟน
ความชอบในเรื่องของความรักที่ไม่เหมือนกัน ?
อิ๋งอิ๋ง : ถ้าเกิดเขาออกไปข้างนอกจะไม่รับสายใครเลย ต่อให้บ้านจะมีปัญหาพ่อเขาจะเจ็บหรือจะล้ม เขาจะไม่รับสายใครทั้งนั้นถ้าออกไปข้างนอก
มีเรื่องของรสนิยมทางเพศด้วย ?
อิ๋งอิ๋ง : จริงค่ะ
พี่อิ่งอ้อยทราบด้วย ?
อิ่งอ้อย : ทราบค่ะ พี่อิ๋งไม่เคยมีเพื่อนสาวตั้งแต่เด็ก เรามีเพื่อนสาวตั้งแต่เด็ก เราจะรู้ว่าลักษณะผู้ชายแบบนี้ออกสาวนะ เรดาร์จับได้
รู้ตั้งแต่แรกเลยไหม ?
อิ่งอ้อย : เหม็นเขียวตั้งแต่ต้นค่ะ เรื่องอย่างนี้พูดไม่ได้
เราไม่กล้าเตือนพี่สาว ถ้าพี่สาวเตือนเราได้ไหม ?
อิ่งอ้อย : ได้ เราเป็นคนมีเซ้นส์ มองปุ๊บใช่ไม่ใช่เรารู้ทันที
15 ปีที่ผ่านมามีคนเตือนเรื่องนี้ไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : เวลามันผ่านไปเร็วมากจนเราไม่รู้ตัว วัน ๆ พี่ทำงานเดินทางไปโน่นไปนี่ก็ไม่ได้ใส่ใจต่างคนต่างอยู่คนละห้องอยู่แล้ว ไม่ได้คิดไรเยอะแยะ แค่เป็นเพื่อนกันก็พอใจแล้ว
สุดท้ายเขาขนของออกไป ?
อิ๋งอิ๋ง : ที่เขาขนของออก เพราะพี่ไล่เขาออกจากบ้านด้วย เพราะพี่รับเขาไม่ได้ ถามเขาแล้วว่าเขาจะเลือกใครระหว่างพี่กับผู้หญิงคนนั้น เขาเลือกหมอนวด เลือกหมอนวดก็ไปเลย
ทราบว่าเขานอกใจ แต่ยังทนมาอีกระยะหนึ่ง ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่ได้ทนเลยค่ะ ทราบวันนั้นไล่วันนั้นเลย เขาก็ไปเลย เพราะว่าให้เขาเลือกแล้วว่าเลือกเราหรือผู้หญิงคนนั้น ถ้าเขาเลือกผู้หญิงคนนั้นก็ต้องออกไป
เค้าขอโทษหรือยื้อไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : เขายื้อค่ะ แต่ว่าเรารับไม่ได้
พี่อิ๋งอโหสิกรรมไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่อโหสิกรรมค่ะ ทุกภพทุกชาติค่ะ
คิดว่าเค้าจะดูไหม ถ้าเขาดูอยู่เป็นตัวแทนครอบครัวอยากจะบอกอะไรเขา ?
อิ่งอ้อย : คนที่เป็นกรณีกันเขาคงไม่อยากดูตัวเขาออกทีวีหรอกมั้ง ไปก็ดีแล้วค่ะ ไปเถอะค่ะ
อยากบอกอะไรถึงอดีตสามี ?
อิ๋งอิ๋ง : 15 ปีที่อยู่ด้วยกัน ไม่มีความดี ไม่มีความพอใจ ไม่มีความพอเพียงเลยเหรอ อยากถามเขาแค่นี้ให้ไปยังเยอะไม่พอใช่มั้ย เติมไม่เต็ม ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม ทำไมถึงอยากมีความทุกข์ออกไปหาความทุกข์นอกบ้าน ไม่เข้าใจเหมือนกัน อยู่นอกบ้านมีความสุขใช่ไหม ต่อไปนี้ไม่ต้องดิ้นรนแล้วทุก 4 โมงเย็น กระสับกระส่ายหาทางออกนอกบ้าน อยู่ให้สบายไปเลย
เรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้เป็นสาเหตุพี่น้องทะเลาะกันที่ผ่านมา ?
อิ่งอ้อย : ไม่ได้ทะเลาะค่ะ พี่อ้อยต้องพูดว่าไม่ทะเลาะ ถ้าทะเลาะคือต้องมีปากเสียงกัน แต่เราไม่ได้มีปากเสียงกัน เรารู้อยู่แล้วว่าพี่อิ๋งป่วย พี่อิ๋งเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ หนักมาพอสมควรแล้ว เราเลี่ยงไม่ปะทะอยู่แล้ว
ทะเลาะกับน้องสาวคนนี้บ่อยไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : ไม่เคยทะเลาะค่ะ พี่ไม่รับสายทุก ๆ คนเลย เพราะพี่ไม่อยากคุยกับใคร ใครโทร. มาก็ไม่รับ
อิ่งอ้อย : ทุกคนที่ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายเขามาติดต่อที่ใคร รับสายตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงเกือบเที่ยงคืนทุกวันเราก็ตอบคำถามเหมือนเดิมซ้ำ ๆ
อยากบอกอะไรกับน้องคนนี้หน่อยไหม ?
อิ๋งอิ๋ง : เมื่อคืนก็บอกไปแล้วว่าเธอคือทุก ๆ อย่าง ดูรูปแม่แล้วรู้สึกแม่น้ำตาไหลก็เสียใจ
อิ่งอ้อย : เมื่อวานบรรยากาศอบอุ่นมาก 3 คนพี่น้อง อยู่บนเตียงนอนจับมือกัน เขาก็พูด น้ำตาไหล สุดท้ายเราก็มีกันอยู่แค่ 3 คน
ปกติจะพูดอะไรกับพี่สาว ?
อิ่งอ้อย : เป็นคนที่พูดตรงมาก ก็ต้องสู้ ชีวิตที่เหลืออยู่คือมีความสุขอยู่กับพี่น้อง หลาน ๆ ดีกว่า ผู้ชายตัดทิ้ง เลิก
ตอนที่ตัวพี่อิ่งอ้อยเองไม่สบายลูกสาวอยู่เคียงข้างตลอด ?
อิ่งอ้อย : ตลอดค่ะ เราได้มาจากการฉีดวัคซีน ฉีดเสร็จขึ้นเป็นวงเล็ก ๆ พอหลังจากฉีด 1 อาทิตย์ ติดโควิดอยู่ที่โรงพยาบาล มันขึ้นมาพรึ่บเดียวตั้งแต่เท้าถึงหนังหัวเลย เราตกใจว่ามันเกิดจากอะไร เพื่อนสามีที่เป็นหมอเกาหลีเค้าจะรีเช็กเราตลอดว่าเป็นยังไง ที่นี่แนวทางการรักษายังไง ที่นั่นแนวทางการรักษาเป็นยังไง เป็นแบบนี้ต้องไปเข้าตู้ UV ซึ่งเข้า 1 ครั้งเท่ากับตากแดด 10 วัน พี่เข้ามา 38 ครั้งแล้ว
มีมี่ (ลูกสาว) : ตกใจค่ะ เป็นห่วง กลัวว่าเป็นโรคอะไรที่รุนแรงมากกว่าสะเก็ดเงิน เพราะว่าหนูก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสะเก็ดเงิน พอเห็นแม่เป็นหนูปลอบใจเค้า เราช่วยอะไรเค้ามากไม่ได้ ไม่เป็นไรแม่ คนสวย คนรวยเท่านั้นที่จะเป็น
อิ่งอ้อย : โรคสะเก็ดเงินเกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายมันเพี้ยน มันสร้างภูมิคุ้มกันกับเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกายเรา แล้วมันมาต่อสู้กันออกมาที่ผิวหนังของเรา จากเป็นวงแค่เท่าเหรียญ 10 บาท ขึ้นเป็นวงกว้าง ขึ้นหน้า ขึ้นหนังหัว ทั้งตัว 3 โรงพยาบาล กินยาหม้อไม่หาย มันจะคันมาก
มีมี่ (ลูกสาว) : เวลาแม่ต้องทายาก็ไปช่วยเค้า มันขึ้นเยอะมากเป็นแผลเป็นด้วย พอเข้าใจเพราะเราเคยแพ้ยุง แต่เวลามันคันจริง ๆ
หมอบอกว่าจะหายไหม ?
อิ่งอ้อย : มีคนหาย ต้องหาย เพราะไปหาหมอเค้าจะคุมอาหาร ไม่ให้ทานอะไรที่เป็นเครื่องปรุงทุกอยางในโลกนี้ ทานได้แต่เกลือกับผัก
ลูกสาวพูดได้ 5 ภาษา ?
มีมี่ (ลูกสาว) : ไทย อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่นนิดหน่อย สเปนเพิ่งเริ่มเรียน
อยากให้เข้าวงการไหม ?
อิ่งอ้อย : ได้ ถ้าลูกอยากไปทางไหนได้เลยค่ะ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama